คาร์ดิโอแบบไหนเหมาะกับเราที่สุด
การคาร์ดิโอในปัจจุบันนั้นส่วนใหญ่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการคาร์ดิโอ 2แบบใหญ่ๆ
ได้แก่ Low intensity และ High intensity Interval Training หรือ HIIT
การคาร์ดิโอแต่ละแบบนั้นก็มีคุณสมบัติแตกต่างกันออกไปอย่างเห็นได้ชัดไม่ว่าจะในเรื่องของความเข้มข้นซึ่งเป็นหัวใจของการจำแนกประเภทการคาร์ดิโอ
ในขณะที่ Low intensity นั้นกำหนดควมมเข้มข้นเบื้องต้นอยู่ในระดับกลางถึงระดับต่ำ (55 - 65% MaxHR)
ในขณะที่ HIIT นั้นอาจขึ้นไปแตะที่ระดับ 80 - 85% MaxHR ในช่วงอัดหรือสปริ้นท์อีกทั้งข้อจำกัดด้านการใช้พลังงานของร่างกายที่ Low intensity
นั้นเน้นไปที่ระบบใช้ออกซิเจนหรือ Aerobic แต่ HIIT นั้นเน้นไปที่ระบบกึ่ง Anaerobic
ทั้งนี้ยังมีเรื่องของระยะเวลาที่ก็เป็นตัวแปรสำคัญอีกข้อหนึ่งในการกำหนดประเภทการคาร์ดิโอด้วยเช่นกัน
จากข้อมูลสรุปด้านจุดเด่นจุดด้อยของการคาร์ดิโอแต่ละประเภททำให้เราทราบภาพรวมของการเลือกใช้คาร์ดิโอให้เหมาะสมกับตัวเรามากที่สุดโดยอาศัยจากปัจจัยต่อไปนี้
- ถ้าเป็นผู้ที่เพิ่งเริ่มออกกำลังกายหรือผู้ที่ไม่เคยออกกำลังกายอย่างจริงจังมาก่อนให้ใช้ Low intensity
เหตุผล HIIT นั้นอาศัยความเข้าใจทักษะและสภาพร่างกายมากกว่าดังนั้นความเข้มข้นที่สูงไปอาจทำให้เกิดอาการบาดเจ็บได้
- ถ้าเป็นผู้ที่มีโรคคความดันเบาหวานหรือโรคเกี่ยวกับหัวใจหอบหืดหรือมีปัญหาการและเปลี่ยนออกซิเจนเช่นถุงลมโป่งพองให้ใช้ Low intensity
เหตุผลเพราะความเข้มข้นสูงของ HIIT (75%+ MaxHR) ทำให้เพิ่มอัตราเสี่ยงให้กับโรคหัวใจหรือเสี่ยงต่อการขาดอากาศหมดสติในกลุ่มที่เป็นหอบหรือและเปลี่ยนออกซิเจนไม่ได้
- ถ้าเป็นผู้ที่มีปัญหาข้อต่อเรื้อรังข้อต่ออักเสบบาดเจ็บเอ็นฉีกให้ใช้ Low intensity
เหตุผลลักษณะการเพิ่มความเข้มข้นในระยะอัดหรือสปรินท์นั้นมีความเสี่ยงในการที่ข้อต่อต่างต้องรับการกระทบที่หนักขึ้นแรงขึ้นส่งผลให้อาจเกิดอาการบาดเจ็บได้
- ถ้าเป็นผู้ที่ควบคุมอาหารอย่างหนักโดยเฉพาะการควบคุมคาร์โบไฮเดรตและ/หรือโปรแกรมอาหารที่ทานคาร์โบไฮเดรตน้อยมากๆหรือผู้ที่ต้องการคาร์ดิโอในตอนเช้าท้องว่างให้ใช้ Low intensity
เหตุผล HIIT นั้นอาศัยการใช้พลังงานแบบ Anaerobic glytcolytic เป็นส่วนใหญ่ซึ่งการให้พลังงานจำเป็นต้องใช้คาร์โบไฮเดรตในการให้พลังงานในภาวะที่ร่างกายต้องควบคุมอาหารและคาร์โบไฮเดรตมากๆจึงเป็นการดีกว่าที่จะสำรองคาร์โบไฮเดรตจุดนี้เพื่อใช้ในกิจกรรมอื่นๆเช่นการฝึกเวทเทรนนิ่ง
- ถ้าเป็นผู้ฝึกในช่วงต้นของการเข้าโปรแกรมลดไขมัน (cutting diet) และไม่มีปัญหาข้างต้นให้ใช้ HIIT
เหตุผล HIIT นั้นช่วยเรงระบบเผาผลาญซึ่งเป็นผลดีในขณะที่ผู้ฝึกกำลังจะเริ่มโปรแกรมลดไขมันและเช่นกันการทำ HIIT บ้างตลอดการเข้าโปรแกรมก็เป็นทางเลือกที่ดีในการกระตุ้นระบบเผาผลาญไม่ให้ตกลงมากเกินไป
- ถ้าเป็นผู้ที่เข้าโปรแกรมการคาร์ดิโอแบบ Low intensity มาเป็นระยะเวลานานจนไม่พบการพัฒนาในลำดับต่อไปให้ใช้ HIIT
เหตุผลเมื่อร่างกายถูกฝึกซ้ำๆทำให้เกิดความทนทาน tolerant ร่างกายจะปรับตัวกับการกระตุ้นนั้นทันทีการสลับ HIIT ซึ่งต่างกับ Low intensity โดยสิ้นเชิงเข้าไปนั้นทำให้ร่างกายต้องปรับตัวเพื่อพัฒนาใหม่อีกครั้งหนึ่ง
- ถ้าเป็นผู้ที่มีเวลาน้อยให้ใช้ HIIT
เหตุผลจุดเด่นที่สำคัญของ HIIT คือการใช้ระยะเวลาที่น้อยแต่เผาผลาญพลังงานได้มากเพราะฉะนั้นหากผู้ฝึกมีเวลาจำกัดมากและต้องการเพิ่มระดับพลังงานที่เผาผลาญให้มากขึ้นการใช้ HIIT นั้นเป็นตัวเลือกที่สมเหตุสมผลมากๆ
- ถ้าเป็นผู้ที่ต้องเดินทางไกลหรือต้องพักการฝึกเวทเทรนนิ่งไประยะหนึ่งควรฝึก HIIT
เหตุผลการคาร์ดิโอแบบ HIIT นั้นมีกลไกใกล้เคียงกับการฝึกเวทเทรนนิ่งในเรื่องของการใช้พลังงานแบบไม่ใช้ออกซิเจนหรือ Anaerobic และการที่ร่างกายต้องปรับตัวต่อกรดแลคติค lactate threshold ทำให้ผู้ฝึกได้ประโยชน์จากการคาร์ดิโอแบบ HIIT ในขณะที่ต้องพักการฝึกเวทเทรนนิ่งและนี่คือแนวทางคร่าวๆเพื่อประกอบการตัดสินในเลือกประเภทของการคาร์ดิโอให้เหมาะสมกับผู้ฝึกเองอย่างไรก็ดีเพื่อให้ได้ผลสูงสุดการคาร์ดิโอไม่ว่าจะในลักษณะใดควรคำนึงให้สัมพันธ์กับระดับพลังงานที่รับเข้าและใช้ออกของร่างกายด้วยเช่นกัน
http://www.planforfit.com/index.php/ArticleContent/Detail/219