ยามาโมโต้ ยาเอะ:ยอดหญิงแห่งไอซึ
สวัสดีพวกลื้อทั้งหลาย
น่าเสียดายผลบอลจังเลยน่อ แต่เอาเถอะทำดีแล้วล่ะ!
วันนี้อั๊วมีเรื่องของยอดหญิงที่ญี่ปุ่นคนนึง
ที่ว่ากันว่าเป็นสไนเปอร์สาวของญี่ปุ่นคนแรกด้วย
และก็ได้รับฉายาว่าเป็นไนติงเกลแห่งญี่ปุ่นด้วย
และสตรีผู้นั้นคือ "ยามาโมโต้ ยาเอะ"
-------------------------------------------------------------
ยามาโมโต้ ยาเอะ(山本八重)ยอดหญิงแห่งไอซึ(ปัจจุบันคือจังหวัดฟุคุชิม่า)ในยุคสมัยของปลายสมัยโชกุนโทคุงาว่าหรือยุคบาคุมัตซึ(幕末)
ตระกูลของเธอนั้นเป็นซามูไรที่รับใช้ตระกูลมัตซึไดระเจ้าเมืองไอซึมาหลายชั่วคน
ยาเอะนั้นมักจะชอบการเล่นแบบผู้ชายตั้งแต่เด็กและให้ความสนใจปืนไรเฟิลเป็นพิเศษ
แต่กว่าจะถึงจุดนั้นก็ผ่านอะไรมาเยอะเช่นกัน
(ภาพจากเรื่องYae no Sakuraช่องNHK)
ยาเอะนั้นสนใจปืนไฟของพี่ชายเธอ"ยามาโมโต้ คาคุมะ"มาตั้งแต่เด็กแต่ว่าด้วยเป็น
ผู้หญิงและยังเล็กอยู่ทำให้พ่อของเธอสั่งห้ามเธอมายุ่งเรื่องของผู้ชายเด็ดขาด
Spoil
ยามาโมโต้ คาคุมะ(山本覚馬)ซามูไรและยอดสไนเปอร์แห่งไอซึ
คาคุมะนั้นเป็น1ในยอดนักแม่นปืนที่หาได้ยากในแผ่นดินญี่ปุ่นสมัยก่อน
ว่ากันว่าไม่ว่าเป้าเล็กแค่ไหนก็เข้าตรงจุด.นอกจากจะเป็นนักแม่นปืนด้วยแล้ว
วิชาอาวุธประชิดอย่างดาบและหอกก็ไม่แพ้กับวิชาปืนไฟเลยทีเดียว.หลังจากสงครามโทบะ-ฟุชิมิ,คาคุมะนั้นต้องตาบอดไป2ข้าง
เนื่องจากการระเบิดของปืนใหญ่ แม้ว่าจะตาบอดแต่ในสมัยเมจิเจ้าตัวก็อุทิศตนเป็นทั้งอาจารย์
และนักการเมืองตาบอดคนแรกของญี่ปุ่นอีกด้วย
คาคุมะก็จัดเป็นThe Last Samuraiเช่นกัน
แต่ในภายหลังทั้งพ่อทั้งคาคุมะเห็นแววในตัวยาเอะจึงสอนทุกสิ่งทุกอย่างของวิชาปืนและระเบิด
ไว้ใช้ต่อสู้และปกป้องแคว้นของตนเองนั้นเอง
(ภาพจากเรื่องYae no Sakuraช่องNHK)
หลายปีต่อมายาเอะก็โตเป็นสาวแต่ฝีมือแม่นปืนก็ไม่ได้หายไปจากเธอซักนิดเดียว
จนกระทั่งปี1868สงครามโบชินก็เริ่มขึัน.แม้ว่าโทคุงาว่าประกาศคืนอำนาจทั้งหมดสู่องค์จักรพรรดิเหมือนเดิม
แต่ว่าทางเหนือนั้นไม่ยอมโดยมีแกนนำหลักคือเจ้าเมืองไอซึ"มัตซึไดระ คาตาโมริ"
Spoil
มัตซึไดระ คาตาโมริ(松平容保)เจ้าเมืองแห่งไอซึ
เป็นไดเมียวที่จงรักภักดีกับตระกูลโทคุงาว่ามากๆซึ่งมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเจ้าตัวก็พร้อมช่วยทันที
ในบรรดาเจ้าเมืองหลายคนที่จงรักภักดีโทคุงาว่ามักจะหัวโบราณไม่รับตะวันตก
แต่คาตาโมรินั้นต่างกัน เพราะเมืองไอซึนั้นเปิดรับวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามาด้วย
คาตาโมรินั้นกลับเป็นคนที่ทำให้ไอซึผสมผสานระหว่างยุคเก่าและใหม่ได้ดีคนนึงเลยละ
และไม่กีดกันของตะวันตกด้วย(ถ้ากีดกั้นคนตระกูลยามาโมโต้ไม่ได้ยิงปืนแล้วล่ะ)
ภายหลังสงครามโบชิน คาตาโมริถูกให้จองจำไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีก
ว่ากันว่าถ้าคาตาโมริเป็นคนยุคปัจจุบันสามารถเป็นไอดอลชายหรือดาราได้สบายเลยล่ะ
รัฐบาลเมย์จิในเวลานั้นได้เปิดศึกกับแคว้นไอซึ,ด้านยาเอะเองก็รับบทเป็นคนดูแลคนฝ่ายในและเด็กเล็กทั้งหลาย
และสอนเรื่องปืนไรเฟิลแก่ผู้หญิงและเด็กจนกระทั่งศึกระหว่างทั้ง2เริ่มขึ้น
ยาเอะนั้นได้ปลงผมและแต่งกายให้เหมือนชายแทบทุกอย่าง
และยิ่งข้าศึกไปก็หลายคน เวลาผ่านไปซักระยะไอซึประกาศยอมแพ้และให้รัฐบาลเมย์จิเข้าเมือง.
คนที่เกี่ยวข้องกับสงครามจะต้องถูกเนรเทศหรือโดนจองจำ
แต่ทว่ายาเอะรอดจากเหตุการณ์นี้เพราะการช่วยเหลือของคนในไอซึนั้นเอง
ชีวิตหลังสงครามและช่วงปฏิรูปประเทศ,ยาเอะนั้นได้ตามหาพี่ชายคาคุมะเจอที่เกียวโต
คาคุมะนั้นตาบอดมองไม่เห็น.คาคุมะนั้นให้ยาเอะนั้นไปสอนหนังสือที่โรงเรียนแห่งนึง
ในเกียวโต.หลังจากนั้นโชคชะตาของเธอก็ได้มาเจอกับนิจิม่าโจ(新島襄)
Spoil
นิจิม่า โจ(新島襄)หรือJoseph Hardy Neesima
เป็นมิชชั่นนารีญี่ปุ่นและเป็นผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยโดชิชะ(同志社大学)และวิทยาลัยสตรีโดชิชะ(同志社女子大学)ในเกียวโต
ทั้งคู่ได้แต่งงานกันและยาเอะเปลี่ยนรีตเป็นศาสนาคริสต์(ในเวลาต่อมาทั้งบ้านก็เปลี่ยนเป็นคริสต์หมด)
ทั้งคู่ได้ก่อตั้งโรงเรียนโดชิชะขึ้น แม้ว่าจะมีเสียงเรียกร้องของคนเกียวโตก็ตาม
ในตอนแรกเป็นโรงเรียนโดชิชะในเวลาภายหลังเป็นมหาวิทยาลัยโดชิชะจนถึงทุกวันนี้
แต่ทว่าเวลาก็ผลัดพลากทั้ง2ไป ศาสตราจารย์เนจิม่าได้เสียชีวิตเพราะโรคหัวใจ
โดยศพได้ฝั่งที่เกียวโต.ยาเอะก็คงสานเจตนารมณ์ของโจต่อไป
หลังจากการเสียชีวิตของศาสตราจารย์เนจิม่า,ยาเอะนั้นได้ผันตัวเองจากอาจารย์มาเรียนรู้
การเป็นพยาบาลในสภากาชาติจนกระทั่งเกิดสงครามจีนกับญี่ปุ่นครั้งที่1
ทหารจำนวนมากนั้นได้บาดเจ็บและถูกส่งตัวกลับมารักษา
นอกจากนั้นก็มีคนจีนที่อยู่ในญี่ปุ่นได้รับบาดเจ็บเพราะต่อสู้กับทหารญี่ปุ่นด้วย
แต่ยาเอะและพรรคพวกพยาบาลนั้นได้ทำการรักษาทั้งคนญี่ปุ่นและคนจีนที่ถูกส่งมาอย่างเท่าเทียมกัน
ไม่มีแบ่งแยกกูญี่ปุ่นมึงมันจีน
หลังจากจบสงครามยาเอะนั้นได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์รัตนมงกุฎจากจักรพรรดิเมจิ
และต่อมาก็รับหน้าที่พยายาลชั้นผู้ใหญ่ในสงครามรัสเซียกับญี่ปุ่น
ยาเอะได้เสียชีวิตลงในปี1932ในอายุ86ปี
โดยสุสานของเธอนั้นได้ตั้งอยู่ที่สุสานโดชิชะในเกียวโต
แม้ตำนานของเธอจะจบลงแต่ชาวญี่ปุ่นจะจดจำเธอที่เป็นทั้งวีรสตรี
และยอดนางพยาบาลให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้และเป็นแบบอย่างตลอดไป
(ในรูปถ่ายกับนายพลหญิงคนแรกของอังกฤษ:อีวาเจลีน บูท)
-----------------------------------------------------------
เรื่องราวของยอดหญิงแห่งไอซึก็จบลงแล้ว
อาจจะมีเขียนงงๆหน่อยเพราะไม่ได้เขียนมานาน ก็ขออภัยด้วย
สำหรับคืนนี้....ราตรีสวัสดิ์ครับพี่น้องชาวSS