BLOG BOARD_B
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email: sale@soccersuck.com
แสดงความเห็น
1, 2, 3 ... 8, 9, 10 ... 76, 77, 78
ไปที่หน้า
GO
รักสุขภาพ
สมาชิก 267 คน, จำนวนคอมเมนต์ 1165
Description
ลดความอ้วน เพิ่มน้ำหนัก เล่นกล้าม เทคนิคการออกกำลังกายต่างๆ อาหารการกินต่างๆ

ระเบียบการชมรม

  • สมาชิกที่ต้องการเข้าร่วมชมรมให้กดปุ่ม join ที่อยู่ด้านบนของกระทู้
  • สมาชิกที่เข้าร่วมชมรมเสีย 10 แผล่บครั้งเดียวถาวร(หัวหน้าไม่เสีย)
  • สมาชิกที่เข้าร่วมแล้วเสีย 10 แผล่บจะได้รับการคืนหากหัวหน้ากดปฏิเสธไม่ให้ร่วมกลุ่ม
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
นักบอลไทยพรีเมียร์ลีก
Status:
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 5029 (บอร์ดเก่า 6434)
ที่อยู่: BBS PLAYPARK
โพสเมื่อ: Fri Oct 04, 2013 09:11
เช้านี้ลุยฝนไปกิน ผัดบวบกะผัดกระหล่ำ

แล้วก็ซื้อแซนวิสโฮลวิทสลัดทูน่า กะ ไข่ต้ม 4 ฟอง cp มันขึ้นเป็น 2 ฟอง 15 ละ

แต่ก็ต้องซื้อบ่มีอุปกรณ์ต้ม
My Locker
ออฟไลน์
นักเตะกลางซอย
Status:
เข้าร่วม: 16 Jun 2007
ตอบ: 1107 (บอร์ดเก่า 963)
ที่อยู่: Planet
โพสเมื่อ: Fri Oct 04, 2013 09:36
MOG พิมพ์ว่า:
utum_13 พิมพ์ว่า:
สวัสดีคับทุกท่าน ตั้มนะคับ อายุ 30 ยังแจ๋ว สูง 173 หนัก 64 คับเพื่อไม่เปลืองกระทู้ ขอคำปรึกษาเลยนะคับ

ผมอยากตัวใหญ่กว่านี้นิดนึงคับ ตารางออกกำลังกายผม พ ศ เสาร์ เตะบอล 2.30 ชม

อาทิตย์ เช้า จัน อังคาร เย็น เข้าฟิตเนส วันละ 1.30 ชม (มีสระว่ายน้ำด้วยคับแต่ไม่เคยว่าย)

วันพฤ ทานข้าวกับเพื่อนๆ ผมยก เบ้นเพรส ได้ข้างละ 13.5 - 15 KG คับ (แล้วแต่สภาพ)

ผมควรเล่นเน้นอะไรพิเศษไหมคับ เพราะผมก็เล่นไปเรื่อย คับ เน้นๆ อก หลัง แล้วแขน

แล้วแต่เครื่องจะว่าง 555+

บางคนบอกไม่ให้เล่นต้นขา เพราะผม เตะบอลอยู่แล้วแต่ผมก็อยากให้มันใหญ่ขึ้นหน่อย

หรือใครมีวิธีทานอาหารยังไงบ้างคับ ขอบคุณทุกๆท่านคับขอบคุณที่รับเข้าชมรมคับแอบส่องมาสักพักละคับ

 


เกือบจะดีแล้วครับจัดตารางให้เป็นชิ้นเป็นอันหน่อยแล้วเล่นตามตารางดีกว่าครับ ขอจริงๆสมควรเล่นครับจะหนักจะเบาก็เล่นๆไปมีประโยชน์

กินข้าวปกติกินแบ่งเป็นมื้อย่อยๆประมาณวันละ5มื้อครับ สนใจร่วมสนุกด้วยมั๊ย  


555+ เรื่องเกมส์ขอผ่านดีกว่าคับอาย เอาเป็นขอคำแนะนำแล้วแอบเชียร์คนเล่นดีกว่าคับ ส่วนเรื่องตาราง ก็ช่วยแนะนำหน่อยได้ไหมคับ วันไหนเล่นแบบไหน ผมไม่ค่อยมีความรู้เลย อาศัยว่าสาวๆฟิตเนสน่ารักล้นเหลือ 55+ (เข้าฟิตเนส สัปดาห์ละ 3 วัน) ส่วนอาหาร ผมควรกินก่อนหรือหลังเล่นอ่ะคับ เพราะไม่ว่าจะเตะบอลหรือ เล่นเวท ผมกินมันทั้งก่อนและหลังเลย 55+
แก้ไขล่าสุดโดย utum_13 เมื่อ Fri Oct 04, 2013 09:37, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ความเป็นไปได้ถามความเป็นไปไม่ได้ว่า "คุณอยู่ที่ไหน" เขาตอบว่า "อยู่ในความเพ้อฝันของคนอ่อนแอ"
My Locker
ออฟไลน์
นักเตะท้ายซอย
Status:
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 1151 (บอร์ดเก่า 16321)
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Oct 04, 2013 09:58
เดี๋ยวผมเอาภาพมาลงครับ จองไว้ก่อน
My Locker
ออฟไลน์
ดาวเตะกัลโช่
Status:
เข้าร่วม: 24 Mar 2009
ตอบ: 22017 (บอร์ดเก่า 16228)
ที่อยู่: reykjavik , Iceland
โพสเมื่อ: Fri Oct 04, 2013 10:25
utum_13 พิมพ์ว่า:
MOG พิมพ์ว่า:
utum_13 พิมพ์ว่า:
สวัสดีคับทุกท่าน ตั้มนะคับ อายุ 30 ยังแจ๋ว สูง 173 หนัก 64 คับเพื่อไม่เปลืองกระทู้ ขอคำปรึกษาเลยนะคับ

ผมอยากตัวใหญ่กว่านี้นิดนึงคับ ตารางออกกำลังกายผม พ ศ เสาร์ เตะบอล 2.30 ชม

อาทิตย์ เช้า จัน อังคาร เย็น เข้าฟิตเนส วันละ 1.30 ชม (มีสระว่ายน้ำด้วยคับแต่ไม่เคยว่าย)

วันพฤ ทานข้าวกับเพื่อนๆ ผมยก เบ้นเพรส ได้ข้างละ 13.5 - 15 KG คับ (แล้วแต่สภาพ)

ผมควรเล่นเน้นอะไรพิเศษไหมคับ เพราะผมก็เล่นไปเรื่อย คับ เน้นๆ อก หลัง แล้วแขน

แล้วแต่เครื่องจะว่าง 555+

บางคนบอกไม่ให้เล่นต้นขา เพราะผม เตะบอลอยู่แล้วแต่ผมก็อยากให้มันใหญ่ขึ้นหน่อย

หรือใครมีวิธีทานอาหารยังไงบ้างคับ ขอบคุณทุกๆท่านคับขอบคุณที่รับเข้าชมรมคับแอบส่องมาสักพักละคับ

 


เกือบจะดีแล้วครับจัดตารางให้เป็นชิ้นเป็นอันหน่อยแล้วเล่นตามตารางดีกว่าครับ ขอจริงๆสมควรเล่นครับจะหนักจะเบาก็เล่นๆไปมีประโยชน์

กินข้าวปกติกินแบ่งเป็นมื้อย่อยๆประมาณวันละ5มื้อครับ สนใจร่วมสนุกด้วยมั๊ย  


555+ เรื่องเกมส์ขอผ่านดีกว่าคับอาย เอาเป็นขอคำแนะนำแล้วแอบเชียร์คนเล่นดีกว่าคับ ส่วนเรื่องตาราง ก็ช่วยแนะนำหน่อยได้ไหมคับ วันไหนเล่นแบบไหน ผมไม่ค่อยมีความรู้เลย อาศัยว่าสาวๆฟิตเนสน่ารักล้นเหลือ 55+ (เข้าฟิตเนส สัปดาห์ละ 3 วัน) ส่วนอาหาร ผมควรกินก่อนหรือหลังเล่นอ่ะคับ เพราะไม่ว่าจะเตะบอลหรือ เล่นเวท ผมกินมันทั้งก่อนและหลังเลย 55+  


ก่อนเล่นก็กินพวก โฮลวีทสัก2แผ่น หรือกล้วยสักลูกนึงก็ได้ครับ หลังเล่นก็ประมาณอกไก่ ไข่ต้ม ประมาณนี้อะครับ
My Locker
ออฟไลน์
นักเตะกลางซอย
Status:
เข้าร่วม: 16 Jun 2007
ตอบ: 1107 (บอร์ดเก่า 963)
ที่อยู่: Planet
โพสเมื่อ: Fri Oct 04, 2013 11:21
ไปเจอบทความดีๆมาคับ จาก Thaihealth.or.th คับ เลยก้อปมาอ่านกัน หรือจะ ตามลิ้งไปได้คับ http://www.thaihealth.or.th/healthcontent/article/27011

เรารวบรวมอาหารเช้าที่คุณคุ้นเคย 6 เมนู ไปให้ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์อายุรวัฒน์ (Ani-Aging) นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการสถาบันเวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ ฟันธงว่าแท้จริงแล้ว เมนูอาหารเช้ายอดฮิตอย่าง น้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋, โจ๊กหมู, ข้าวเหนียว หมูปิ้ง, ต้มเลือดหมู, ขนมปัง ไข่ดาว และขนมครกนั้น แท้จริงแล้วมีประโยชน์เพียงใด เหมาะจะนำมาเป็นมื้อสำคัญยามรุ่งอรุณแค่ไหน

การทานอาหารเช้าที่ดี คือ ให้กินอย่างราชา แต่จะต้องมีหลักนิดนึงคือ ถ้าเรากินอย่างราชาแต่หนักแป้งก็ไม่ดี เพราะมันจะทำให้เราหิวเร็ว ดังนั้นกฎข้อแรกของการกินอาหารเช้าคือ พยายามทานแป้งกับน้ำตาลให้น้อยที่สุด เพราะแป้งและน้ำตาลดูดซึมได้เร็ว เมื่อไหร่ที่ดูดซึมเร็ว อินซูลิน (Insulin) จะมาควบคุมไม่ให้น้ำตาลในกระแสเลือดสูง เมื่ออินซูลินมากดนานเข้า ก็จะทำให้น้ำตาลเราต่ำ เมื่อน้ำตาลต่ำ เราก็จะหิวเร็ว ดังนั้นย้ำนะครับ ว่าอาหารเช้าไม่ควรขาดเลย แต่ควรจะงดแป้งและน้ำตาล

กฎข้อที่สองคือ อาหารเช้ามื้อนั้นๆ ไม่ควรจะรสจัดเกินไป เพราะในตอนเช้ายังไม่มีน้ำย่อยเยอะ และกระเพาะอาหารยังไม่ขยับเต็มที่ หากเราทานอาหารที่มีความมัน หรือเผ็ดเกินไป มันจะทำให้เกิดข้อเสียมากกว่า ดังนั้นในมื้อเช้าจึงไม่ควรจะทานอาหารที่มันและเผ็ดเกินไป คุณหมอกฤษดา อธิบายถึงหลักการรับประทานอาหารมื้อเช้าที่ดีต่อสุขภาพ

หลังบอกถึงหลักการทานอาหารเช้าที่เหมาะสมแล้ว เรามาดูกันเลยค่ะว่า อาหารเช้าที่หลายท่านนิยมชมชอบ ด้วยเพราะคุ้นเคยดี แถมซื้อหาได้ง่าย (เพราะขายอยู่พรึ่บทุกปากซอย) แท้จริงแล้ว แต่ละเมนูมีประโยชน์แค่ไหน เหมาะจะเป็นมื้อเช้าที่ดีของคุณๆ หรือไม่ และคุณหมอท่านฟันธงมาว่าเมนูไหนเยี่ยมสุด

อันดับ 1 ต้มเลือดหมู

เมนูอันดับหนึ่ง คุณหมอผู้ผู้เชี่ยวชาญด้าน Anti-Aging ยกนิ้วให้เป็นเมนูเพื่อสุขภาพสุดๆ ทว่าจะให้ทานแล้วดีต่อร่างกายอย่างแท้จริง...ก็ต้องมีเทคนิคในการทาน

ต้มเลือดหมูเป็นอาหารที่เรียกได้ว่าเป็น perfect combination หรือเป็นคู่ที่สมกันมากเลย เพราะในเลือดหมูมีธาตุเหล็ก และในผัก เช่น ใบตำลึง จะมีวิตามินซีเยอะ ธาตุเหล็กต้องมีวิตามินซี มันถึงจะดูดซึมได้ดี เช่นเดียวกับที่วิตามินซี ก็ต้องมีธาตุเหล็กมันถึงจะดูดซึมเข้าไปในร่างกายได้ดี ฉะนั้นมันเป็นคู่ที่เพอร์เฟคเลย

แต่สิ่งที่ควรระวังคือ หากใครเป็นเก๊าท์ ต้องระวังหน่อย เพราะน้ำซุปต้มเลือดหมูทำจากน้ำต้มกระดูก ซึ่งมีกรดยูริค (Uric Acid) เยอะ ส่วนเครื่องในก็มีกรดยูริคสูงเหมือนกัน อันนี้อาจต้องระวังสักนิด นอกจากนี้คนอีกกลุ่มที่ต้องระวัง คือ คนที่เป็นธาลัสซีเมีย (Thalassemia) เพราะคนที่เป็นธาลัสซีเมีย ไม่ควรกินธาตุเหล็กเยอะ แต่ต้มเลือดหมู มีทั้งเลือดหมู, เครื่องใน, ใบตำลึง เหล่านี้มีธาตุเหล็กทั้งนั้นเลย แต่ถ้าในคนทั่วไปที่ไม่ได้เป็นธาลัสซีเมีย ต้มเลือดหมูคือต้มที่ดี เป็นต้มที่เปี่ยม คอลลาเจน (Collagen) เพราะในเลือดหมูมีคอลลาเจน ในน้ำต้มกระดูกก็มีคอลลาเจน ทั้งยังมีผักเขียวที่มีวิตามินซี ก็ยิ่งทำให้คอลลาเจน ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดีอีกด้วย

ดังนั้นต้มเลือดหมู ถือว่าเป็นซุปสวยได้เลย เป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีชนิดหนึ่ง ผมว่าดีกว่าปาท่องโก๋จิ้มนมนะ แต่มันจะกลายเป็นอาหารที่ไม่สุขภาพไปได้ เช่น หากเราใส่กระเทียมเจียวเยอะๆ ใส่หมูติดมัน หรือบางเจ้าใส่หมูสามชั้น หรือหมูกรอบเข้าไป แล้วปรุงให้รสจัดเกินไป หรือหวานไป

อันดับ 2 ขนมปัง + ไข่ดาว

สำหรับอับดับสองเป็นเมนูอาหารเช้าทำง่าย...ทานง่าย อย่าง ขนมปัง-ไข่ดาว ผู้อำนวยการสถาบันเวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ ยกให้เป็นอาหารเช้าเปี่ยมประโยชน์ที่เหมาะนักสำหรับหนุ่มสาววัยทำงาน และน้องๆ วัยเรียน จะต้องเป็นขนมปังโฮลวีท (whole wheat) และไข่ดาวน้ำ หรือไข่ต้ม (ที่ไร้น้ำมัน) นะคะ

ในช่วงเช้า สำหรับหนุ่มสาวออฟฟิศ (office) ที่ต้องไปทำงาน หรือเด็กในวัยเรียน การเพิ่มอาหารจำพวกโปรตีนเข้าไปก็ถือว่าเหมาะมาก เพราะโปรตีนจะกระตุ้นให้รู้สึกกระฉับกระเฉง ดังนั้นการทานอาหารที่มีโปรตีนอย่าง ไข่ ก็เป็นอาหารเช้าที่ดีมาก ราคาไม่แพง และมีโปรตีนที่ช่วยกระตุ้นสมองด้วย สำหรับไข่ทอดอาจจะมีปัญหาเรื่องของน้ำมัน ดังนั้นหากทานเป็นไข่ต้มได้ก็ยิ่งดี โดยอาจทานไข่ต้ม, ไข่ลวก, ไข่ดาวน้ำ โรยซีอิ้วขาว โรยพริกไทยก็ยิ่งดี เพราะพริกไทยช่วยกระตุ้นการเผาผลาญ และลดไขมันได้ด้วย

หรือไข่ต้มอย่างเดียวอาจไม่อิ่ม การทานคู่กับขนมปังโฮลวีท ก็เป็นตัวเลือกที่ดี เพราะขนมปังโฮลวีท เป็นแป้งที่มีคุณภาพ คือ แป้งมีกาก มีธัญพืชทั้งหลาย โดยอาจนำขนมปังขนมปังโฮลวีท มาทำเป็นแซนวิช (sandwich) ไข่ เพิ่มผักอีกสักหน่อย ก็ยิ่งทำให้ร่างกายดูดซึมได้ดีขึ้น ทานกับนมอีกนิดเพอร์เฟค (perfect) เลย เพราะนมก็มีโปรตีน และกรดอะมิโน (Amino acid) ที่ช่วยกระตุ้นสมอง ถ้าผู้ใหญ่บางท่านแพ้นมวัว ทานแล้วท้องเสีย ก็สามารถทานโยเกิร์ต (Yoghurt) แทนได้ เพราะโยเกิร์ตคือ นมที่ย่อยแล้ว และไม่ทำให้ห้องเสีย ถือว่าเป็นอาหารชูกำลัง แทนที่เราจะกระตุ้นด้วยกาแฟ เรากระตุ้นด้วยอาหารชูกำลังอย่าง นม หรือโยเกิร์ตดีกว่า

อันดับ 3 ขนมครก + กาแฟ

ขนมครกนั้น จะมีปัญหาตรงที่มันมีแป้ง ถ้าเจ้าไหนใส่แป้งเยอะ ก็ไม่ต่างจากปาท่องโก๋เท่าไหร่ ดีกว่านิดหน่อยตรงที่มันใช้การปิ้ง เป็นการทำให้สุกด้วยความร้อนแทนการทอด แต่ข้อดีของมันคือ มีกะทิ ซึ่งกะทิเป็นไขมันดี เป็นกลุ่มของไขมัน มีเดียม-เชน ไตรกลีเซอไรด์ (Medium-chain triglycerides) เป็นไขมันที่ร่างกายขับออกได้ดี ก็เลยไม่ค่อยถูกเก็บสะสมในร่างกาย ซึ่งเรามักเข้าใจว่ากะทิก่อให้เกิดอันตราย แต่จริงๆ แล้ว กะทิถือเป็นของดีเลย อันนี้เป็นอีกหน้าฉากหนึ่งและในมะพร้าวก็ยังมีวิตามินอี ที่ช่วยบำรุงผิวด้วย และส่วนใหญ่แล้ว หน้าของขนมครก ก็จะเป็นหน้าเพื่อสุขภาพ คือโรยด้วยเผือก, ต้นหอม, ข้าวโพด, ก็จะมีวิตามินเอ ซึ่งวิตามินเอ ต้องอาศัยไขมันจากกะทิ ในการดูดซึมดังนั้นก็เข้ากันพอดี

ยิ่งทานขนมครกกับชา หรือกาแฟ ก็ถือว่าเหมาะสม เพราะในกาแฟจะมีคาเฟอีน (Caffeine) เยอะ ซึ่งถ้าเราได้ อาหารอย่างขนมครกเข้าไปรองท้องก็จะดี เพราะร่างกายจะได้ไม่ต้องดูดซึมคาเฟอีนเข้าไปแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย ซึ่งมันอาจจะมากเกินไปสำหรับร่างกาย ดังนั้นขนมครกก็ไม่ถึงกับเป็นอาหารเช้าที่เลวร้ายนัก แต่ก็ต้องระวังไว้นิด เพราะบางเจ้าอาจมีการใส่น้ำตาลเยอะ รสหวานเกินไป อันนี้ก็ต้องระวังไว้หน่อย ไม่อย่างนั้นก็จะได้รับน้ำตาลมากเกินไปเหมือนกัน

อันดับ 4 โจ๊กหมู

ตัวโจ๊กหมู จะมีปลายข้าว รำข้าว ถ้าเยอะไปก็ทำให้หิวเร็วได้เช่นกัน เพราะมันคือ แป้งที่ทำให้เราหิวเร็วได้ ส่วนสิ่งที่ควรจะทานคู่กับโจ๊กหมูคือ ขิง และต้นหอม เพราะขิงจะช่วยระบบเผาผลาญในร่างกาย และทำให้ไม่รู้สึกเลี่ยน ต้นหอม ช่วยในเรื่องลดไขมัน และควบคุมน้ำตาล

ส่วนประโยชน์นั้น หากเราเลือกโจ๊กที่ทำจากปลายข้าวแท้ๆ แล้วผสมจมูกข้าวลงไปด้วย มันจะทำให้เราได้วิตามินอี (Vitamin E) และ แกมมา ออริซานอล (Gamma-Orizanal) ซึ่งเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ที่มีในข้าว หรือรำข้าว และถ้ายิ่งได้โจ๊กที่ทำจากข้าวกล้องงอกจะยิ่งดีมาก เพราะมันจะมี กาบา (Gaba) ที่ทำให้สมองร่าเริง ดังนั้นถ้าเลือกได้ก็ควรเลือกซื้อโจ๊กที่ใช้ข้าวที่มีประโยชน์เหล่านี้ แต่ถ้าหาซื้อลำบาก หาได้เป็นโจ๊กข้าวขาวธรรมดา ก็ไม่ต้องซีเรียส ลองพยายามลดความเสี่ยงจากการได้แป้ง กับน้ำตาลเยอะ โดยเน้นทานผักเยอะๆ และไม่ต้องปรุงรสให้หวานขึ้น หรือเค็มขึ้น

ข้อควรระวังคือ อย่ากินโจ๊ก คู่กับปาท่องโก๋ เพราะนั่นคือการนำแป้งมาจิ้มแป้ง และหากโจ๊กนั้นใส่หมูสับแล้ว ก็ไม่ต้องใส่เครื่องในหมูเข้าไปอีก เพราะเครื่องในเป็นแหล่งของกรดยูริค ที่ทำให้เกิดเก๊าท์ และในตัวโจ๊กก็ทำจากน้ำต้มกระดูก ซึ่งมีกรดยูริคมากอยู่แล้ว หากเราใส่เครื่องในเข้าไปอีกมันก็จะได้กรดยูริคมากเกินไป แถมยังได้คอเลสเตอรอล (Cholesterol) มากเกินไปด้วย เพราะหมูสับก็มีคอเลสเตอรอลอยู่แล้ว หากใส่เครื่องในอีกก็อาจจะทำให้เราได้คอเลสเตอรอลในมื้อนั้นมากเกินไป

อันดับ 5 ข้าวเหนียว+ หมูปิ้ง

เมนูอับดับห้านี้ คุณหมอเตือนมานิดว่า แม้จะอร่อย ทานง่าย แถมพกพาสะดวก ทว่าก็ต้องระมัดระวังเลือกร้านที่ไว้ใจได้ และเลี่ยงทานส่วนที่ มัน

ในเรื่องของพลังงานที่ได้จากการเผาผลาญอาหาร เราอาจได้รับแคลอรี่ (Calorie) เยอะอยู่ แต่ถ้าเทียบกับโจ๊กแล้ว ข้าวเหนียวหมูปิ้งก็เป็นตัวที่สลับกันทานกับโจ๊กได้ เพราะอย่างน้อยในข้าวเหนียว ก็จะมีกลูเตน (Gluten) หรือไฟเบอร์เยอะกว่าข้าวขัด จะดีขึ้นมาระดับหนึ่ง และถ้ายิ่งได้ทานหมูปิ้งกับข้าวเหนียวดำ มันก็จะมี โอพีซี (OPC) สารสีม่วงซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่อยู่ในข้าวเหนียวดำด้วย

ส่วนหมูปิ้งมีเทคนิคการทานคือ ให้เลือกหมูปิ้งในส่วนที่มีมันค่อนข้างน้อย เพราะเมื่อไหร่ไขมัน ไปสัมผัสกับความร้อน มันจะเพิ่มอัตราเสี่ยงของการเกิดสารก่อมะเร็งขึ้น ดังนั้นให้เลือกมันน้อยๆ ไม่ว่าจะเป็นมันที่แทรกอยู่ในเนื้อหมู หรือมันที่ติดอยู่โคนไม้เหล่านี้ก็ต้องเลี่ยง นอกจากนี้เรื่องถ่านที่ปิ้งหมู ก็ต้องระวังเรื่องของสารปนเปื้อนที่มาจากถ่านที่ไม่ได้คุณภาพด้วย เพราะพวกนี้อาจจะมียาฆ่าแมลงที่ติดมากับไม้ที่นำมาทำเป็นถ่าน หรือหากเขาใช้ไม้เฟอร์นิเจอร์ (Furniture) มาทำเป็นถ่านก็ยิ่งต้องระวัง เพราะไม้พวกนี้เขามีการพ่นปลวก พ่นสารเคมีเอาไว้ อาจจะทำให้เราได้รับสารเคมีได้

อันดับ 6 น้ำเต้าหู้ + ปาท่องโก๋

สำหรับเมนูสุดท้ายอย่าง น้ำเต้าหู้ และปาท่องโก๋นี้ คุณหมอหนุ่มระบุว่า ปาท่องโก๋นั้น ถือเป็นอาหารที่สุ่มเสี่ยงจะทำให้คุณอ้วนได้ง่าย เพราะทานแล้วหิวเร็ว ส่วนน้ำเต้าหู้นั้น ถือเป็น อาหารล้างบาป ให้กับปาท่องโก๋ที่คุณทานเข้าไป

ปาท่องโก๋เนี้ย ตัวทำให้อ้วนเลยครับ ถ้าคนเราทานป
ความเป็นไปได้ถามความเป็นไปไม่ได้ว่า "คุณอยู่ที่ไหน" เขาตอบว่า "อยู่ในความเพ้อฝันของคนอ่อนแอ"
My Locker
ออฟไลน์
นักเตะกลางซอย
Status:
เข้าร่วม: 16 Jun 2007
ตอบ: 1107 (บอร์ดเก่า 963)
ที่อยู่: Planet
โพสเมื่อ: Fri Oct 04, 2013 11:21
ปาท่องโก๋เนี้ย ตัวทำให้อ้วนเลยครับ ถ้าคนเราทานปาท่องโก๋ วันละ 1 คู่ ทุกวัน ภายในเวลา 1 ปี น้ำหนักจะขึ้นเป็นกิโลกรัมเลย เพราะปาท่องโก๋เป็นอาหารที่มีแป้ง แต่น้ำเต้าหู้ เป็นตัวล้างบาปที่ดี นี่คือภูมิปัญญาของคนไทย เพราะน้ำเต้าหู้ มันมีสารอาหารที่ช่วยเรื่องสุขภาพ ทั้งโปรตีน (Protein), แอนตี้ออกซิแดนท์ (Antioxidant), เปปไทด์ (Peptide) หรือถ้ายิ่งเป็นน้ำเต้าหู้ใส่ธัญพืช ก็จะมีไฟเบอร์ (Fiber) ที่ช่วยไล่ไขมันในปาท่องโก๋ได้

อีกสิ่งที่ต้องระวังจากตัวปาท่องโก๋คือ มันอาจจะมีสารตัวหนึ่งที่ก่อมะเร็งได้ นั่นคือกลุ่มของอะคริลาไมด์ (Acrylamide) ตัวนี้จะเกิดในพวกของทอด อาหารที่ต้องทอดด้วยน้ำมันชุ่มๆ และอาหารทอดซ้ำ ดังนั้นถ้าเราจะทานปาท่องโก๋ ก็ต้องพยายามเว้นวันบ้าง อย่าทานทุกวัน หรือถ้าจะทานปาท่องโก๋เมื่อไหร่ ควรจะทานน้ำเต้าหู้ที่มีธัญพืชเยอะๆ ร่วมด้วย เช่น น้ำเต้าหู้ใส่ถั่วแดง, เม็ดแมงลัก, ข้าวบาร์เล่ย์ (Barley) ใส่ธัญพืชเหล่านี้เข้าไปสักหน่อย มันจะได้ช่วยไม่ให้แป้งในปาท่องโก๋ ดูดซึมเร็วเกินไป จนทำให้หิวง่าย

ส่วนผู้ที่นิยมทานปาท่องโก๋จิ้มนมข้น อันนั้นเรียกว่า คาร์โบไฮเดรต (Carbohydrate) จิ้มคาร์โบไฮเดรต หรืออ้วนจิ้มอ้วนเลย เพราะนมข้นหวานทำจากหางนม แล้วปรุงรสด้วยน้ำตาล, น้ำเชื่อม เพราะฉะนั้นถ้าทานปาท่องโก๋ กับนมข้น ข้อเสียคือ ทำให้เราติดหวาน หากมื้อเช้ามื้อนั้นเราทานปาท่องโก๋ จิ้มนมข้น มันอาจจะทำให้คุณรู้สึกมีความสุข เพราะได้น้ำตาล แต่มันจะทำให้หิวเร็ว คุณหมอกฤษดา อธิบายปิดท้ายเมนูสุดท้ายแบบครบถ้วนกระบวนความ
ความเป็นไปได้ถามความเป็นไปไม่ได้ว่า "คุณอยู่ที่ไหน" เขาตอบว่า "อยู่ในความเพ้อฝันของคนอ่อนแอ"
My Locker
ออฟไลน์
นักเตะท้ายซอย
Status:
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 1151 (บอร์ดเก่า 16321)
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Oct 04, 2013 16:03
แก้ไขล่าสุดโดย แก้มล้น เมื่อ Fri Oct 04, 2013 16:04, ทั้งหมด 1 ครั้ง
My Locker
ออฟไลน์
นักเตะท้ายซอย
Status:
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 1151 (บอร์ดเก่า 16321)
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Oct 04, 2013 16:09


หนัก78 สูง174 เล่นด้วยครับ สูงสุดผมหนัก96
My Locker
ออนไลน์
MOG
ซุปตาร์โอลิมปิก
Status:
เข้าร่วม: 10 Oct 2010
ตอบ: 19968 (บอร์ดเก่า 7018)
ที่อยู่: เชียงใหม่
โพสเมื่อ: Fri Oct 04, 2013 20:14
ท่าน utum_13 ตารางเล่น

ผมทำเป็นแนวน่ะครับ ประยุกได้ สลับได้ตามสะดวก ทดลองดูเอาที่เหมาะกับตัวเองน่ะครับ bunny

เล่น2วัน หยุด1วันน่ะครับ 4เซ็ตทุกท่า เซ็ตละ 15 12 10 8(เรียงไปเซ็ต1-4) ท้องจะเล่นวันไหนเท่าไหร่แล้วแต่เลย

วันแรก อก - หลังแขน(ขอไม่ลงคลิปน่ะครับเยอะจัด ก็อบชื่อท่าไปวางในยูทูปได้เลย)

อก
INCLINE DUMBBELL PRESSES
BENCH PRESSES
dip for chest
DUMBBELL FLYES

หลังแขน
CLOSE GRIP BENCH PRESSES
Skull crushers
PRESS DOWNS

วันที่2

หลัง
chin ups (เอาเท่าที่ไหว)
BARBELL ROWS
ONE-ARM DUMBBELL ROWS
DEADLIFT

หน้าแขน
BARBELL CURL
HAMMER CURLS
CONCENTRATION CURL

----------พัก1วัน-----------

วันที่3

ไหล่
Dumbbell Shoulder Press
SIDE LATERAL RAISE
ALTERNATE DUMBBELL FRONT RAISE
REVERSE PEC DECK

บ่า
UPRIGHT ROWS
SHRUGS

วันที่4

ขา
Squat
Leg Extension
Leg Curl
LEG CALF RAISES

-------พัก1วัน-------

วนมาวันที่1ใหม่
แก้ไขล่าสุดโดย MOG เมื่อ Sat Oct 05, 2013 19:08, ทั้งหมด 1 ครั้ง

My Locker
ออฟไลน์
นักบอล ดิวิชั่น 1
Status:
เข้าร่วม: 10 Jan 2010
ตอบ: 6041 (บอร์ดเก่า 3174)
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Oct 04, 2013 21:15


https://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=Fo4fdwbZF4Y

เหมาะสำหรับ คนชอบเล่นแขนและอยากมี ไบเซปยักๆ
แก้ไขล่าสุดโดย Juz- เมื่อ Fri Oct 04, 2013 21:21, ทั้งหมด 2 ครั้ง
My Locker
ออฟไลน์
นักเตะอบต.
Status:
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 706 (บอร์ดเก่า 346)
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Oct 04, 2013 21:20
มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการกินเวย์อะครับ
ผมเล่นเวทมาสักพักแล้ว แต่ไม่ได้กินเวย์ จะถามว่าการกินเวย์มันมีผลข้างเคียงอะไรไหมครับ
กินแล้วต้องกินเรื่อยๆไม่งั้นจะลีบจริงรึเปล่า แล้วมันขึ้นเร็วกว่าไม่กินจริงไหมครับ ต่างกันมากไหมครับ

My Locker
ออฟไลน์
นักบอล ดิวิชั่น 1
Status:
เข้าร่วม: 10 Jan 2010
ตอบ: 6041 (บอร์ดเก่า 3174)
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Oct 04, 2013 21:29
hctep พิมพ์ว่า:
มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการกินเวย์อะครับ
ผมเล่นเวทมาสักพักแล้ว แต่ไม่ได้กินเวย์ จะถามว่าการกินเวย์มันมีผลข้างเคียงอะไรไหมครับ
กินแล้วต้องกินเรื่อยๆไม่งั้นจะลีบจริงรึเปล่า แล้วมันขึ้นเร็วกว่าไม่กินจริงไหมครับ ต่างกันมากไหมครับ  


เรื่องผลข้างเตียง รู้สึกมักจะเกิดกับพวกที่กินนมปกติไม่ได้ อะครับเหมือนเพื่อนผม กินแล้วท้องเสีย ก้ต้องหันไปกิน whey แบบ iso แทน

แถมราคายังแพงขึ้นไปอีก

ถ้ากินนมได้ปกติก็ไม่ต้องกินเวย์แบบ iso ก็ได้ครับ กินเป็น whey blend(ผสมธรรมดา)นี่แหละ

เรื่องต้องกินเรื่อยๆ ไม่ขอตอบน่ะเพราะไม่มั่นใจ ในข้อมูลตัวเอง

แล้วถามว่าขึ้นเร็วกว่าปกติไหม ก็ขึ้นอยู่กับการฝึกของเราด้วย ถ้าฝึกหนักมากๆ ไม่ต้องกินเวย์ ก็ขึ้นไว แต่ถ้าทั้งฝึกหนักกินเวย์ให้ถูก ก็ขึ้นไวไปอีก

แต่รู้สึกเคยเห็น ท่าน MOG หรือ ท่านไหน ใน SS นี่แหละ บอกว่า 3-5 เดือนแรก ยังไม่ต้องกินก็ได้ครับ

เอาท่าเล่นให้เป๊ะก่อน ถ้าเล่นไม่เข้า กินเวย์ก็ไม่ช่วยไรน่ะ


ขอบคุณที่่อ่านจนจบครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Juz- เมื่อ Fri Oct 04, 2013 21:39, ทั้งหมด 4 ครั้ง
My Locker
ออฟไลน์
นักบอล ดิวิชั่น 1
Status:
เข้าร่วม: 10 Jan 2010
ตอบ: 6041 (บอร์ดเก่า 3174)
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Oct 04, 2013 21:48
Terre Replica พิมพ์ว่า:
สอบถามเรื่อง Hiit หน่อยครับ
ปกติเขาให้ออกแบบ Hiit วันละกี่นาทีอะครับ บางที่ 30 นาที บางที่บอกไม่เกิน 20 นาที

แล้วถ้าผมจะลองหันมา Hiit ดู โปรแกรมนี้โอเคไหมอะครับ เพราะตอนนี้วิ่งปกติวันละ40นาที อยากลองเปลี่ยนมาเล่นแบบนี้ดูมั่ง

Phase 1 (1:4): Weeks 1-2
15 seconds: High-Intensity Exercise
60 seconds: Rest or Low-Intensity Exercise
Repeat another 10 times, followed by a final 15-second high-intensity blast.
Total time: 14 minutes

Printable Page PDF Document

Phase 2 (1:2): Weeks 3-4
30 seconds: High-Intensity Exercise
60 seconds: Rest or Low-Intensity Exercise
Repeat another 10 times, followed by a final 30-second high-intensity blast.
Total time: 17 minutes

Printable Page PDF Document

Phase 3 (1:1): Weeks 5-6
30 seconds: High-Intensity Exercise
30 seconds: Rest or Low-Intensity Exercise
Repeat another 11 times, followed by a final 30-second high-intensity blast.
Total time: 18.5 minutes

Printable Page PDF Document

Phase 4 (2:1): Week 7-8
30 seconds: High-Intensity Exercise
15 seconds: Rest or Low-Intensity Exercise
Repeat another 25 times, followed by a final 30-second high-intensity blast.
Total time: 20 minutes

หรือโปรแกรมนี้ดี

ยกตัวอย่างในการจัดโปรแกรมInterval Training
- สัดส่วนช้า-เร็ว = 3:1
- ออกกำลังกายโดยลู่วิ่ง
นาทีที่ 0-7 = วิ่งด้วยความเร็ว 6
นาทีที่ 7-8 = วิ่งด้วยความเร็ว 11 (ช่วงเร็ว)
นาทีที่ 8-11 = วิ่งด้วยความเร็ว 6 (ช่วงช้า)
นาทีที่ 11-12 = วิ่งด้วยความเร็ว 11

นาทีที่ 12-15 = วิ่งด้วยความเร็ว 6
นาทีที่ 15-16 = วิ่งด้วยความเร็ว 11

นาทีที่ 16-19 = วิ่งด้วยความเร็ว 6
นาทีที่ 19-20 = วิ่งด้วยความเร็ว 11
นาทีที่ 21-24 = วิ่งด้วยความเร็ว 6
นาทีที่ 25-26 = วิ่งด้วยความเร็ว 11

นาทีที่ 26-30 = วิ่งด้วยความเร็ว 6  


HIIT แนะนำให้วิ่งในลู่สนามบอลเลยครับครับสะใจกว่า

HIIT ผมทำ 15 นาทีเองน่ะ แต่เป็น 15 นาที่ที่นรกที่สุดเลย หายใจไไม่่ทัน

ผมวิ่งสลับเดินอะ วิ่ง 100 เมตร เดิน 100 เมตร ทำแบบนี้ 4 เซต แต่ช่วงนี้วิ่งไม่ไหวล่ะ เซ็งต้องกลัับไปปั้นใหม่
My Locker
ออฟไลน์
นักบอลไทยพรีเมียร์ลีก
Status:
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 5029 (บอร์ดเก่า 6434)
ที่อยู่: BBS PLAYPARK
โพสเมื่อ: Fri Oct 04, 2013 21:49
พึ่งกลับจากฟิตเนส กินปลาทูย่างไปตัว
My Locker
ออนไลน์
MOG
ซุปตาร์โอลิมปิก
Status:
เข้าร่วม: 10 Oct 2010
ตอบ: 19968 (บอร์ดเก่า 7018)
ที่อยู่: เชียงใหม่
โพสเมื่อ: Fri Oct 04, 2013 22:04
Juz- พิมพ์ว่า:
hctep พิมพ์ว่า:
มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการกินเวย์อะครับ
ผมเล่นเวทมาสักพักแล้ว แต่ไม่ได้กินเวย์ จะถามว่าการกินเวย์มันมีผลข้างเคียงอะไรไหมครับ
กินแล้วต้องกินเรื่อยๆไม่งั้นจะลีบจริงรึเปล่า แล้วมันขึ้นเร็วกว่าไม่กินจริงไหมครับ ต่างกันมากไหมครับ  


เรื่องผลข้างเตียง รู้สึกมักจะเกิดกับพวกที่กินนมปกติไม่ได้ อะครับเหมือนเพื่อนผม กินแล้วท้องเสีย ก้ต้องหันไปกิน whey แบบ iso แทน

แถมราคายังแพงขึ้นไปอีก

ถ้ากินนมได้ปกติก็ไม่ต้องกินเวย์แบบ iso ก็ได้ครับ กินเป็น whey blend(ผสมธรรมดา)นี่แหละ

เรื่องต้องกินเรื่อยๆ ไม่ขอตอบน่ะเพราะไม่มั่นใจ ในข้อมูลตัวเอง

แล้วถามว่าขึ้นเร็วกว่าปกติไหม ก็ขึ้นอยู่กับการฝึกของเราด้วย ถ้าฝึกหนักมากๆ ไม่ต้องกินเวย์ ก็ขึ้นไว แต่ถ้าทั้งฝึกหนักกินเวย์ให้ถูก ก็ขึ้นไวไปอีก

แต่รู้สึกเคยเห็น ท่าน MOG หรือ ท่านไหน ใน SS นี่แหละ บอกว่า 3-5 เดือนแรก ยังไม่ต้องกินก็ได้ครับ

เอาท่าเล่นให้เป๊ะก่อน ถ้าเล่นไม่เข้า กินเวย์ก็ไม่ช่วยไรน่ะ


ขอบคุณที่่อ่านจนจบครับ
 


เสริมน่ะครับ กินเวย์ผลข้างเคียงหลักๆคือโรคทรัพย์จาง(จน)ครับ ถ้ากินแล้วท้องเสียให้กินคู่กับพวกที่เป็นแป้งก็พอช่วยได้

เลิกกินไปก็ไม่มีปัญหาอะไรกล้ามไม่หดไม่หาย(นอกจากเลิกเล่นด้วย)

กินแล้วใหญ่เร็วกว่าหรือเปล่าก็จริง(แต่ไม่มาก)สำหรับคนกินมื้อหลักไม่พอ แต่ถ้ากินพอก็ไม่ต่างกันครับ

ที่ผมเคยบอกช่วงแรกๆอย่าพึ่งกินเวย์เพราะหลายๆคนจะเห่อทำได้ไม่นานก็เลิกเสียดายเงินแทน

อีกอย่างเฉพาะกล้ามเนื้อ คนเราสร้างได้ประมาณปีละ4กิโล(วินัยเยี่ยมแล้ว) จะกินเลยหรือช้าขึ้นอีกหน่อยมันไม่ได้ต่างกันมากครับ
แก้ไขล่าสุดโดย MOG เมื่อ Fri Oct 04, 2013 22:04, ทั้งหมด 1 ครั้ง

My Locker
1, 2, 3 ... 8, 9, 10 ... 76, 77, 78
ไปที่หน้า
GO
ดูทีวีย้อนหลัง
แสดงความเห็น