ผมเริ่มดูฟุตบอลจริงจังตอน บอลโลก 98 และเริ่มเชียร์ลิเวอร์พูลมาตั้งแต่ตอนนั้น
แต่ทีมในช่วงนั้นก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรแบบเป็นชิ้นอัน
ความสำเร็จชิ้นแรกที่ผมสัมผัสได้ในฐานะแฟนหงส์ ก็ต้องรอถึงฤดูกาล 2000-01
ซึ่งทีมสามารถคว้ามแชมป์บอลถ้วยได้ 3 รายการ ทั้ง ลีคคัพ,เอฟเอคัพ และ ยูฟ่าคัพ
ภายใต้การคุมทีมของเฮียโปน เชราห์ อุลลิเย่ร์ ซึ่งตอนนี้อดีตฮีโร่ในวัยเริ่มดูบอลของผม
พวกเขาเหล่านั้นทำอะไรกันอยู่ ไปดูรายละเอียดกันเลย
ซานเดอร์ เวสเตอร์เฟลด์
ย้ายมาในฤดูกาล 1998–99 เพื่อมาแทน เดวิด เจมส์ บ่อน้ำมันของลิเวอร์พูลในช่วงเวลาดังกล่าว และกลายเป็นผู้รักษาประตูที่ค่าตัวแพงที่สุดในสหราชอาณาจักรเวลานั้น
โดยลงเล่นไปทั้งสิ้น 103 นัด ก่อนย้ายไป โซเซียดัด หลังจากนั้นก็ย้ายไปหลายทีม ก่อนแขวถุงมือกับ อาแจกซ์ เคปทาวน์ ในแอฟริกาใต้
และก้าวขึ้นเป็นโค้ชผู้รักษาประตูของ อาแจกซ์ เคปทาวน์ ในปัจจุบัน
มาร์คุส บับเบิ้ล
มาร์คุส บับเบิล ย้ายมาแอนฟิลด์ในเดือนมิถุนายน ปี 2000
บับเบิลมีช่วงเวลายอดเยี่ยมจริงๆ ในแอนฟิลด์ เขาน่าจะเป็นแบ็กขวาที่ดีที่สุดของลิเวอร์พูลในรอบหลายปี ไม่ว่าจะเป็นเกมรับที่เหนียวแน่น และการเติมเกมรุกที่สุดยอดจนเป็นกำลังสำคัญในการคว้า ทริบเบิล แชมป์ ในปี 2001
แต่ อาการป่วยปริศนาในฤดูกาลต่อมาที่เรียกว่า Guillain-Barr? syndrome(GBS) ก็ขัดขวางอาชีพนักกีฬาของเขา และทำให้เดอะ ค็อป แทบช็อก อย่างไรก็ตาม บับเบิลยังคงเป็นเลือดนักสู้ เขาใช้เวลา 15 เดือนที่นับว่าน้อยมากในการรักษา และทำกายภาพจนกลับมาค้าแข้งได้อีกครั้ง
ปัจจุบัน บับเบิ้ล เป็น ผจก ทีม FC Luzern ในลีค สวิตเซอร์แลนด์
ซามี ฮูเปีย
นักเตะเจ้าของฉายา 'ภูผาน้ำแข็งแห่งฟินแลนด์' ได้ใช้เวลาถึง 10 ปี ในถิ่นแอนฟิลด์ ตั้งแต่ปี 1999 ถึง 2009 และได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นหนึ่งในการเซ็นสัญญาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของลิเวอร์พูล
จากค่าตัวเพียง 2.5 ล้านปอนด์ ลิเวอร์พูลได้รับกองหลังที่แทบไม่มีข้อผิดพลาด และมีความเป็นมืออาชีพอย่างสมบูรณ์แบบ
ฮูเปียเป็นส่วนหนึ่งในทีมที่คว้าทริปเปิล แชมป์ ในฤดูกาล 2000-01 และ ปัจจุบันเขาเพิ่งจะลาออกจากการคุม ไบร์ตัน ใน เดอะ แชมป์เปี้ยนชิพ
สเตฟาน อองโชซ์
ย้ายมาจากแบล็กเบิร์นในปี 99 ด้วยค่าตัว 3.5 ล้านปอนด์
การซื้ออองโชซ์ และซามี ฮูเปียมาร่วมทีมนับเป็นหนึ่งในการซื้อที่คุ้มค่าที่สุดของ อุลลิเยร์ ก็เป็นได้หากเทียบกับค่าตัวของนักเตะในยุคเดียวกัน และคู่หูฮูเปีย และอองโชซ์กลายเป็นหนึ่งในคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟที่ทำให้เกมรับของลิเวอร์พูล
แข็งแกร่งที่สุดในช่วงต้นทศวรรษ 2000 และน่าจะเป็นช่วงที่เกมรับของทีมแกร่งที่สุดในรอบหลายปี ณ ช่วงเวลาดังกล่าว ปัจจุบันหลังแขวนสตั๊ดกับแบล็กเบิร์น อองโชซ์ เขาเข้ารับการอบรมหลักสูตรโค้ช เพื่อที่จกลับมาทำงานในวงการฟุตบอลอีกครั้ง
เจมี่ คาร์ราเกอร์
ก่อนปี 2001 ในฤดูกาล 1999-00 คือจุดตกต่ำที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตของคาร์ราเกอร์ เมื่อเขาสร้างผลงานชิ้นโบว์ดำซึ่งยังตราตรึงใจใครหลายคน เขาลงเล่นประจำการในตำแหน่งแบ๊คขวา และสร้างความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงด้วยการยิงประตูตัวเอง 2 ประตู
ในเกมกับแมนยูฯ แต่เชราร์ด อุลลิเยร์ ยังดันทุรังส่งเขาลงสนามทุกนัด เพราะลีลาการเล่นขัดหูขัดตาเหลือเกิน แต่หลังจากที่ผ่านจุดตกต่ำไป คาร์ราเกอร์ ก็ยังสู้ไม่ถอย ในปีต่อมาคาร์ราเกอร์ถูกขยับมาเป็นแบ๊คซ้าย เนื่องจากตำแหน่งแบ๊คขวาถูกจับจองโดย มาร์คุส บับเบิล
และทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ปัจจุบันหลังจากรับใช้ทีมไป 723 นัด คาร์ราเกอร์ ทำงานเป็นคอมเมนต์เตเตอร์ทางทีวี
แกรี่ แม็คอัลลิสเตอร์
แกรี่ แม็คอัลลิสเตอร์ มิดฟิลด์จอมเก๋าทีมชาติสกอตแลนด์ที่เชราร์ อุลลิเย่ร์ คว้าตัวมาร่วมทีมท่ามกลางความเซอร์ไพรส์ของแฟน ๆ ด้วยวัย 35 ปี แต่กลายเป็นจิ๊กซอว์ที่ทำให้ทีมหงส์แดงชุดนั้นประสบความสำเร็จ
ในช่วงที่ เชราร์ อุลลิเย่ร์ รีเทิร์นมาคุมทัพแอสตัน วิลล่าเมื่อฤดูกาล 2010-11 บิ๊กแม็คก็ถูกชักชวนให้มารับบทบาทมือขวาในขณะนั้นด้วย อย่างไรก็ตามพออุลลิเย่ร์โดนปลด อเล็กซ์ แม็คลีช เข้ามาคุมทัพต่อเขาก็ไม่ได้อยู่ในทีมงานชุดนั้นอีกต่อไป
ดีทมาร์ ฮามันน์
ดีดี้ ย้ายมาร่วมทีมลิเวอร์พูลในฤดูกาล 1999-2000 ซึ่งเขาก็เป็นกำลังสำคัญในแผงมิดฟิลด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเจมี่ เรดแนปป์บาดเจ็บเรื้อรัง ดีดี้จึงกลายเป็นตัวหลักในแดนกลางของทีมไปโดยปริยาย
ปัจจุบัน ทำงานอยู่กับ LFC TV หลังงานคุมทีม เอ็มเค ดอน และ สต๊อคพร์อท ไม่ประสบความสำเร็จ
วลาดิเมียร์ ซมิเซอร์
วลาดิเมียร์ ซมิเซอร์ ย้ายมาร่วมทีมลิเวอร์พูลใน ปี 1999 เขาเป็นนักเตะที่มีเทคนิคและความคล่องตัวสูง สามารถลงเล่นได้ทั้งในตำแหน่งปีกและมิดฟิลด์ ในปี 2001 ซมิเซอร์ ลงเล่นไปทั้งสิ้น 49 นีด รวมทุกรายการ ทำไป 7 ประตู ซึ่งเป็นฤดูกาลที่เขาลงเล่นมากที่สุดให้กับ ลิเวอร์พูล ตลอดระยะเวลา 6 ฤดูกาล ที่อยู่กับสโมสร
ปัจจุบัน ทำงานเป็นสตาฟฟ์โค้ชทีมชาติเช็ค
สตีเวน เจอร์ราร์ด
คงไม่มีอะไรต้องบอกกล่าว เจิดในวัย 20 ย่าง 21 จับคู่กับ ดีดี้ ฮามันน์ และลงเล่นไปทั้งสิ้น 50 นัด ทำได้ 10 ประตู หนึ่งในนั้น เขายิง อลาเบส ในเกมส์ชิงชนะเลิศ ยูฟ่าคัพ สุดระทึก
ปัจจุบัน เจิด กำลังลงเล่นกับลิเวอร์พูลเป็นฤดูกาลสุดท้าย ซึ่งเป็นนักเตะคนเดียวในชุดนั้นที่หลงเหลืออยู่
เอมิล เฮสกีย์
ท่านหลอด เฮสกีย์ ย้ายมาจาก เลสเตอร์ ด้วยค่าตัวแพงที่สุดของสโมสรในช่วงนั้น 11 ล้านปอนด์ โดยเขาจับคู่กับ ไมเคิล โอเวน เป็นทั้งคู่หูในสโมสรและทีมชาติ
ปี 2001 เฮสกีย์ ลงเล่นทุกรายการ 56 นัด ยิงไป 22 ประตู ซึ่งเป็นฤดูกาลที่เขายิงได้เยอะที่สุดให้กับลิเวอร์พูล ตลอดระยะเวลา 5 ฤดูกาล ที่อยู่กับสโมสร ปัจจุบัน เล่นอยู่กับ โบลตัน ในเดอะแชมเปี้ยนชิพ
ไมเคิล โอเว่น
เบบี้โกล์ จับคู่กับ เฮสกีย์ ทั้งคู่กลายเป็นคู่หูที่ทรงประสิทธิภาพในการทำประตูมากมาย ไมเคิ่ลยังยิง 24 ประตูในฤดูกาล 2000-01 รวมถึงการยิงประตูสำคัญใส่โรม่า ในยูฟา คัพ ที่สตาดิโอ โอลิมปิโก้
ช่วงเวลาแห่งความทรงจำของโอเว่นเกิดขึ้นในมิเลนเนี่ยม สเตเดี้ยม เดือนพฤษภาคม 2001 ที่ลิเวอร์พูลเจอกับอาร์เซน่อลในเอฟเอ คัพ นัดชิงชนะเลิศ ที่หงส์แดงตกเป็นรอง และตามหลัง 0-1 ซึ่งเกมใกล้จะถึงจุดไคลแม็กซ์ เมื่อเจ้าของเสื้อหมายเลข 10 ทำ 2 ประตูใน 7 นาทีสุดท้ายช่วยนำถ้วยรางวัลกลับมายังเมอร์ซี่ย์ไซด์
ฟอร์มการเล่นในปีนั้นทำให้เขาคว้าเกียรติยศในตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของยุโรปเหนือราอูล และหลุยส์ ฟิโก้ และเป็นคนแรกที่ได้รางวัลนี้ขณะที่เล่นอยู่กับลิเวอร์พูล ปัจจุบัน โอเว่น ทำงานเป็นคอมเมนต์เตเตอร์ทางทีวี
ผู้เล่นคนอื่นๆที่มีส่วนร่วมกับทีม
คริสเตียน ซีเก้
ในปี 2000 ลิเวอร์พูลพยามดึงตัวซีเก้มาร่วมทีม และอุลลิเยร์ได้จ่ายเงินไป 5.5 ล้านปอนด์จนมีปัญหาฟ้องร้องกันภายหลังระหวางลิเอวร์พูลกับเดอะโบโร่ การเข้ามาร่วมทีมของซีเก้ทำให้การเปิดบอลจากฝั่งซ้ายของลิเวอร์พูดน่ากลัวมากขึ้น อีกทั้งเขายังสามารถเล่นได้ทุกพื้นที่ของสนามด้านซ้าย ตั้งแต่แบ็ค, วิงแบ็ค และปีกซ้ายก็ได้เช่นกัน แต่เขาก็มีปัญหาเหมือนกับผู้เล่นอีกหลายคนคือประสบอาการบาดเจ็บ จนพื้นที่ในตำแหน่งแบ็คซ้ายตกเป็นของ เจมี่ คาร์ราเกอร์ ที่รับบทแบ็คซ้ายจำเป็นแต่ดันทำผลงานได้ดีเกินคาดตลอดช่วงท้ายฤดูกาลที่ทีมได้สามแชมป์ โดยซีเก้อยู่กับทีมเพียงปีเดียว ลงเล่นไปทุกรายการ 32 นัด ทำไป 2 ประตู ปัจจุบันคุมทีม SpVgg Unterhaching ในลีคระดับล่างของเยอรมัน
แดนนี่ เมอร์ฟี่
กองกลางจอมขยัน ลงเล่นได้ทุกตำแหน่งในแดนกลาง ทีเด็ดคือลูกฟรีคิก ในปี 2001 เมอร์ฟี่ลงเล่นไปทุกรายการ 47 นัด ทำไป 10 ประตู
ปัจจุบัน เมอร์ฟี่ รับงานทางทีวีชั่วคราว และกำลังอบรม ยูฟ่า ไลเซนส์
นิค บาร์มบี
ย้ายข้ามฟากมาจาก เอฟเวอร์ตัน ด้วยค่าตัว 6 ล้านปอนด์ ในปี 2001 บาร์มบี ลงเล่นไปทุกรายการ 46 นัด ทำไป 8 ประตู
หลังจาก บาร์มบี โดนปลดจากการคุมทีม ฮัลลื ซิตี้ เมื่อปี 2012 ปัจจุบันคุมทีมสมัครเล่นอยู่
แพทริค แบร์เกอร์
เขาบาดเจ็บเอ็นเข่าในต้นฤดูกาล 2000/01 ที่ทีมประสบความสำเร็จอย่างมาก แต่กระนั้นเขาไม่ได้หายจากภาพความทรงจำแห่งความสำเร็จ เพราะในเอฟเอ คัพ ปีดังกล่าวจะปรากฏภาพการจ่ายบอลสุดสวยให้กับ
ไมเคิ่ล โอเว่น ทำประตูชัยเหนืออาร์เซน่อลช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ในนาทีสุดท้าย
ปัจจุบันแบร์เกอร์ ในวัย 41 ยังเล่นฟุตบอลกับทีมสมัครเล่น ในลีคเชค
ร็อบบี้ ฟาวเลอร์
จากการบาดเจ็บหนักของ เจมี เรดแนปป์ กัปตันทีมตัวจริง ทำให้ฟาวเลอร์ได้รับบทบาทในการเป็นกัปตันทีมของลิเวอร์พูล แต่การเข้ามาคุมทีมของเชรา อุลลิเยร์
ทำให้โอกาสของฟาวเลอร์ในการลงสนามน้อยเกินไป เนื่องจากผู้จัดการชาวฝรั่งเศสเลือกที่จะใช้กองหน้าอย่างไมเคิ่ล โอเว่นและเอมิล เฮสกีย์มากกว่า ทำให้ปลอกแขนกัปตันทีมตกไปอยู่ที่ซามี ฮูเปียซะเป็นส่วนใหญ่
ฟาวเลอร์เป็นกัปตันทีมในเกมที่พบกับเบอร์มิงแฮม ซิตี้ในปี 2001 ในรอบชิงชนะเลิศลีก คัพ โดยในเกมนี้ฟาวเลอร์สามารถยิงประตูสุดสวยให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำ 1-0 (ก่อนที่ลิเวอร์พูลจะชนะจุดโทษ) และได้รับรางวัลแมน ออฟ เดอะ แมตช์ไปครองอีก 1 รางวัล
ในปี 2001 ฟาวเลอร์ ลงเล่นไปทุกรายการ 48 นัด ทำไป 17 ประตู ปัจจุบันทำงานเป็นคอมเมนต์เตเตอร์ทางทีวี
จบแล้วครับ ขอบคุณที่ติดตามอ่าน ถ้าหากข้อมูลผิดพลาดประการใด
ขออภัยเป็นอย่างสูงครับ (ข้อมูล จาก wikipidia)