ทำไมเราถึงมีรองกัปตันทีมที่ชื่อ แดเนียล แอกเกอร์
เมื่อราฟา เบนิเตซ จูงมือกองหลังชาวเดนมาร์กคนนี้เข้ามาในแอนฟิลด์ในเดือนมกราคม ปี 2006 ราฟากล่าวว่า “เขาจะเป็นเซ็นเตอร์แบ็คของลิเวอร์พูลในช่วง 10 ปีข้างหน้านี้” เราคิดว่ามันคงจะเป็นไปได้ที่ราฟาจะคาดการณ์ผิด เพราะแอกเกอร์อาจจะเป็นเซ็นเตอร์แบ็คให้เรานานกว่า 10 ปี เมื่อถึงเวลานี้ เขาอยู่กับเรามา 7 ปีกว่าแล้ว และต้องบอกว่าเป็น 7 ปีที่ยากลำบากไม่น้อย
ความยากลำบากนั้น ไม่ได้เป็นไปในแบบเดียวกับลูคัส ที่ต้องเผชิญภาวะเสื่อมศรัทธาของแฟนบอล แต่ปัญหาของแอกเกอร์ คือ การบาดเจ็บต่างหาก เพียงปีที่ 2 เขาก็ต้องเผชิญกับปัญหากระดูกฝ่าเท้า ที่พรากเขาจากทีมไปตลอดฤดูกาล 2007-2008 และเมื่อเขากลับมาอีกครั้งในต้นฤดูกาล 2008-2009 ก็พบว่า มาร์ติน สเคอเทล ซึ่งย้ายมาร่วมทีมในปี 2007 กำลังโชว์ฟอร์มได้ดี นั่นทำให้เขาต้องใช้เวลาส่วนใหญ่บนม้านั่งสำรอง และเมื่อเขากลับมาอยู่ในฟอร์มที่ดีอีกครั้ง ก็กลับมาพบกับอาการบาดเจ็บซ้ำซากอีก กว่าที่เขาจะได้ลงเล่นนัดที่ 100 ให้แก่ลิเวอร์พูล ก็ต้องรอถึงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2010 ในเกมยูโรปา ลีก กับทีมยูนิเรีย อูร์ซิเซ เขาใช้เวลาถึง 4 ปีเต็มๆ ในการลงเล่น 100 เกมให้ลิเวอร์พูล มันเป็นสถิติที่ก่อให้เกิดคำถามอย่างมากว่า เขาแข็งแกร่งพอที่จะเป็นเซ็นเตอร์แบ็คของเราหรือไม่?
กว่าที่เราจะได้เห็นเขาลงเล่นในเกมเปิดฤดูกาลอย่างแท้จริง ต้องรอถึงฤดูกาล 2010-2011 แต่กลายเป็นว่า สไตล์การเล่นของเขาไม่เข้ากับระบบของ รอย ฮอดจ์สัน ผู้จัดการทีมในขณะนั้น ทำให้เขาต้องหลุดไปเป็นตัวสำรอง จนกระทั่ง เคนนี ดัลกลิช กลับมาเป็นผู้จัดการทีม แอกเกอร์จึงได้กลับมาลงเล่นตัวจริงอีกครั้ง แต่แล้วเขาก็ได้รับบาดเจ็บอีกครั้งในเกมกับเวสบรอมวิช อัลเบียน ในต้นเดือนเมษายน ซึ่งทำให้เขาต้องปิดฉากฤดูกาลก่อนกำหนดอีกครั้ง
ฤดูกาล 2011-2012 เขาได้ลงเล่น 34 นัด มีอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่บ้าง แต่ไม่หนักและยาวนานอย่างที่เคย และเมื่อฤดูกาลที่แล้วเป็นฤดูกาลที่เขาได้ลงเล่นถึง 39 นัด ซึ่งมันทำให้เรามีความหวังว่า เขาจะหลุดพ้นจากวังวนของอาการบาดเจ็บเสียที
และเมื่อแอกเกอร์เริ่มที่สลัดอาการบาดเจ็บออกไป และกลับมาฟิตสมบูรณ์ในฤดูกาล 2011-2012 เขาโชว์ฟอร์มได้ดี ดีมากพอที่ทีมอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี ให้ความสนใจ ซึ่งตามข่าว พวกเขาพร้อมจ่ายถึง 20 ล้านปอนด์เพื่อลายเซ็นต์ของกองหลังชาวเดนมาร์กของเราคนนี้เลยทีเดียว เราไม่มีทางรู้ว่าแท้จริงแล้วมีข้อเสนอยื่นเข้ามาหรือไม่ แต่สิ่งที่แอกเกอร์ทำ คือ ใช้เวลาช่วงปิดฤดูกาล ไปจัดการสักตัวอักษร Y N W A ที่ข้อนิ้วมือขวาทั้ง 4 นิ้ว นิ้วละตัวอักษร
…มันอาจไม่จำเป็นต้องมีคำพูดใดๆมาอธิบายอีกแล้วกับสิ่งที่แอกเกอร์ทำ เขาคงไม่แค่นึกสนุก ชอบตัวอักษร 4 ตัวนี้ขึ้นมาถึงไปสักไว้ที่ข้อนิ้วตัวเอง ต่มันหมายถึงสิ่งที่มีความหมายต่อเขาต่างหาก
แอกเกอร์ต่อสัญญากับลิเวอร์พูลระหว่างฤดูกาล 2012-2013 ในวันที่ 5 ตุลาคม 2012 และเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล ก็มีข่าวว่าบาร์เซโลนา สโมสรยักษ์ใหญ่จากสเปนให้ความสนใจอยากจะซื้อตัวเขาไปร่วมทีม แต่แอกเกอร์ก็ออกมาพูดทุกครั้งว่า เขาไม่ไป และจะอยู่ที่นี่ไปจนกว่าลิเวอร์พูลจะต้องการขายเขาออกไปเอง และนี่คือ คำพูดล่าสุดของเขา…
“Barcelona are obviously a big club, but I have never thought about leaving Liverpool, unless they want to sell,” he said.
“Everyone at the club is an integral part of my life.
“I have a YNWA tattoo!
“Frankly I don’t mind if we don’t finish in the top four, I love the club.”
แปลคร่าวๆได้ใจความว่า
“เห็นได้ชัดเลยว่าบาร์เซโลนา เป็นสโมสรใหญ่ แต่ผมไม่เคยคิดถึงการย้ายออกจากลิเวอร์พูล นอกเสียจากว่าพวกเขาต้องการขายผม”
“ทุกคนที่สโมสร คือส่วนสำคัญในชีวิตของผม”
“ผมมีรอยสัก YNWA นะ!”
“พูดตรงๆเลย ผมไม่แคร์เลยถ้าเราไม่สามารถจบฤดูกาลในตำแหน่งท็อปโฟว์ได้ ผมรักสโมสร”
…มันไม่รู้จะพูดอะไรดีกับผู้ชายคนนี้ ถ้าจะมีใครซักคนที่จะเป็นตำนานคนต่อไป ถัดจาก สตีเวน เจอร์ราร์ด บางที ก็อาจจะเป็น แดเนียล แอกเกอร์ คนนี้นี่แหละ
แอกเกอร์เป็นเซ็นเตอร์แบ็คที่ชอบเติมเกม เขาครองบอลและเปิดเกมได้ดี เขาเคยเลี้ยงบอลขึ้นไปยิงไกลนอกเขตใส่เวสต์แฮมในปี 2006 ในเพียงแค่เกมที่ 2 ของเขากับลิเวอร์พูล ซึ่งได้รับเลือกให้เป็นประตูยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลด้วย ไม่เท่านั้น ในปีถัดมากับเกมยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศนัดที่ 2 กับเชลซี ที่แอนฟิลด์ เขาเป็นคนยิงประตูให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำในเกม 1-0 ซึ่งทำให้สกอร์รวมเสมอกัน 1-1 จนนำไปสู่การต่อเวลาพิเศษและดวลจุดโทษตัดสิน และทีมของราฟาก็สามารถเอาชนะได้อีกครั้ง ทำให้ลิเวอร์พูลได้เข้าชิงชนะเลิศยูฟา แชมเปียนส์ ลีก เป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 ปี
นอกจากฝีเท้าและความทุ่มเทของเขา แอกเกอร์ยังมีอารมณ์ร่วมและจงรักภักดีต่อสโมสรไม่น้อย หลายคนคงยังจำชอตศอกใส่ตอร์เรสในเกมที่ลิเวอร์พูลเปิดบ้านรับการมาเยือนของเชลซีในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2011 …เกมแรกหลังการย้ายทีมของตอร์เรส แน่นอน มันอาจจะเป็นแค่การทำฟาล์วธรรมดาในเกม แต่เราทุกคนรู้ดีว่า ทำไมแอกเกอร์ถึงทำฟาล์วทั้งๆที่ไม่จำเป็นต้องฟาล์วเลยในจังหวะนั้น
เขาไม่เคยพูดอะไรมากมาย ไม่เคยบอกว่าจะอยู่กับลิเวอร์พูลไปตลอดอาชีพของเขา แต่กับสิ่งที่เขาทำทั้งในสนามและนอกสนาม มันเป็นข้อพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีถึงตัวตนและความรู้สึกของเขาที่มีต่อทีม ต่อสโมสรและแฟนบอล
แม้เราต้องเสียคาร์ราไป สโมสรได้ลองเปิดโอกาสให้แฟนบอลโหวตเลือกรองกัปตันทีมคนใหม่ คะแนนมากมายถูกเทให้กับแดเนียล แอกเกอร์ เพราะแฟนบอลทุกคนรู้ดีว่า เขาจะสามารถรับหน้าที่นี้ได้ด้วยความภาคภูมิใจ และมองเห็นคุณค่าของความไว้วางใจที่แฟนๆมอบให้ ซึ่งก็ไม่ต่างกับเบรนแดน ร็อดเจอร์ส ที่มองเห็นและคิดตรงกับแฟนบอล เลือกที่จะแต่งตั้งเขาเป็นรองกัปตันทีมคนใหม่ พร้อมกับคำการันตีว่า
“ความจงรักภักดีและอารมณ์ความรู้สึกต่อสโมสรลิเวอร์พูลของเขา ไม่เป็นสองรองใคร”
ซึ่งเราคิดว่ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆ
แดเนียล แอกเกอร์ เป็นนักเตะลิเวอร์พูลคนที่สอง ที่เราเคยได้รับรู้คำพูดที่ว่า จะไม่ย้ายไปไหน หากว่าสโมสรยังต้องการตัวเขาอยู่ …คนแรก คือ สตีเวน เจอร์ราร์ด กัปตันทีมของเรา พูดในวันที่ต่อสัญญากับสโมสรเมื่อปี 2005 และในวันนี้ เราได้ยินใครอีกคนพูดเช่นนั้น ช่างโชคดีที่เรามีนักเตะที่รักสโมสรมากกว่าถ้วยรางวัลมากกว่าหนึ่งคน!!!
…บางที คุณสมบัติของนักเตะที่จะได้รับเกียรติให้สวมปลอกแขนกัปตันทีมลิเวอร์พูล ก็ไม่ใช่ฝีเท้าและความเก่ง แต่เป็นความรักและจงรักภักดีต่อทีมมากกว่า เพราะฝีเท้ามีวันตกลง แต่ความรักและภักดี หากมีอย่างแท้จริงแล้ว มันจะคงอยู่ตลอดไป
เพราะอย่างนี้ไงล่ะ เราถึงมีรองกัปตันทีมที่ชื่อ แดเนียล แอกเกอร์
และเราสามารถบอกกับคนทั้งโลกได้เลยว่า …DAGGER IS NOT FOR SALE…
เพราะเขามี YNWA TATTOO
เครดิต howk_ky
ที่มา
http://www.lovelfc.com/