ขาขึ้นง่ายๆซีวิคกำลังเหลือๆ ผิดจังหวะยังไงเหยียบส่งก็ไปได้หมด
แต่ตอนลงถ้าชันมากก็เพิ่มความระวังหน่อย ใช้เอนจิ้นเบรคช่วยตอนลง เบรคแค่ตอนจะเข้าโค้งถ้าความเร็วเกิน โค้งไม่ชินโดนบังมุมก็เข้าช้าหน่อย ถ้าเปิดแผนที่ก็ใช้ช่วยดูได้โค้งแคบ โค้งหักศอก ถ้ารถเยอะเว้นระยะกับคันหน้าหน่อยอย่าไปจี้จะได้ไม่ต้องเบรค รอบเครื่องสูงไม่ต้องไปกังวลรถไม่พังหรอกอย่าถึงเรดไลน์ก็พอ ขับรถเลนสวนขึ้นเขาถ้าคิดว่ายังไม่ชำนาญก็ค่อยๆไปเท่าที่ไหว ถ้ามีคนมาจี้ตูดก็เปิดไฟเลี้ยวซ้ายแล้วชะลอให้เขาแซงไป (ที่ไม่ใช่เส้นทึบ เนิน โค้ง) อย่าไปเร่งเครื่องตอนเขาแซงเด็ดขาด

เขาใหญ่ ถ้าไปวันหยุดโดยเฉพาะหยุดยาวๆท่านจะไม่ต้องกลัวเบรกไหม้ เพราะรถเยอะอยู่แล้ว
แต่ถ้าอนาคตมีเพลนไปทับเบิกหรืออะไรก็ตามที่ทางลงชันๆ เริ่มทดลองPDSให้เป็น
ก่อนอื่นเลื่อนเกียร์มาSก่อน ถ้าเลื่อนมาSจังหว่ะแรกยังจะเป็นSแบบautoอยู่(เกียร์ยังเปลี่ยนของมันเอง)
ท่านลองตบ-ลงมา1ทีจะแสดงสถานะเกียร์ว่าอยู่เกียร์อะไร ท่านลองตบลงมาอีกทีรอบเครื่องขึ้นไปเท่าไรทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ถ้ารู้สึกว่าเครื่องมันเสียงดัง(รอบสูงไป)ท่านก็ตบ+ขึ้นไปรอบก็จะลง
ลองหัดไปเรื่อยๆครับ แง้มกระจกรถสักนิดนึงก็ดีไว้สังเกตุกลิ่นเบรก
ถ้าเบรกไหม้ปกติเปลี่ยนแต่ผ้าเบรกก็จบ(ถ้าจานไม่ไหม้ไม่คดน้ำมันเบรกไม่เดือดจนหมดสภาพ)
สรุปถ้าใช้ไม่เป็นจริงๆอย่ากลัวเบรกไหม้เพราะผ้าเบรกไม่ได้แพง เอาชีวิตเราสำคัญกว่าครับ

ถ้าท่านทำบ่อยๆ มันจะเหมือนกับการที่เราวิ่งเร็วๆอยู่ อยู่ดีๆเราหยุดเสี้ยววิ แล้ววิ่งที่ความเร็วช้ากว่าเดิม
ร่างกายเราก็มีโอกาสจะได้รับบาดเจ็บมากกว่าคนที่วิ่งมาแล้ว ค่อยๆชะลอก่อนกลับไปวิ่งใหม่

เครื่องยนต์ก็แบบนั้นครับ ตอนจะแซงปกติผมก็ไม่ได้เลี้ยงรอบสูงนะ แต่กะระยะแซงดีๆ แบบที่ไม่ต้องกดคันเร่งมิด อันนี้จะทำให้เราใช้รถได้นานขึ้นแน่นอน สำหรับเกียร์ออโต้นะครับ ถ้าเป็นเกียร์ธรรมดาก็แค่เชนเกียร์ลงมาไม่เกิน1ขั้นแล้วแซงได้ อันนี้ผมว่าก็โอเคครับ

นอกจากเรื่องปรับเกียร์ต่ำกับการใช้เบรค ผมใช้วิธีศึกษาเส้นทางที่เราจะไปด้วยครับ ไม่ว่าจะดูผ่านแผนที่ ดูstreet view

หรือบางเส้นก็มีคนอัดคลิปไว้ในยูทูป ก็ลองไปศึกษาดูก่อน ถ้าจำแต่ละโค้งได้เลยยิ่งดี

มีประโยชน์คือเราพอจะรู้ว่าโค้งนี้ควรเข้าแบบไหน โค้งยากขนาดไหน ความกว้างถนนเป็นยังไง ต่อไปจะเจออะไร

จะได้ปรับความเร็วไว้รอเลย รวมถึงเตรียมตัวเตรียมใจไว้ ไม่ให้แหกโค้งง่ายๆ บางทีก็รู้ด้วยว่าใกล้ถึงจุดที่แซงคันหน้าได้ยัง

ก็ปลอดภัยยิ่งขึ้นครับ อย่างเส้นอีสานกับเหนือ ถ้าข้ามเขาภูพานโค้งจะหักศอกมากถึงแม้จะระยะทางไม่ยาว

ถ้าข้ามน้ำหนาว จากฝั่งอีสานไปเหนือช่วงลงเขาจะชันกว่าหน่อย ต้องระวังตอนขาลง เขาค้อขาลงยากกว่าขาขึ้นไม่ควรขับเร็ว เป็นต้น

เดาว่า civic turbo 1.5 ใช้ S กด paddle shift ครับ

เวลามีคนถามแบบนี้ มักจะกลัวขาขึ้นมากกว่าขาลง จะถามว่าขึ้นไหวมั้ย ตลอด

ผมบอกทุกคนว่า ขาขึ้นหนะไม่ยาก รถมีกำลังพอ ยกเว้นชันและเจอโค้งหักศอก หรือโค้งแคบ แล้วคนไม่มีประสบการณ์ มักจะช้าชิดขอบในเลยทำให้แรงขาดช่วงส่งขึ้นไป ถ้าทางขึ้นเจอแบบนี้ เกาะเส้นกลางไว้ ใช้คันเร่ง เร่งส่งให้ ต่อเนื่องเลี้ยงกำลังเครื่องไว้ให้เหมาะสม อาศัยแรงเหวี่ยงนิดหน่อย ขึ้นสบายครับ

ขาลงเนี่ยแหละ ตัวปราบเซียน ถ้าทางลงชัน อย่างแรก ทื้งช่วงคันหน้าให้ห่าง ซักหน่อย ซัก 2ช่วงคัน ถ้าเกียร์ CVT ดึงลงมา B หรือต่ำกว่า D บางช่วง ให้เครื่องใช้รอบสูง เพื่อใช้ Engine Break ช่วยลดความเร็ว โดยไม่ต้องเหยียบ เบรค หรือใช้ Paddle Shift ถ้ามีในบางคัน ถ้ารู้สึกลงเร็วไปแล้ว หรือใกล้ถึงโค้ง

เหยียบเบรคให้หนักกว่าปกติ ให้รู้สึกว่า หน่วงความเร็วมาถึงจุดที่เราต้องการ หรือให้ก่อนถึงโค้ง แล้วค่อยปล่อยไหล เข้าไป "อย่ากดเบรคแช่ ระยะทางยาว เด็ดขาด!!! อาศัยเหยียบให้หนักช่วงนึง แล้วปล่อยไหล หรือ กด แล้ว ปล่อยแล้วค่อยเหยียบใหม่ จะช่วยลด อุณหภูมิ​ผ้าเบรคได้ เลี่ยงการทำให้เบรคไหม้ได้

การขับทางเขาผมแนะนำแบบนี้

เปิดไฟหน้า ตลอดเวลา

ตามองให้ไกลและกว้าง กว่า ท้ายรถคันหน้า คิดล่วงหน้าในหัวเสมอว่า สภาพทางข้างหน้าเป็นแบบไหน มีโค้งอยู่ข้างหน้ามั้ย จะได้เตรียมตัวถูกเวลาขับ ถ้าเป็นทาง ลงเขาแล้วมองต่อไปเปลี่ยนเป็นทางขึ้น เราต้องเร่งส่ง เพื่อให้ขึ้นไหว

ตัดสินใจให้ขาด ถ้าข้างหน้าช้าเกิน มีจังหวะเห็นฝั่งตรงข้ามชัดเจนยาวๆ ต้องแซง การวิ่งคันเดียว ไม่มีข้างหน้า ปลอดภัยกว่า การตามรถข้างหน้าที่ช้า เพราะเราต้องใช้เบรคเยอะขึ้น หรือลดความเร็วตาม จนรถเราเสียกำลัง และเสี่ยงเบรคไหม้
และโดนบังไม่ว่าจะทางขึ้นหรือลงเขา

ถ้าข้างหน้าเป็นโค้งจุดที่บังสายตา ไม่เห็นฝั่งตรงข้าม บีบแตรให้สัญญานไว้ก่อน เสมอ ไม่ว่าจะมีรถสวนหรือไม่มีก็ตาม

ต้องมั่นใจ อย่าลน เก็บประสบการณ์ บ่อยๆเดี๋ยวเก่งเอง

เตรียมรถให้พร้อม ผ้าเบรคเช็คให้ดี จขกท บอกว่า 1.5 Turbo ไม่แน่ใจว่าเป็น Honda รึเปล่า ถ้าใช่ แนะนำเปลี่ยนผ้าเบรค เป็น ญี่ห้ออื่นที่ทนความร้อนได้สูงกว่า เพราะผ้าเบรคโรงงาน ติดรถ Honda มักจะทนความร้อนสูงได้ไม่มาก เฟดเร็ว กว่าญี่ห้ออื่น

อ่ออีกอย่าง หลีกเลี่ยงการตามรถใหญ่ รถบรรทุก ในทางเขา ถ้ามีจังหวะแซง ต้องแซง หรือ ดูแล้วแซงไม่ได้อีกนาน แวะพัก ปล่อยให้ขบวนนำหน้า ให้ไกลๆก่อน
ประมาณนี้ครับเบื้องต้น

ขึ้นลงเขา เกียร์ออโต้กับกระปุกแบบไหนขับง่ายกว่ากันอะ

คนอื่นแนะนำภาพรวมไปหมดแล้ว ผมแนะนำว่า

อย่าจี้ท้ายคันหน้ามากเกินไป
เผื่อไหล เผื่อตบออกได้จะดีมาก

บางจังหวะคันหน้าดูท่าวางใจยาก ถ้ามีโอกาสแซงได้แบบไม่อันตราย ไม่กระชั้นชิดก็รีบแซงไป
แต่ถ้าต้องตามตลอด ก็ทิ้งช่วงให้เค้ายันขึ้นไปให้ได้ในระดับที่ขึ้นไปได้โดยไม่ดับ หรือต้องหยุดกลางทาง

นอกจากเราจะอันตราย จากการที่เค้าอาจจะขึ้นไม่ไหว แล้วต้องปล่อยไหลลงมาตั้งหลักแล้ว
ยังเป็นการไม่กดดันเค้ามากเกินไปด้วย

เวลาผมสอนคนอื่นขับรถ ผมจะเน้นข้อนี้มาก
มึงยิ่งกดดันเค้ามากเท่าไหร่ มันไม่ได้หมายความว่ามึงจะได้ไปเร็วขึ้นหรอก
แต่มึงจะอันตรายจากการตัดสินใจที่เร่งด่วนของเขา

คหสต.เกียร์กระปุกขับง่ายกว่าครับ ใช้คลัชแทนเบรคในบางจังหวะ

รู้จักรถตัวเองดูรอบเครื่องให้เป็นก็พอครับ ยิ่งช่วงนี้หน้าหนาวรถเยอะ ท่านต้องรู้ว่ารถท่านไหวเเค่ไหน บางจังหวะตอนขึ้นเขาห้ามเหยียบเบรคเด็ดขาดต้องเหยียบคันเร่งให้สุดไม่งั้นเเรงส่งไม่พอ ถึงเเม้ว่าเสียงเครื่องรถท่านจะร่ำร้องเเค่ไหนเเต่ต้องอดทนไว้ ส่วนขาลงอย่าเบรคบ่อยเบรคเฉพาะช่วงที่จำเป็น เทคนิคคืออย่าเลียเบรคให้เบรคจึ๊กไปเลย
เลยเบรคบ่อยๆ เบรคไหม้เร็วกว่า สู้ๆครับขับรถปลอดภัยครับท่าน

ขาขึ้น ขับขี่ธรรมดานี่ล่ะครับ เหมือนถนนทั่วไป

ขาลงครับที่ต้องระวัง เขาใหญ่คงไม่ได้น่ากลัวอะไรครับ หากเป็นอย่างภูทับเบิก หรือที่อื่นๆ

ที่ลงต่อเนื่อง สุดทางลงเป็นโค้ง ให้ระวังเรื่องความร้อนของเบรคครับ การลากเบรคยาวๆ เลียเบรคยาวๆ

ทำให้เกิดความร้อนสะสมครับ วิธีการที่ดีคือ ใช้เอ็นจิ้นเบรคครับ

เอ็นจิ้นเบรคคือ ใช้รอบเครื่องยนต์ช่วยให้การเบรคครับ วิธีคือการใช้เกียร์ต่ำ เครื่องยนต์จะรอบช้ากว่าล้อรถยนต์

ทำให้เกิดแรงฉุดให้รอบของล้อ มาเท่ารอบเครื่องยนต์ ล้อถูกฉุดมาให้รอบเท่าเครื่องยนต์ ความเร็วก็จะลดครับ

อะไรก็ตามที่เป็นการลดความเร็วโดยไม่ต้องใช้เบรค ล้วนช่วยได้ครับ เช่น การไม่ขับชิดคันหน้ามากเกินไปครับ

ถ้าเราชิดมาก คันหน้าเบรค เราก็ต้องเบรค ฉะนั้นเว้นระยะห่างให้มากหน่อย หากมีรถจี้ก้นเราเกินไป

ก็ชิดซ้ายให้เค้าแซงเลยครับ

ตาม คห ด้านบนครับ
ขาขึ้น D สบาย ๆ

ขาลง ถ้ารู้สึกว่ารถไหลลงไว ต้องแตะเบรคบ่อย ก็กด Paddle shift ครับ มันสามารถกดได้ ตอนอยู่เกียร์ D เลยครับ
จะมา S ก็ได้ แต่ถ้าคุณเพิ่งใช้ ไม่ชำนาญ จะเสียสมาธิครับ มัวพะวงว่าจะS หรือ D

สังเกตุรอบเครื่อง ฟังเสียงเครื่องยนต์ด้วยครับ


จขกท ใช้ 1.5 turbo ไม่รู้รถไร mg civic หรือ ford
ถ้าเป็น civic โฉมก่อนหน้าและปัจจุบัน engine brake ไม่ค่อยดึงเท่าไหร่เลยครับ
เทียบกับรถรุ่นอื่น ๆ ที่ผมเคยใช้ทางเขามา

ยังไงก็อย่าขับไว มีสติ และอย่าลืมทำความคุ้นเคยกับรถ กับระบบก่อนครับ หาทางโล่ง ฝึกใช้ให้ชำนาญ

เดินทางให้สนุกปลอดภัยครับ

city 2012 เพิ่งไปเขาใหญ่มาครับ สบายๆ

ขาขึ้นถ้าไม่ชันมากก้ขับ D ปกติ ถ้าชันก้ตบลงมา d3 d2

ส่วนขาลง ถ้าชันหน่อยผมก้ตบลงมา d2 หรือ d3 แล้วแต่ความชัน แทบไม่ได้เหยียบเบรกแบบหนักๆเลยครับ เบรกตอนก่อนโค้งหรือก่อนลงเนินเขานิดหน่อย

ขาขึ้นเหยียบไปเลยฮะ ไม่ต้องสนใจเกียร์ ถ้ามันตื้อๆก็ปรับลดเอา
ขาลงอย่าเหยียบเบรคค้าง กดที่เดียวให้ความเร็วตกแล้วใช้เกียร์ต่ำดึง ถ้ารู้สึกว่าเร็วไปก็เหยียบเบรคอีกอีก ใส่เกียร์ S แล้ว Shift ช่วยครับ

เวลาขึ้นก็กดเกียร์ D ธรรมดาครับ

พอลงผมใช้วิธีเกียร์ 1-2 แล้วเน้นปล่อยไหล แตะเบรคไม่แช่พอ