ชีวิตไม่ได้เริ่มต้นตอนที่อายุเท่าไหร่ แต่เริ่มตอนคิดได้เมื่อไหร่
วันนี้วันพระใหญ่ 15 คํ่า ข่วงเข้าพรรษา หาจังหวะดีๆเหมาะๆมาเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนๆฟังนะจ๊ะ
เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้วผมได้บวชให้พ่อ 1 พรรษา ให้แม่ 1 พรรษา เพื่อตอบแทนบุญคุณท่าน ตอนบวชแล้วไม่ชอบอยู่ที่วัดในเมืองเพราะมีแต่กิจนิมนต์ อยากเรียนรู้ชีวิตของพระจริงๆตามต่างจังหวัด เลยออกไปเที่ยวปฎิบัติธรรมตามวัดต่างจังหวัด ผมได้อยู่ในชุดของพระที่ไปสร้างพระสีวลีตามวัดต่างจังหวัดที่อาจานย์ท่านสร้างเป็นบล็อคที่ทําจากเรซิ่นเป็นชิ้นๆ แล้วเอามาประกอบต่อๆกันจนเป็นรูปพระสีวลี สูงประมาณตึก 2 ชั้น แล้วตั้งนั่งร้านทําจากไม้ต่อกันขึ้นไปเพื่อจะได้เทปูนจากเศียรท่านลงมา ตอนเทปูนมีพวกชาวบ้านต่างพากันมาช่วยหิ้วถังปูนส่งต่อๆกันไปรับกันเป็นช่วงๆ ผมรับเทปูนที่ศรีษะของพระสีวลีเลยทํากันตั้งแต่เย็นจนคํ่ามืดเปิดไฟทํากันด้วยจิตศรัทธาที่มีต่อพระพุทธศานาจนเสร็จในที่สุด ครั้งหนึ่งผมนึกในใจนี่คงเป็นมหากุศลอันยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตที่ครั้งหนึ่งที่ผมได้เคยทําไว้คงไม่มีกุศลใดยิ่งใหญ่ไปกว่าการได้สร้างพระถวายวัดอีกแล้ว และได้เขียนชื่อตัวเองกับครอบครัวใส่ไว้ที่ศรีษะพระสีวลีตามคําแนะนําที่พระรุ่นพี่บอกเวลาคนกราบไหว้พระเราจะได้บุญตามไปด้วย
แต่ครูบาอาจานย์ท่านบอกว่านั่นยังไม่ใช่กุศลอันสูงสุด ตอนแรกผมไม่เข้าใจ การสร้างพระถวายวัดให้คนกราบไว้บูชาเท่ากับเราได้ช่วยสืบทอดพระพุทธศาสนาให้ยืนยาวต่อไป แล้วจะมีอะไรที่เป็นกุศลผลบุญได้มากไปกว่านี้อีก ท่านบอกว่า ทั้งวัด พระพุทธรูป และวัตถุมงคลต่างๆ ล้วนแล้วแต่เป็นแค่เปลือกนอกของพระพุทธศานาเท่านั้นเอง ทําไมถึงเป็นอย่างนั้น เพราะมันช่วยให้คนเราพ้นจากทุกข์ไม่ได้ พระธรรมคําสอนของพระพุทธองค์ต่างหากที่เป็นแก่นแท้ของพระพุทธศานาที่จะช่วยให้ผู้คนหลุดพ้นจากความทุกข์ได้
สัพเพ ธัมมา นาลัง อภินิเวสายะ สิ่งทั้งหลายทั้งปวงอย่ายึดมั่นถือมั่นให้รู้จักปล่อยวาง
ถ้าใครได้ฟังความข้อนี้ คือได้ฟังทั้งหมดในพระพุทธศาสนา
ถ้าได้ปฏิบัติข้อนี้ ก็คือได้ปฏิบัติทั้งหมดในพระพุทธศาสนา
ถ้าได้รับผลจากการปฏิบัติข้อนี้ ก็คือได้รับผลทั้งหมดในพระพุทธศาสนา
*** นี่คือหัวใจของพระพุทธศาสนา ทําจิตให้ว่างได้ ให้อยู่เหนือสุขหรือทุกข์ได้ หลังจากนั้นได้นําเอาประโยค สุขก็ปล่อย ทุกข์ก็ปล่อย ไม่ยึดติดไว้ มันก็ว่างได้ไปเทศให้โยมแม่สมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ฟังเท่ากับผมได้เคยบอกให้โยมแม่เข้าใจถึงแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาว่าจริงๆเป็นอย่างไร นับว่าเป็นมหากุศลกว่าการสร้างพระถวายวัดอีกจ้า
เป็นคําพูดเพียงไม่กี่ประโยคของครูบาอาจานย์เมื่อก่อนนี้ ที่มันทําให้ผมฉุกคิดขึ้นมาได้ เหมือนตัวจิ๊กซอร์ในรูปที่หายไป แล้วมีคนหยิบตัวที่ขาดไปมาต่อจนเป็นรูปที่สมบูรณ์ ผมถึงได้ชอบพูดบ่อยๆว่า ชีวิตไม่ได้เริ่มต้นตอนที่อายุเท่าไหร่ แต่เริ่มตอนที่คิดได้เมื่อไหร่ ถ้าหาตัวเองเจอเมื่อไหร่ก็จะเปลืองชีวิตน้อยลง โลกนี้ได้วางกับดักให้เราทุกคนเอาไว้หมดแล้ว มันคือความอยากได้ อยากมี อยากเป็น ไม่มีที่สิ้นสุดของคนเรา พยายามหากอบโกยเก็บเอาไว้ให้มากที่สุดตามแรงอยากได้ อยากมี อยากเป็นที่ไม่มีที่สิ้นสุดของคนเรา จนเราลืมความจริงที่สําคัญที่สุดข้อหนึ่งไปเลย คือพอตายไปเมื่อไหร่ที่เก็บหอบเอาไว้เท่าไหร่ก็ต้องส่งคืนให้โลกนี้ไปหมดเลย โลกนี้ไม่อนุญาติให้ใครเป็นเจ้าของสิ่งหนึ่งสิ่งใดได้ตลอดไป พอถึงเวลาเมื่อไหร่ก็ต้องส่งคืนให้เจ้าของที่แท้จริงไปทั้งหมดเลย มีแค่เพียงความดีความชั่วที่ตัวเองได้เคยทําเอาไว้ในตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้นเอง เวลานี้ ตอนนี้จึงสําคัญที่สุดเลย หากมีความดีอันใดที่ทําได้ควรเร่งทําเพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าวันไหนจะเป็นวันสุดท้ายของชีวิตเราถ้าครั้งหนึ่งเราเคยมาจากความมืดอันว่างเปล่าสักวันหนึ่งเราต้องกลับไปหามัน ช้าหรือเร็วเท่านั้นเองที่สําคัญไม่มีใครรู้เลยว่าเมื่อไหร่จะถึงวันสุดท้ายของตัวเองด้วยจ้า
ผมฉุกคิดขึ้นมาได้จึงสวดมนต์ นั่งสมาธิ กรวดนํ้า แผ่เมตตาอุทิศ ให้พ่อแม่ บรรพบุรุษที่ล่วงลับ เจ้ากรรมนายเวร ผู้มีพระคุณ เชื่อในสิ่งที่ทํา ทําในสิ่งที่เชื่อเลือกที่จะเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้คือความดี เป็นสิ่งที่ควรทําให้สมกับที่ได้เกิดมาพบพระพุทธศานา พอเข้ายุคอินเตอร์เน็ทเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ผมได้คุม 3 เวบใหญ่ ได้เป็นประธานเมทัลโซน รองประธานเอวี คนคุมห้องเวบบาท ทั้ง 3 เวบ ที่ผมได้นําธรรมมะและแง่คิดดีๆเข้าไปเผยแพร่ตั้งแต่ 10 ปีที่แล้วเพราะมันจะเป็นวิธีการที่จะเข้าถึงเข้าถึงผู้คนได้ง่ายที่สุดอีกวิธีหนึ่งไม่หวังให้ทุกคนที่อ่านจะเข้าใจได้ทั้งหมดเพราะทุกคนต่างจิตต่างใจต่างมีความคิดเป็นของตัวเอง มีเหตุผลเป็นของตัวเอง แต่ถ้าแม้มีแค่เพียงคนเดียวที่รู้และเข้าใจในสิ่งที่มันเป็นว่า พอถึงจุดๆหนึ่งของชีวิต การที่จะอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลงและไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอนนี้ได้ดีที่สุดคือ จะต้อง ปล่อย ปละ ละ วาง ด้วยจิตใจของตัวเอง ยึดติดให้น้อยลง และปล่อยวางให้มากขึ้น ไม่ได้อยู่ที่มีมากเท่าไหร่ แต่อยู่ที่จะพอได้เมื่อไหร่ ต้องมีให้ได้ไม่มีไม่ได้ กับถ้ามีก็ดีเลยแต่ไม่มีก็ได้ผลที่ได้ต่างกันมากเลยจ้า ข้อความชุดนี้ผมนําไปโพสทั้งที่เวบเมทัล เวบเอวี เวบบาทสมัยที่ผมเป็นคนคุมอยู่ ที่เวบเอวีเมื่อ 10 ปีที่แล้วท่านประธานได้ปักหมุดเอาไว้ที่ห้องนั่งเล่นเอาไว้เลย ผ่านมา 10 ปีมีคนอ่านไปแล้ว 4 หมื่นกว่าครั้ง ถ้าหนึ่งในนั้นมีคนที่ฉุกคิดขึ้นมาได้ สามารถ ปล่อยว่างได้ด้วยจิตใจของตัวเอง ผมก็เหมือนได้ทําไหน้าที่ของตัวเองสําเร็จลงไปแล้วจ้า ( ยุคแรกๆที่โพสยังเป็นแบบในรูปข้อความคําสอนแง่คิดดีๆ เพิ่งมายุคหลังที่ใช้เป็นรูปธรรมมะแทนจ้า )
ได้นํารูปธรรมมะรูปนี้ของน้องมือโพสรูปธรรมมะหนึ่งเดียวของเวบขอบคุณน้องมากๆที่มารับช่วงต่อให้น้องทําได้ดีมากๆขออนุโมทนาบุญกับน้องด้วยจ้า ชอบรูปนี้มากๆเลยไปปริ้นเป็นรูปสีนําไปถวายที่วัดพร้อมกระป๋องกฐินติดเงินบริจาคเพื่อบูรณะซ่อมแซมโบสถ์เก่าอายุ 200 กว่าปีที่วัดแถวบ้านช่วงออกพรรษาที่กําลังจะมาถึง ขออนุโมทนาบุญกับเพื่อนๆทุกๆคนด้วยนะจ๊ะ คําสอนของท่านพุทธทาสในรูปนี้ช่วยยํ้าว่าผมมาถูกทางแล้วจ้า คําว่าสว่างไสวในทางธรรมที่ท่านพุทธทาสพูดก็คือ การฉุกคิดขึ้นมาได้มีดวงตาเห็นธรรมเข้าใจในความจริงของชีวิตนั่นเองจ้า
ขออัญเชิญบทเพลงบางส่วนของ เพลงพระราชนิพนธ์ ความฝันอันสูงสุด มีบางท่อนฟังแล้วอ่านแล้วมันกินใจ มันให้กําลังใจเราดีจ้า
จะปิดทอง หลังองค์ พระปฏิมา ( ถ้าคนเราปิดทองกันที่แต่หน้าองค์พระเพียงอย่างเดียวจะเป็นองค์พระที่สมบูรณ์ขึ้นมาไม่ได้เลยจ้า ต้องมีคนยอมเสียสละทําความดีแบบไม่ต้องการให้ผู้อื่นรู้ บางครั้งคนดีอย่างแท้จริงยอมเสียสละแม้แต่การที่จะให้คนอื่นรู้ว่าตัวเองได้ทําความดีจ้า )
ไม่ท้อถอย คอยสร้าง สิ่งที่ควรไม่เรรวน พะว้าพะวัง คิดกังขา ไม่เคืองแค้น น้อยใจ ในโชคชะตา
ไม่เสียดาย ชีวา ถ้าสิ้นไป โลกมนุษย์ ย่อมจะดี กว่านี้แน่เพราะมีผู้ ไม่ยอมแพ้ แม้ถูกหยัน คงยืนหยัด สู้ไป ใฝ่ประจัญ
ยอมอาสัญ ก็เพราะปอง เทิดผองไทย