เกริ่นนำ
"Mes Que Un Club", "More Than A Club", เป็นมากกว่าสโมสรในภาษาไทย แล้วทำไมต้องเป็นมากกว่าสโมสรละ?
บาร์ซ่านั้นเป็นตัวแทนของชาวคาตาลันที่จะแสดงออกอัตลักษณ์และเอกลักษณ์ของพวกเขา เป็นจุดยืนเป็นตัวแทนการแสดงออกเชื้อชาติ,ค่านิยม,ความคิดและอิสระ
บาร์ซ่านั้นมิได้เป็นเพียงแค่สโมสรฟุตบอล แต่ยังเกี่ยวพันกับเชื้อชาติ, การเมือง,เสรีนิยมและความหวัง ในยุคที่การแสดงตัวตนถูกจำกัดพวกเขายังมีบาร์ซ่าเป็นตัวแทน
เป็นปรัชญา
ในยุคแรกเริ่มนั้นบาร์ซ่า การเมืองและคาตาลันนั้นแยกกันไม่ออก และในเวลาต่อมา ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนไป
ย้อนกลับไปปี 1973
......
...
ชายหนุ่มหุ่นเก้งก้างกำลังรออย่างสงบภายในห้อง ไม่นานนักกลุ่มคนจำนวนหนึ่งก็เดินเข้ามา ชุดลางพรางและบู็ทนั้นบ่งบอกฐานะของกลุ่มผู้มาเยือนเป็นอย่างดี
"มิสเตอร์ ท่านนายพลนั้นชื่นชอบคุณมากและอยากให้คุณไปร่วมทีมของท่านนายพลเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเงินเท่าไหร่ท่านนายพลยินดีจ่ายให้คุณได้แน่"
ชายหนุ่มเก้งก้างตอบกลับไปด้วยแววตาแน่วแน่
"ต้องฝากคำขอบคุณท่านนายพลเป็นอย่างมากที่ชื่นชมในฝีเท้าของผม แต่ผมได้ทำการตัดสินใจไปแล้ว ผมจะไปเล่นให้กับบาร์เซโลน่า"
"นี่คุณ!!" อีกฝ่ายแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่พอใจ
"สิ่งที่ผมได้ตัดสินใจไปแล้ว ผมจะไม่มีทางเปลี่ยนใจอย่างแน่นอน ทางเดียวที่คุณจะหยุดผมก็คือเอาลูกตะกั่วยัดใส่หัวผมซะตอนนี้เลย"
.......
.....
แล้วบาร์ซ่าก็ได้นักเตะเทวดามาร่วมทีม ชายผู้ซึ่งในเวลาต่อมาจะเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์สโมสรไปตลอดกาล โยฮัน ครัฟฟ์ได้เสนอให้สร้างระบบเยาวชนของบาร์ซ่าเสียใหม่ แนะนำให้ตั้งแต่ชุดเยาวชนทุกชุดและชุดหลักเล่นด้วยแบบแผนเดียวกันหมด
ครัฟฟ์ยังได้ปลูกฝังปรัชญาการเล่นฟุตบอลอย่างสวยงามล้ำสมัยให้เป็นภาพจำ หากใครอยากจะดูฟุตบอลที่เน้นเกมรุกแบบมันๆพวกเขาจะต้องมาดูบาร์ซ่า
ถึงแม้จะสร้างระบบเยาวชนใหม่แต่กว่าลามาเซียจะผลิดอกออกผลก็ต้องใช้เวลาหลายสิบปี
ด้วยรูปแบบการเล่นที่เป็นเอกลักษณ์ การเล่นอย่างสวยงามล้ำสมัย นักเตะที่ถูกปั้นขึ้นมาจากชุดเยาวชนผสมกับสตาร์ระดับโลก สนามอันสวยงาม ปรระเพณีที่โดดเด่น ทำให้บาร์ซ่าเป็นมากกว่าสโมสร
When you think everything is perfect... is when everything starts falling apart.
ภายใต้การบริหารของโรเซลและบาโตมิว ทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไป ประเพณีไร้สปอนเซอร์บนเสื้อแข่งของบาร์ซ่า ตำแหน่งประธานกิติมศักดิ์ของปู่ครัฟฟ์ การดูแลนักเตะดุจคนในครอบครัว ภาพลักษณ์ มนเส่นห์ค่อยๆจะเลือนหายไป
ด้วยอำนาจของบอร์ดชุดใหม่ ดูเหมือนการซื้อนักเตะบิ้กเนมจะค่อยๆบ่อนทำลายลามาเซียไปทีละนิดๆ การไม่ใส่ใจกับปัญหาของทีมเยาวชนการเลือกใช้งานโค้ชที่ไม่เข้าใจความสามารถของเด็กๆ การเน้นทางด้านธุรกิจมากกว่ากีฬา
ปัญหาของ ลา มาเซีย
หากยังจำกันได้ กริมัลโด้ อดีตกัปตันบาร์ซ่าเบ แบ็คซ้ายดาวรุ่ง ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าเอ็นริเก้ไม่เคยได้พูดคุยกับเค้าเลย ไม่มีการเรียกไปซ้อมกับทีมชุดใหญ่ รวมทั้งไม่มีวี่แววของการต่อสัญญาจากบอร์ดบริหาร ทั้งที่ซีซั่นก่อนนั้นอัลบาต้องลงเล่นตลอดแทบจะไม่ได้พัก เพราะไม่มีอะไหล่สำรองที่ไว้ใจได้สักคน แต่เอ็นริเก้ก็ไม่เรียกใช้งานกริมัลโด้สักที
เอ็นริเก้มีความแปลกประหลาดอย่างนึงในการดันเด็กคือมักจะเรียกนักเตะเยาวชนตัวแปลกๆไป มูเนีย ซานโดร กุมเบา พวกนี้ในชุดเบนั้นไม่ใช่นักเตะที่โดดเด่นด้วยซ้ำ และมักจะไม่เรียกใช้งานนักเตะทีดูมีอนาคตไกล ผู้อ่านอาจจะมองว่าจขกท คิดไปเอง จะไปรู้ดีกว่าเอ็นริเก้ได้ยังไง แต่หากมองย้อนกลับไปตั้งแต่ยุคไรจ์การ์ด/เป็บ/ติโต้/ตาต้า โค้ชที่ผ่านๆจะเลือกนักเตะตัวหลักที่ฟอร์มดีๆจากชุดเบมาใช้งานเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นเมสซี่,โบยาน,บุสเก็ต,เปโดร,เตโญ่,มอนโตย่า,บาตร้า นักเตะเหล่านี้ต่างเป็นกำลังหลักให้ชุดเบทั้งนั้น ในกรณีของมูเนียยังพอผ่าน แต่ซานโดรหรือกุมเบา มีนักเตะที่ดีกว่าเยอะแยะไปในทีมเบ
ด้วยการจบซีซั่นที่ผ่านมาที่ไม่สามารถจะเลื่อนชั้นกลับไปเซกุนด้าได้ ทำให้นักเตะเก่งๆเริ่มทยอยย้ายหนีกันไป แต่ถามว่าลา มาเซียมีนักเตะเก่งๆน้อยลงหรือไม่ เปล่าเลย สถาบันยังคงผลิตนักเตะชั้นยอดมากมาย แต่โอกาสของเด็กๆและการต่อยอดกลับน้อยลง
หากมองย้อนไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาบาร์ซ่าเสียเด็กปั้นชั้นยอดมากมาย นักเตะเหล่านี้เริ่มหลั่งไหลออกไป กรณีที่ชัดเจนที่สุดก็คือ ติอาโก้ ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นมิดฟิลด์ที่มีพรสววรค์มากที่สุด ดาวรุ่งมากพรสวรรค์ค่อยๆย้ายออกไป แต่ดูเหมือนสโมสรจะไม่สนใจใยดีที่จะหยุดยั้งและแก้ไขปัญหาเหล่านี้เสียที
อีกหนึ่งปัญหาที่ชัดเจนคือตัวโค้ชผู้ฝึกสอนเหล่าเอเลี่ยนน้อยในลามาเซีย นับจากเป็บและเอ็นริเก้แล้ว ดูจะไม่มีใครทำดีได้สักคนเลย ซึ่งหลังจากเอ็นริเก้ บอร์ดบริหารกลับเป็นคนเลือกโค้ชเอง แทนที่จะเป็นทางฝั่งออฟฟิศของลา มาเซีย ทั้งยูเซบิโอที่ทำทีมตกชั้นเซกุนด้า หรือโลเปซ พวกเค้าดูจะเน้นผลลัพธ์มากกว่าการพัฒนาการของนักเตะ
บอร์ดบริหารผู้ที่ควรจะแก้ไขปัญหากลับนิ่งเฉย เมื่อถูกนักข่าวถามเกี่ยวกับทีมเบ บาโตเมวกลับบอกให้พูดถึงทีมเบให้น้อยลง?????
ในยุคที่เป็บหรือติโต้คุม มีนักเตะจากชุดเบได้โอกาสลงเฃ่นในชุดใหญ่หลายคนมากๆ เคล็ดลับความสำเร็จก็คือ การใช้ระบบ และแทคติคที่คล้ายคลึงกันทำให้นักเตะจากทีมเบ ไม่ต้องใช้เวลาปรับตัวมากมาย ดูได้จาก บุสเก็ต เปโดร ที่ใช้เวลาแค่ปีเดียวก็เริ่มยึดตำแหน่งตัวจริงได้ แต่ในยุคของเอ็นริเก้ที่ใช้ไดเร็คฟุตบอลเข้ามาผสมทำให้เอกลักษณ์ของบาร์ซ่าหายไปกว่าครึ่ง ไม่เน้นการครองบอลมากเหมือนแต่ก่อน ระบบเพลสซิ่งที่ใช้น้อยลงไปเยอะ แถมด้วยโอกาสที่เอ็นริเก้จะ"กล้า"ให้กับเด็กๆ มันยิ่งทำให้ปัญหามากขึ้นทุกที
(ลืมพูดถึง) ก่อนอื่นขออธิบายระบบเยาวชนของบาร์ซ่าโดยคร่าวๆ ลา มาเซียจะเริ่มรับเด็กๆตั้งแต่อายุราวๆ6-7ขวบ และจะมีการแบ่งระดับเป็นช่วงอายุ1-2ปีที่เพิ่มขึ้นตามลำดับ จนราวๆอายุประมาณ15ปี ในทีม Cadete นักเตะจะได้รับสัญญา3ปี ตามมาตรฐานและออพชั่นเพิ่มเติมเพื่อไปต่อในระดับ Juvenil B และมีเพียงนักเตะที่ผ่านการคัดเลือกแล้วเท่านั้นที่จะไปสู่ระดับ Juvenil A บาร์ซ่าไม่มีปัญหาในการต่อสัญญากับเด็กๆเยจนกระทั่งอายุ16ปี ที่นักเตะจะสามารถเลือกเซ็นสัญญาระดับอาชีพได้กับสโมสรใดก็ได้
ในจุดนี้แหละที่สำคัญ เพราะหลายๆสโมสรนั้นไม่ต้องการลงทุนไปกับเยาวชนที่อายุต่ำกว่า16ปี พวกเค้าจึงเลือกจะดึงนักเตะที่มีการพัฒนามาแล้วแทน เพราะลงทุนน้อยกว่าแต่เห็นผลไวทันตา และนี่คือสิ่งที่ลา มาเซียประสบปัญหาเป็นอย่างมาก สโมสรมากมายพากันมาฉกเด็กๆชั้นยอดไปจากอ้อมอกลา มาเซีย ปัญหาเหล่านี้เริ่มเกิดขึ้นมากเรื่อยๆ หลังจากหมดยุคของเป็บและติโต้ ทำไมในยุคของเป็บและติโต้ถึงไม่ค่อยมีปัญหาเหล่านี้??
คำตอบก็คือ โอกาสในการเลื่อนชั้นสู่ชุดใหญ่ยังไงละ ทั้งเป็บและติโต้ให้โอกาสดาวรุ่งมากมายได้ลองเล่นกับชุดใหญ่ จะย้ายออกไปทำไมในเมื่อได้มีโอกาสลงเล่นให้กับทีมที่ดีที่สุดในโลก
แต่ในยุคของตาต้าหรือเอ็นริเก้ โอกาสเหล่านี้น้อยลงอย่างน่าใจหาย
ย้อนกลับไปในปี 2010-2011 หลังจากลูโช่จากไปยูเซบิโอก็มารับช่วงต่อในทีมเบ ทั้งที่คนที่ควรจะได้คุมทีมคือ โค้ช Juvenil A ออสการ์ กาเซีย(นอกจากจะมีการเลื่อนระดับนักเตะเยาวชนแล้ว ในส่วนของโค้ชก็คล้ายๆกัน โดยจะวัดในด้านการพัฒนาการของเด็กๆเป็นหลัก) 2ซีซั่นแรกของยูเซบิโอนั่นถือว่าทรงๆและทรุดๆ เพราะไม่มีระบบการเล่น เน้นผลการแข่งขันมากกว่า การพัฒนาการ และพึ่งพาความสามารถของนักเตะเป็นหลัก แต่ถึงงั้นบอร์ดกลับต่อสัญญาปีที่3ให้ ซึ่งนำไปสู่การตกชั้น
การปล่อยนักเตะแบบแปลกๆ
บาตร้า
เก็บมาติเยอที่อายุ31 แต่ปล่อยบาตร้าที่ยังมีเวลาพัฒนาหากได้รับโอกาสที่พอเพียงไว้ ถือเป็นเรื่องที่ถูกต้องหรือไม่?
เปโดร
เด็กปั้นของสโมสร และเป็นนักเตะตัวหลักนับตั้งแต่ยุคเป็บเป็นต้นมา แต่กลับแทบไม่ได้รับโอกาสในยุคของเอ็นริเก้เลย ความผิดใครละ?
เชส
ตัวแทนชาบี้ที่ถึงแม้การเอาตัวรอดจะไม่ดีเท่า แต่วิชั่นการจ่ายบอล การสร้างสรรค์เกมรุกไม่ได้ด้อยกว่าเลย รวมทั้งอายุการใช้งานที่ยาวนาน แต่ก็ถูกขายไป
ชาบี้
ด้วยสไตล์การเล่นของชาบี้ที่ไม่จำเป็นต้องใช้ร่างกาย เน้นมันสมองในการปั้นเกม ทำให้สามารถจะเล่นในระดับสูงได้อีก2-3ปี แต่กลับถูกจับสั่งสำรองบ่อยครั้ง เอ็นริเก้เองก็รู้ว่าถ้ามีชาบี้อยู่ในสนาม บาร์ซ่าจะมีรูปเกมที่ดีขึ้น แต่กลับเป็นราคิดิชที่ได้ลงแทน....
เดลโลฟูล
ความเร็วและทักษะนั้น พูดได้เลยว่าเดลโลฟูลไม่เป็นสองรองใครในรุ่นเดียวกัน และดูจะมีพัมนาการขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงที่ซัวเรสติดโทษแบน เนมามีอาการบาดเจ็บ ดูจะเป็นโอกาสทองของเดลโลฟูล แต่เอ็นริเก้กลับตัดสินใจปล่อยยืมนักเตะออกไป แม่แต่เจ้าตัวยังยอมรับว่าตกใจที่ไม่ได้รับโอกาสในบาร์ซ่า....
ฮาลิโลวิช
ซีซั่นที่ผ่านมาอเลน ที่เล่นให้กับทีมเบ ได้ถูกปล่อยยืมให้กิฆอน และเจ้าตัวก็ทำผลงานได้ดีแถมสามารถยึดตำแหน่งตัวจริงได้ด้วย แต่หลังจากจบซีซั่นกลับถูกขายให้ฮัมบูร์ก ที่ไม่ได้มีระบบการเล่นคล้ายกับบาร์ซ่าเลย ถึงแม้จมีออพชั่นซื้อกลับใน 2 ซีซั่นต่อไป แต่นักเตะจะได้รับประโยชน์หรือไม่จากระบบคนละรูปแบบ จะดีกว่ามั้ยถ้าปล่อยยืมหรือขายให้ทีมในลาลีก้าที่อย่างน้อยก็คล้ายคลึงกับบาร์ซ่ามากกว่า?
แน่นอนดาวรุ่งหลายๆรายก็ไม่สามารถไปถึงฝั่งฝัน นักเตะอย่าง เตโญ่ กูเอนก้า หรือแม่แต้โบยานที่ได้รับการจับตามองเป็นอย่างมากเมื่อครั้งที่ขึ้นมาใหม่ แต่ก็ไม่อาจไปถึงระดับที่ควร แต่พวกเค้าเหล่านี้ก็ยังได้รับโอกาสที่จะพิสูจน์ตัวเอง แต่ลูโช่กลับไม่หยิบยื่นให้
ทิศทางของบอร์ดบริหาร
เน้นซื้อมากกกว่าปั้น กลายเป็นนโยบายหลักของบอร์ดไปแล้ว การไม่ให้ความสำคัญกับ ลา มาเซีย เน้นแบ่งนักเตะเป็น สตาร์ กับที่เหลือ การไม่เคารพประเพณีของสโมสร รวมทั้งการบริหารจัดการทรัพยากร และบุคลากรที่เข้าขั้นแย่ ผอ.ลามาเซียคนเก่าที่ทำงานได้อย่างดีกลับถูกปลดแบบไร้เหตุผลและคำชี้แจง แทนที่ด้วยเพื่อนสนิทของโรเซลและบาโตเมว รวมทั้ง ผอ.กีฬา,การตลาด หรือสิ่งที่สะเทือนใจสาวกกูเล่อย่างยกเลิกตำแหน่งประธานกิตมศักดิ์ของปู่ครัฟฟ์ โยนเรื่องปัญหาภาษีของเนมาให้ติโต้ผู้ล่วงลับ การดูแลนักเตะที่เคยเป็นจุดเด่นของบาร์ซ่าก็หายไป ตัวอย่างในกรณีของอบิดัล วิงแบ็คฝรั่งเศสที่เป้นมะเร็ง แต่ก็สามารถจะลับมาลงเล่นหลังการผ่าตัดครั้งใหญ่ แต่กลับถูกบอร์ดบริหารบีบให้ย้ายออก เพราะมองว่าไม่จำเป็นกับบาร์ซ่าอีกต่อไป
MS...N
ก่อนการมาของซัวเรสนั้น ยังพอมีที่ว่างให้ดาวรุ่งสอดแทรกขึ้นมาได้บ้าง แต่พอกลายเป็น msn ไม่ใช่แค่ดาวรุ่ง แม้แต่นักเตะคนอื่นๆก็กลัวที่จะย้ายมาเพราะเอ็นริเก้ โรเทตกองหน้าน้อยมากๆ แต่ในแดนกลางและหลังกับโรเทตบ่อย และเป็นสาเหตุให้เปโดรต้องย้ายไป
กรณีของเนมานั้นค่อนข้างน่าเป็นห่วง ถึงแม่จะมีพัฒนาการอย่างชัดเจน แต่การเล่นบอลเพื่อตัวเองกลับแก้ไม่หาย มีแม้กระทั่งข่าวลือที่เนมาถูกตักเตือนจากรุ่นพี่ในทีมให้เล่นเพื่อทีมมากขึ้น ซึ่งมันไม่ควรเกิดขึ้น การทำตัวเป็นเซเล็บ ที่ในบาร์ซ่านักเตะจะเน้นความเรียบง่าย มุ่งมั่นกับเรื่องในสนามมากกว่านอกสนาม การมาซ้อมสายหลายครั้งที่ถือว่าแย่มากกับดาวรุ่งอายุน้อย
ชื่อเสียง ภาพลักษณ์ และ สปอนเซอร์
ปัญหาภาษีของเนมาที่พัวพันกับทั้งโรเซลและบาโตเมว ซึ่งเป็นประธานสโมสร ทำให้ภาพลักษณ์ของสโมสรดูแย่ไปด้วย หรือข่าวลือหนาหู ที่สื่อในคาตาลันถูกซื้อโดยบาโตเมวไปแล้ว การเลือกตั้งประธานสโมสรที่แปลกประปลาดกว่าครั้งอื่นๆ เกมการเืองที่ดึงเอาดีลของตูรานเข้ามาเกี่ยว
ในกรณีของสปอนเซอร์นั้นเป็นเรื่องลึกลับซะเหลือเกิน บาร์ซ่าพึ่งจะต่อสัญญากลับกาต้า แอร์เวย์ไป ด้วยสัญญา1ปี ที่35ล้าน ยูโร โดยสโมสรชี้แจงว่าเป้นทางเลือกที่ดีที่สุด ทั้งที่เหล่าสโมสรชั้นยอดอื่นๆ ได้รับรายได้จากสปอนเซอร์หลักมากกว่า50ล้านต่อไปขึ้นไป บาร์ซ่าพึ่งจะกวาดดับเบิ้ลแชมป์มาหมาดๆ หรือทริปเปิ้ลแชมป์ในปีก่อนหน้านั้น จะไม่มีสปอนเซอร์ที่ยอมจ่ายากกว่า 35ล้านต่อปีเข้ามาเสนอเลบหรือ?? หากยังจำกันได้ ก่อนที่กาต้าจะมาเป็นสปอนเซอร์หลักในคราวก่อนนั้น บาโตเมวเป็นคนยืนยันเองว่ามีแค่ กาต้าแอร์เวย์ที่ยื่นข้อเสนอมาเพียงเจ้าเดียว นับว่าแปลกมั้ยที่สโมสรระดับบาร์ซ่าจะไม่มีสปอนเซอร์รายอื่นๆจะให้ความสนใจเลย....
มนเสน่ห์และตัวตน ที่ค่อยๆเลือนหายไป
มนสเน่ห์ของสนามที่สำคัญก็คือ ชื่อสนาม ที่ถูกรักษามาอย่างยาวนาน กลับมีข่างลือหนาหูว่าบาโตเมวมีแผนจะขายชื่อสนามออกไป...
คุณค่าที่ถูกลดลงของลา มาเซีย ต้องไม่ลืมว่านักเตะแกนหลักของสโมสรทั้ง เมสซี่ อิเนียสต้า บุสเก็ตนั้นต่างก็มาจาก ลา มาเซียกันทั้งนั้น แต่บอร์ดบริหารกับให้ความสำคัญน้อยลงไป เน้นการซื้อ ซื้อ ซื้อ และซื้อ อย่าลืมว่าสตาร์เต็มทีมไม่ได้การันตีความสำเร็จและความยั่งยืน เรื่องนี้ถูกพิสูจน์ให้เห็นแล้วในยุคของ กาลาติกอส ของมาดริด
ความสำเร็จและความแข็งแกร่งของบาร์ซ่าในเวลานี้หาใช่มาจากเมสซี่หรือเป็บ แต่มันคือรากฐาน การผสมผสาน แนวคิด ปรัชญา และอคาเดมี่อย่างลามาเซีย ที่ถูกวางแผนมาอย่างยาวนาน
อดีตโค้ชรายนึงที่เคยทำงานกับ ลา มาเซีย มานานกว่าสิบปีเคยบอกไว้ "ที่ ลา มาเซีย เราปลุกฝัง3อย่างในการเล่น 1 เป็นนักกีฬาที่ดี พยายามอย่าทำฟาล์ว หรือใช้ความรุนแรง 2 เล่นฟุตบอลที่สวยงาม สร้างสรรค์เกมรุกด้วยการบุกและบุก 3 ต้องชนะ แต่เราไม่ต้องการชัยชนะที่ปราศจาก ข้อ 1และ 2" มันเป็นการบ่งบอกได้เป็นอย่างดี ว่าบาร์ซ่าต้องการเป็นผู้ชนะ เฉกเช่นเดียวกับเรอัล แต่เรายังสนใจวิธีการที่ได้มาอีกด้วย นั้นทำให้บาร์ซ่ากล้าที่จะบอกตัวเองเสมอว่าเป็นมากกว่าสโมสร เป็นบ้าน ครอบครัว สถาบันการเรียนรู้และปรัชญา
บาร์ซ่าสูญเสียบางอย่างที่ทำให้เป็นมากกว่าสโมสรไปแล้วหรือยัง?
หมายเหตุ
Spoil
ขอเว้นเรื่องการเงินไว้ก่อนนะครับ มันค่อนข้างละเอียด