ช้ำให้พอ! Yahoo ฟันธง 6 เหตุผลที่ 'ลีโอนาร์โด' ชวดออสการ์ ตล๊อดๆ
ด้วยความที่ตั้งความหวังเอาไว้สูง บวกกับแรงเชียร์ของแฟนคลับที่ยกให้เค้าเป็นเต็งจ๋า
จากบทบาท
'จอร์แดน เบลฟอร์ท' ใน
The Wolf of Wall Street (2013)
เอาง่ายๆ ในไลน์ผู้เข้าชิงนำชายยอดเยี่ยม ดูหนุ่มลีโอ จะเจิดแจ่มกว่าใครเพื่อน
แต่ทุกอย่างก็ผิดคาดเมื่อเค้าต้องพ่ายอีกครั้ง โดยการกระทำของ
'แมทธิว แมคคอนนาเฮย์' จากบท “รอน วูดรูฟ” ผู้ป่วยเชื้อเอดส์
ในภาพยนตร์เรื่อง The Dallas Buyer's Club ที่หนุ่มแมทธิวก็ทุ่มสุดตัวด้วยการลดน้ำหนัก
และกินอาหารเพียงวันละ 5 ออนซ์ เพื่อให้ ผอมสมจริงสมจังแบบผู้ป่วย HIV
ล่าสุดกับเว็บไซต์ระดับโลก
yahoo ก็ขอไขปริศนาให้แฟนหนังทั่วโลกรู้ว่า เหตุใดหนุ่มลีโอ ถึงชวดรางวัล ออสการ์ มาตลอดๆ ไปดูกันเลยครับ
ซวยไง..ไม่มีไรมาก
หลังจากถูกเสนอชื่อเข้าชิงครั้งแรกในปี 2005 จากหนังเรื่อง The Aviator (2004) เข้าชิงร่วมกับ เจมี่ ฟอกซ์ (Jamie Foxx) จาก Ray (2004) ซึ่งเจมี่ ฟอกซ์ คว้ารางวัลออสการ์ตัดหน้าเขาไป และในปี 2007 เขาได้รับการเสนอชื่ออีกครั้ง จากผลงานเรื่อง Blood Diamond (2006) แต่สุดท้ายก็ต้องพ่ายให้กับ ฟอเรสท์ วิทเทคเกอร์ (Forest Whitaker) จาก The Last King of Scotland (2006) นับว่า 2 เหตุการณ์นี้สะเทือนความรู้สึกของเขามากกว่าตอนที่เขาชวดรางวัลในงานประกาศผลรางวัลออสการ์ครั้งที่ 66 ที่เขาได้เข้าชิงในสาขานักแสดง สมทบยอดเยี่ยม จากเรื่อง What's Eating Gilbert Grape (1993) แต่แล้ว ทอมมี ลี โจนส์ (Tommy Lee Jones) ที่เข้าชิงในปีเดียวกันก็ฉกรางวัลไปชิล ๆ จากผลงานเรื่อง The Fugitive (1993) แต่นั่นเป็นเพียงครั้งแรก เขาจึงไม่คิดอะไรมาก เพราะยังเด็กอยู่ แต่กับครั้งนี้อย่างที่บอกว่า He หวังถึงขั้นออสการ์ แต่สุดท้ายก็แห้วอีกร๊าวส์!!!
จุ๊ฟๆ ยินดีด้วยนะ
ไร้ข่าวฉาว ชีวิตราบเรียบ ไม่มีดราม่า
ด้วยความที่ร่วมงานกับผู้กำกับชื่อดัง และหนังบอกซ์บัสเตอร์มาหลายเรื่อง อย่างเช่น ชู้รักเรือล่ม ไททานิค
หนังเรื่องนี้ทำให้เค้าแจ้งเกิดและกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ที่วงการหนังต้องการตัว เราจึงไม่ค่อยได้ยินข่าวว่าเค้า
ต้องไปฟาดฟันกับใคร เพื่อที่จะได้รับบทเด่นในหนังเรื่องนั้นๆ ชีวิตของลีโอแทบจะเรียกได้ว่า เดินพรมแดงที่โรยด้วยกลีบกุหลาบมาตลอดทาง และนี่แหละทำให้ ออสการ์มองข้ามหัวเค้าไป หากเทียบกับแมทธิว แม็คคอนาเฮย์ ที่ชีวิตต้องต่อสู้กับอะไรต่อมิอะไรมามากกว่าลีโอนาร์โด ซึ่งหลายคนเกือบลืมชื่อแมทธิวจากวงการฮอลลีวูดไปแล้ว แต่เขาก็สามารถดึงตัวเองให้กลับมาดังได้อีกครั้ง และประสบความสำเร็จจนได้รางวัลออสการ์มาเป็นเครื่องการันตีชื่อเสียงของเขา ในจุดนี้นี่แหละที่ทำให้ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ ต้องพ่ายแพ้ให้กับแมทธิว แม็คคอนาเฮย์ ไปง่าย ๆ
บทบาท'จอร์แดน เบลฟอร์ท' ใน The Wolf of Wall Street
ขาดกิมมิคที่น่าจดจำ
หากใครเป็นแฟนหนังของลีโอนาร์โด จะสังเกตเห็นว่าเขาไม่เคยได้รับบทที่ต้องทุ่มทุนสร้างสักเท่าไร แม้ว่าเขาจะเล่นเป็นเด็กออทิสติกในหนังเรื่อง What's Eating Gilbert Grape ได้เหมือนมากก็ตาม แต่เมื่อเทียบกับ แมทธิว แม็คคอนาเฮย์ ที่เขาต้องยอมลงทุนลดน้ำหนักให้ตัวเองผอมแห้งราวกับเป็นโรค เพื่อให้สมกับบท รอน วูดรอฟ หนุ่มคาวบอยที่เป็นโรคเอดส์ใน Dallas Buyers Club จนทำให้คว้ารางวัลออสการ์ตัดหน้าเขาไป หรือโคลิน เฟิร์ธ (Colin Firth) ที่ต้องไปฝึกพูดติดอ่างเพื่อรับบทเป็น สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 ใน The King's Speech และเจมี่ ฟ็อกซ์ ต้องไปฝึกเป็นคนตาบอด เพื่อให้สมกับบทคนตาบอดใน Ray เพราะลีโอนาร์โดขาดกิมมิคในบทบาทของเขา จึงทำให้คนอื่นที่มีกิมมิคในบทบาทมากกว่า ได้รับชัยชนะแซงหน้าเขาไปยังไงล่ะ
ความพยายามของ แมทธิว แม็คคอนาเฮย์ เตะตาออสการ์จั๋งๆ
ผลงานยังไม่เข้าตาออสการ์สักเท่าไร
ใครเลยจะรู้ว่าความเหมาะสมกับรางวัลออสการ์คืออะไร ? แม้ว่า Gravity จะกวาดรางวัลไปได้มหาศาลในออสการ์ครั้งล่าสุด แต่หนังที่ยอดเยี่ยมที่สุดก็ยังคงเป็น 12 Years A Slave อยู่ดี รวมทั้ง Dallas Buyes Club ก็เป็นหนังที่ยอดเยี่ยมสำหรับปีนี้ ซึ่งเป็นหนังในสไตล์ที่ออสการ์นั้นชอบมาก แม้เขาจะเคยร่วมแสดงในหนังดังหลายเรื่อง เช่น Inception, Shutter Island หรือ Romeo + Juliet แต่หนังเหล่านี้เป็นหนังที่เอาไว้ดูฆ่าเวลาเท่านั้น ไม่ใช่แนวโปรดของออสการ์สักเท่าไร แต่แปลกที่เมื่อเขาได้แสดงในหนังสไตล์โปรดของออสการ์อย่าง The Departed, Titanic, Catch Me if You Can และ Revolutionary Road เขากลับไม่ได้รับบทบาทที่โดดเด่นในหนัง นี่แหละจึงทำให้เขาไม่ได้นอนกอดรางวัลออสการ์เสียที
บท Teddy Daniels จากหนังจิตวิทยา SHUTTER ISLAND หนังดังรายได้ดี การแสดงเข้าตาฝุดๆ แต่ก็ยังดีไม่พอสำหรับออสการ์
"คัลวิน แคนดี้" นายทาสสุดโหดจาก Django
โดนขโมยซีนบ่อย
เชื่อว่าเมื่อหลายคนเห็นชื่อของเขาปรากฏอยู่บนโปสเตอร์หนัง ก็ทำให้มั่นใจได้ว่าหนังเรื่องนั้นจะมีคุณภาพไม่เสียดายเงินค่าตั๋วหนังที่จ่ายไปแน่นอน แต่ก็ยังมีนักแสดงร่วมชื่อดังอีกมากมาย ที่ทำให้ความสำคัญในบทบาทของเขาถูกลดทอนไปโดยปริยาย อย่างที่ได้กล่าวไปในข้างต้น ว่าเขานั้นได้เล่นแต่หนังดี ที่กำกับโดยผู้กำกับแถวหน้า และ นักแสดงชื่อเสียงโด่งดังมากมาย ที่อาจเป็นตัวแย่งซีนเขาไป เช่น ในหนังเรื่อง Django Unchained เขารับบทเป็นนายทาสสุดโหด และแสดงออกมาได้ยอดเยี่ยม แต่ในปีนั้นชื่อของคริสตอฟ วอลซ์ (Christoph Waltz) กลับได้เข้าชิงแทนเขาซะงั้น เช่นกันกับ แดเนียล เดย์-ลูอิส (Daniel Day-Lewis) ก็ยังโดดเด่นกว่าเขาใน Gang of New York และใน The Departed เขาก็โดนขโมยซีนจาก มาร์ค วอห์ลเบิร์ก (Mark Wahlberg) แม้แต่ใน Titanic หนังสุดคลาสสิกตลอดกาล บทบาทของโรส ที่รับบทโดย เคท วินสเล็ต (Kate Winslet) ก็ยังบดบังความโดดเด่นในบทบาทของเขาไปเสียมิดเลย
แดเนียล เดย์-ลูอิส จอมขโมยซีนจากหนัง gangs of new york
หล่อไป
อยากจะกรี๊ดก็กรี๊ดได้เลยครับกับเหตุผลข้อนี้ เมื่อ Yahoo ชี้ชัดว่า เหตุที่เค้ามีใบหน้าราวเทพบุตร และ บุคลิคคิวท์ๆ จาก Titanic และ Romeo + Juliet ทำให้หนุ่มลีโอเข้าไปนั่งอยู่ในใจสาวๆ วัยทีนส์ และด้วยภาพจำเช่นนี้ ทำให้เค้าต้องคิดหนัก หากจะกลับไปรับบท หนุ่มหล่อน่าเคี้ยว ในแบบเดิมๆ แต่ทุกอย่างก็กลับไม่เป็นในแนวทางแบบที่ควรจะเป็น เพราะผู้คนต่างก็ยังจดจำเขาในภาพที่เขาหล่อ และน่ารักเหมือนเดิม ซึ่งเป็นปัญหาเดียวกับ ทอม ครูซ (Tom Cruise) และ จอห์นนี เดปป์ (Johnny Depp) ที่ถึงแม้จะรับบทไม่ซ้ำ แต่ด้วยใบหน้าหล่อกระแทกจิ้น ออสการ์จึงไม่แล ด้วยเหตุ "หล่อไป ไม่ปลื้ม"
แต่ถึงยังไง เราก็จะอยู่ข้างนาย เชียร์นายให้ได้ รางวัล (ซะที)
Credit : Spokedark.tv