บทสัมภาษณ์ของ Hans Zimmer และ Thom Yorke ถึงเรื่องเพลงประกอบซีรีย์สารคดี Blue Planet 2 Hans – “Pointillism, painting pointillism.” “And started to talk about these ideas-”
Thom – “I used to draw exactly that after going surfing, I would do exactly that.”
Hans – “Alright okay so we were obviously, there seems to be consensus here that we were on right track.” “And we came over here, and just started to do these gestures with the orchestra, these tiny little fragments of sound.” “Just like a sometimes it would be like light, sometimes it would be like little waves.” “They sort of became the vocabulary for this.” “I think that was part of the idea let’s not just start with the tune, let’s start with figuring out a new technique.” “A new method of how to present whatever the notes are.” ฮานส์ – “ลัทธิผสานจุดสี, งานจิตรกรรมผสานจุดสี และเริ่มที่จะพูดคุยกันเกี่ยวกับไอเดียนี้...”(เฮียทอมพูดขึ้นมา)
เฮียทอม – “ผมเคยวาดรูปแบบนั้นเลย หลังจากที่เล่นโต้คลื่นเสร็จ ผมอยากจะทำแบบนั้นน่ะ”
ฮานส์ – “เอาล่ะ เห็นได้ชัดเลยว่า ดูเหมือนเราจะมีความเห็นที่ตรงกันว่าเรานั้นมาถูกทางแล้ว และเราก็มาที่นี่และเริ่มกำหนดท่าทางต่างๆร่วมกับวงออร์เคสตราด้วยส่วนประกอบเล็กน้อยเหล่านี้ ที่เหมือนกับว่าบางครั้งมันน่าจะเป็นดั่งแสง,บางครั้งมันน่าจะเป็นดั่งคลื่นเล็กๆ พวกเขาเป็นเหมือนดั่งภาษาสำหรับเพลง ผมคิดว่านั่นเป็นส่วนหนึ่งของไอเดียที่ว่าเราไม่ต้องเริ่มแต่งเพลงจากการแต่งเมโลดี้, เรามาเริ่มจากการมองหาเทคนิคใหม่ๆดีกว่า วิธีการใหม่ๆที่ว่า ทำอย่างไรที่จะนำเสนออะไรก็ตามที่อยู่บนตัวโน้ตเหล่านั้น”
และวิธีการที่ว่านั้น ก็คือเทคนิคที่พวกเขาเรียกมันว่า “Tidal Orchestra” รูปแบบของเสียงนี้ คือเลเยอร์แกนหลักทั้งหมดของซาวด์แทร็คที่มีอยู่ตลอดทั้งเพลง มันได้สร้างบรรยากาศทั้งหมดของเพลงด้วยการประพันธ์ออกมาจากหนึ่งตัวโน้ต ซึ่ง ฮานส์ เคยทำมาก่อนหน้านี้แล้วกับผลงานซาวด์โจ๊กเกอร์ธีมที่อยู่ในหนังเรื่อง The Dark Knight ด้วยเสียงหนึ่งตัวโน้ตจากสายของเชลโล่ (รับฟังเสียงที่ว่าได้จากคลิปด้านล่างนี้เลย)
คำกล่าวจาก Russell Emanuel โปรดิวเซอร์เพลงประกอบซีรีย์สารคดี Blue Planet 2 Russell - “We instructed the players to not play at the same time when there was along note.” “The conductor would say: ‘when the guy next to you is playing, don’t play.” รัสเซิลล์ – “พวกเราแนะนำกับนักดนตรีว่าไม่ต้องบรรเลงเพลงพร้อมกัน เวลาที่ต้องเล่นตัวโน้ตพร้อมกัน วาทยกรจะพูดว่า: ‘เวลาที่คนนั่งถัดจากคุณกำลังเล่นอยู่, คุณอย่าพึ่งเล่น ”
บทสัมภาษณ์ของ Hans Zimmer และ Thom Yorke ถึงเรื่องเพลงประกอบซีรีย์สารคดี Blue Planet 2 Hans - “You know, as your note dies away, just look at you know, whoever’s sitting next to you let them swell in their note.” “And you can get these beautiful sort of waves, and just for a moment the individual player is heard and then sinks back into you know, the mass.”
Thom – “It’s exactly what, if you look at the ocean long enough, that’s exactly what it does.” “In terms of, back to the pointillism things, it’s basically, if you really look at it, it’s triangles that come in and out, and seep in and out all the time.” “And they never stop, they never never never stop.” ฮานส์ – “คืองี้นะ, ตราบเท่าที่ตัวโน้ตของคุณจบไป, คุณเพียงแค่มองหาว่าใครก็ตามที่นั่งถัดไปจากคุณ ปล่อยให้พวกเขาบรรเลงตัวโน้ตพวกนั้นไป จากนั้นคุณก็จะได้พบกับความสวยงามเหมือนดั่งคลื่น, และชั่วขณะหนึ่งนักดนตรีแต่ละคนจะได้ยินเสียง และจากนั้นก็จะค่อยๆจมกลับมาสู่แบบว่า, กลุ่มก้อนขนาดใหญ่”
เฮียทอม – “มันคือสิ่งเดียวกันกับที่, ถ้าคุณมองออกไปยังมหาสมุทรนานพอ, นั่นแหละคือสิ่งที่เกิดขึ้นบนมหาสมุทร ในแง่ของงานจิตรกรรมของลิทธิผสานจุดสี, โดยพื้นฐานแล้ว ถ้าคุณตั้งใจมองมัน มันคือภาพสามมิติที่เข้ามาแล้วก็ออกไป, ซึมเข้าและออกตลอดเวลา และพวกมันก็ไม่เคยที่จะหยุดทำแบบนั้น”
บทสัมภาษณ์ของ Thom Yorke และ Jonny Greenwood ถึงเรื่องเพลงประกอบซีรีย์สารคดี Blue Planet 2 Thom – “I thought hang on, maybe I can do it on piano and came up with a way of really crude way to play on piano.” “Which was kind of discovering the song again, in a super simple way.” “Because up until that point, it had always been about the rhythms that shift in and out, and fall apart fall apart.” “Sometimes come together if we’re lucky.”(look at Jonny)
Jonny – “Usually fall apart.”(Thom lol)
Jonny – “It’s very interesting hearing Thom talk about the piano version, because that had a similar sort of, degree of randomness, building all those loops on the piano.” “Didn’t know what I was doing.” “You see the song in a different way.” “It’s interesting how such a small scale thing that Thom is doing is sort of you’re subconsciously doing the same thing.” “But with a huge orchestra.” “As soon as you have an orchestra involved, the complexity of that, all these players playing together, that’s glorious thing.” “There’s no sound like it.” “I think that’s why it sounds so vital.” เฮียทอม – “ผมคิดว่า เดี๋ยวนะ, บางทีผมอาจจะเล่นมันด้วยเปียโนได้และผมก็คิดขึ้นมาด้วยวิธีที่เป็นวิธีหยาบๆในการเล่นบนเปียโน ซึ่งเป็นเหมือนกับการค้นพบเพลงนี้อีกครั้ง, ในรูปแบบง่ายๆน่ะ เพราะจนถึงจุดหนึ่ง, มันมักจะเกี่ยวกับเสียงลูปทำนองที่เปลี่ยนเข้าและออก, และกระจายออกไป บางครั้งมันก็ยังกลับมารวมกันอยู่นะ ถ้าเราโชคดีน่ะ”(มองไปที่จอนนี่)
จอนนี่ – “ปกติแล้วมันกระจายออกไปน่ะ”(เสียงเฮียทอมหัวเราะ)
จอนนี่ – “มันเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก กับการได้ยินทอมพูดถึงเพลงในเวอร์ชั่นเปียโน, เพราะมันมีความคล้ายคลึงกันในแง่ของระดับขั้นของการสุ่ม, ที่ถูกสร้างขึ้นโดยเสียงลูปของเปียโน โดยไม่รู้ว่ากำลังเล่นอะไรอยู่ คุณมองเห็นเพลงนั้นในมุมมองที่แตกต่าง มันน่าสนใจจริงๆว่าสิ่งเล็กๆน้อยๆเหล่านั้นที่ทอมกำลังทำอยู่เป็นเหมือนการที่คุณกำลังทำสิ่งเดิมๆซ้ำอยู่โดยจิตใต้สำนึก แต่กับวงออร์เคสตราขนาดใหญ่ และทันทีที่คุณเข้าร่วมกับวงออร์เคสตราขนาดใหญ่, ขนาดความซับซ้อนของมัน, อีกทั้งนักดนตรีทั้งหมดในวงต้องบรรเลงเพลงร่วมกัน, นั่นเป็นสิ่งที่น่ายกย่องจริงๆ ไม่มีเสียงใดเทียบได้เลย ผมคิดว่านั่นคือเหตุผลว่าทำไมซาวด์เพลงนี้มันฟังดูเหมือนมีชีวิตมาก”
Open your mouth wide
-จงตื่นตาตื่นใจไป
A universal sigh
-กับลมหายใจของจักรวาล
And while the ocean blooms
-ในขณะที่มหาสมุทรกำลังเบ่งบาน
It's what keeps me alive
-เป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตฉันเบิกบาน
So why does this still hurt?
-แล้วเหตุใดในใจยังคงเจ็บปวด ?
Don't blow your mind with why
-จงอย่าทำให้จิตใจสับสนไปกับคำถาม