แตกกระทู้จาก
http://www.soccersuck.com/boards/topic/961250
ผมจะขอรวมยอดวันที่ 2-3-เช้าวันที่ 4 ในพนมเปญไว้ด้วยกันนะครับ
เนื่องจากผมต้องร่วมงานแต่งงาน ไม่ค่อยมีเวลาได้เที่ยวในพนมเปญเท่าไหร่นัก และถ่ายรูปไว้น้อยด้วย
เลยอาจไม่ค่อยน่าสนใจ เลยทำรวมๆ กันไว้ จะได้ไม่เปลืองกระทู้ดีๆ ของท่านอื่นๆ ครับ
ปล ต้องขออภัย หากรูปไม่ชัดนะครับ เพราะส่วนใหญ่ ไม่ได้ถ่ายนิ่งๆ เลยครับ นั่งรภไวๆ เดินไวๆ ครับ เวลาน้อย
บรรยากาศเช้าวันแรก ณ โรงแรม CCC ครับ มองออกมาก็เป็นสนามขี่ม้าเลยครับ เนื่องจากที่นี่เป็นสปอร์ตคลับด้วย
ทานอาหารเช้าเสร็จ ก็นั่งรถ และขนของออกไปด้วยเลยครับ ย้ายไปอยู่ในเมืองขึ้นอีกหน่อย ผมมีกล่องลังสีน้ำตาลไปด้วย เพราะว่า ผมขนเสื้อผ้าที่ไม่ใช้ กะว่าจะไปบริจาคที่นั่นด้วยครับ
ไปถึงในเมือง ก็หาที่พักใกล้ๆกับ เซ็นทรัล มาร์เก็ต หรือตลาดกลางครับ เป็นตลาดที่ขายของเช่นเสื้อผ้า เครืองประดับ ของฝาก อาหาร และอื่นๆ ให้แก่ทั้งนักท่องเที่ยว และคนในประเทศ
แต่โดยส่วนตัว สำหรับผม ถือว่าไม่ค่อยมีของอะไรน่าสนใจเท่าไหร่นัก
ผมกับแฟนเลยไปเดินใน โสรยา ซึ่งเป็นห่างที่ดีที่สุด ที่นี่ครับ เพราะมีโรงหนังด้วย
ไปเดินเล่น่ รอบๆ ห้าง เพื่อจะซื้อรองเท้าใส่ไปงานแต่ง (ตามที่เห็นในภาพครับ) เจ้าของร้านคาดว่าเป็นชาวกัมพูชา เชื้อสายจีนแน่นอนครับ ไม่เหมือนชาวกัมพูชาครับ ก็จะมีตั้งแต่ซุเปอร์มาร์เก็ตที่ชั้นล่าง พิซซ่า คอมพานี เคเอฟซี ฟาสต์ฟู้ด ต่างๆ พอชั้นบนๆ ก็จะขายพวกเสื้อผ้า กระเป๋าแบนรด์ และก็ยังมีชั้นที่ขายหนัง และอุปกรณ์คอมต่างๆ ด้วย
แม้โสรยา จะเป็นห้างที่ใหญ่ที่สุดที่นี่ (มั้ง!!) แต่ถ้าเทียบกับห้างบ้านเราแล้ว ก็ถือว่าเล็กมากๆ และแทบไม่มีของอะไรให้เราซื้อเลยครับ เพราะราคา ก็สูงกว่าเมืองไทยทั้งนั้น
เสร็จเรียบร้อย ก็ไปร่วมงานแต่งงาน ที่โรงแรม ดาลา แอร์พอร์ต โฮเต็ล
เท่าที่ผมดู โรงแรมนี้น่าจะถือได้ว่าเป็นโรงแรมที่ดีที่สุดในพนมเปญขณะนี้เลยก็ว่าได้ เพราะว่าเป็นโรงแรมใหม่ และเจ้าของคาดว่าน่าจะเป็นคนจีนครับ แต่ข้อเสียคือ เป็นโรงแรมใกล้สนามบิน หากว่าใครจะเที่ยวเมืองพนมเปญ ผมก็ไม่แนะนำให้ค้างที่นี่ครับ
บรรยากาศภายในงานแต่างงาน ห้องสวย งานสวย อาหารอร่อย
ภาพเจ้าสาว และคุณพ่อเจ้าสาวยืนอธิษฐานอวยพรให้คู่บ่าวสาวครับ
คุณพ่อเจ้าสาวเป็นคนที่ดังมากของคริสต์ครับ หนังสือชีิวิตของเค้้า ได้เป็นหนังสือแห่งปี (ปีไหนจำไม่ได้ครับ) ชื่อหนังสือว่า the heavenly man ครับ ผมเป็นเกียรติมากที่ได้รู้จักกับคุณพ่อเจ้าสาว
จบพิธีแต่งงาน ทานข้าวเสร็จเรียบร้อย ก่อนกลับเข้าที่พัก ก็แวะโสรยา กับภริยา นั่งกินสเวนเซ่น ก่อนนอนครับ ราคาสเวนเซ่นที่นี่ เท่าๆ กับเมืองไทย เมนูก็เหมือนกันเด๊ะๆ ต่างแค่ภาษาเท่านั้น
ผบ. เตะท่าหน้าห้างสรรพสินค้าโสรยาในยามค่ำคืน ... อากาศเย็นใช้ได้ทีเดียวครับ
เช้าวันที่สามในพนมเปญ แฟนเล็กร้านกาแฟ ไว้ตั้งแต่เมื่อคืน บอกเช้านี้ต้องกินให้ได้ แต่ปรากฏว่า พอเดินไปสั่ง ไม่มีกาแฟสดให้ทานครับ ไม่ว่าจะเป็น latte capu mocha หรือ esp ก็ตาม พนักงานร้านบอกว่า ยกเลิกเมนูไปหมดแล้ว ผมคาดว่าคนที่นี่ไม่ค่อยดื่ม กาแฟกันเท่าไหร่ เพราะร้านกาแฟหายาก พอหาเจอก็ไม่มีอีกครับ
สุดท้าย เดินไปจนเจอ TRUE COFFEE SHOP ครับ สมใจอยากท่าน ผบ. ได้กินกาแฟสักที
การตกแต่งร้านกาแฟทรูที่นี่ ดูอารมณ์ค่อนข้างแตกต่างจากที่ไทยนะครับ บรรยากาศจะทึมๆ หน่อย ส่วนราคาไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก พนักงานพูดภาษาอังกฤษ ได้นิดหน่อยครับ...(ผมถามทาง เข้าพูดว่าให้เลี้ยวขวา แต่ทำมือไปทางซ้าย) ผมเลยคิดว่าได้นิดหน่อยจริงๆ
ได้กาแฟแล้วก็ขึ้นรถ ตุ๊กๆ ต่อเพื่อไปเจอกับชาวจีน และชาวเกาหลีที่มางานแต่งครับ เพราะเค้าชวนไปดูโรงงานที่เค้ามาเปิด (ของคนเกาหลี) เป็นโรงงานเสื้อผ้า มีพนักงานร่วม 2,000 คน
โรงงานเป็นโรงงานค่อนข้างใหญ่ อยู่ไม่ห่างจากสนามบิน
เห็นคนงานเยอะแยะ เลยถามชาวจีน ที่ทำงานดูแลสายผลิต ว่า ทำไมมาทำที่นี่ ที่จีนไม่ถูกกว่าหรอ???
เค้าบอกว่าที่จีนเดี๋ยวนี้แพงกว่าแล้ว เลยถามเค้าว่าที่นี่ได้เงินเดือนคนละเท่าไหร่
เค้าตอบมา ผมอึ้งครับ
ชาวเขมร ได้เงินเดือนในโรงงานเพียงเดือนละ 80 เหรียญ หรือ 2400 บาทเท่านั้น
ทำให้ผมคิดได้ทันทีเลยครับ ว่าดีแค่ไหนแล้วที่เกิดเป็นคนไทย มีค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท
เลิกอิจฉาฝรั่งที่มีตังค์มาเที่ยว เอเชีย เป็นปีๆ ไปชั่วขณะเลยครับ
กลับมาผ่านร้านทอง เรียงรายอยู่ 5-6 ร้าน ในย่าน central market
ถึงตอนนี้เวลามีไม่เยอะ เลยจ้างสามล้อ ให้วิ่งพาไปริมน้ำโขงครับ โดยให้วิ่งผ่านทาง ราชวังเดิมหรือ royal palace (ในภาพข้างบนนี้คือ National Museum) อาคารเก่าสวยงาม แต่ผมไม่ได้เข้าดู
มาถึงริมโขงใกล้ royal palace ย่านนี้เป็นย่านเหมือนข้าวสารครับ ฝรั่งมาอยู่ มาพัก แต่ผม่ไม่ได้อยู่แถวนี้ แค่แวะมาจิบเบียร์ นั่งพักซักแก้วครับ
เบียร์ Angkor ของคุ้นเคยสบายๆ คอ เย็นๆ ในที่อากาศร้อนระอุ สบายแท้
ปลาหมึกทอด กับน้ำมะพร้าว ราคาอาหารเบ็ดเสร็จ 400 บาทครับ
ของกินย่านนี้ถือว่าแพงกว่าย่าน central ที่ผมอยู่มากทีเดียว เนื่องจากเป็นแหล่งฝรั่งครับ รอบๆ ก็จะมีสามล้อคอยเรียก ค่อนข้างน่ารำคาญนิดนึง แต่ก็เข้าใจว่าเค้าพยายามทำมาหากิน เพราะที่นี่ แทบไม่มีอาชีพอื่นให้ทำครับ
ภาพ royal palace ไม่ค่อยชัดนะครับ เพราะอยู่บนตุ๊กๆ
ภาพที่สอง royal palace นั่งบนตุ๋กๆ ครับ อากาศร้อนมากๆ
ขานั่งตุ๊กๆ กลับ เห็นเด็กนักเรียน เลย่ถายไว้ เผอิญเค้าหันมาจ้องเขม็งเลย มหาลัยที่นี่ถือว่าน้อยมากครับ คิดว่าคนส่วนใหญ่ยังไม่ให้ความสำคัญกับการศึกษา เพราะว่าไม่มีงานรองรับเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะเห็นเป็นโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษเล็กๆ ค่อนข้างเยอะ เพราะเรียนเพื่อทำมาหากินได้มากกว่าครับ
ภาพสุดท้านนี้คือ white house ครับ หรือที่ทำการรัฐบาล (เค้าบอกอย่างงั้น ผมไม่แน่ใจนะครับ) ตึกดูโอ่โถง อลังการ ดูดี มีระดับมากครับ (ถ่ายตอนนักตุ๊กๆอยู่เช่นกัน) เห็นแล้วรู้สึกราวกับคนละโลกกับประชานชนในประเทศเลยครับ
จบทริปในกัมพูชาแบบสั้นๆ ครับ อาจจะไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่นัก แต่ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับบางท่านนะครับ
ตอนต่อไป ผมจะเข้าเวียดนามแล้วครับ ไม่ได้วางแผนเอาไว้ แต่ ผบ. ทักมาตอนกินกาแฟที่ทรูว่า นั่งไป โฮ จิ มินฮ์ ได้ ไม่ไกลเลย.. ไปมั้ย.......????
คำตอบอยู่ที่ตอนหน้าครับ
ขอบคุณที่อ่าน และแผล่บครับ ได้จากตอนที่ 1 ตอนนี้ส่งใบสมัครชมรมถ่ายภาพแล้วครับ