แนะนำหนังดีวันละเรื่อง(8) จาก ชายชาญชำนาญชัย
สวัสดีครับ พบกันอีกครั้ง วันนี้มาแนะนำหนังเกี่ยวกับการเหยียดสีผิว เนื้อหาซีเรียสหน่อย แต่มันก็ชวนให้ติดตามจริงๆนะ
ได้มีโอกาสดูหนังที่เนื้อหาเดียวกัน2เรื่อง ต่อกันเลยทีเดียว คือ "12 Years a Slave" และ "Lee Daniels' The Butler" ซึ่งเรื่องแรกรางวัลเพียบแถมชื่อเสียงกินขาดกว่าเรื่องหลังมากมาย แต่ผมเลือกรีวิวเรื่องหลังนะ เพราะอะไรน่ะหรือ ผมเสียน้ำตาให้มันมากกว่าอะสิ
"Lee Daniels' The Butler" หรือชื่อไทย "เกียรติยศพ่อบ้านบันลือโลก"
ที่มาของภาพยนตร์เรื่อง Lee Daniel’s The Butler ได้รับแรงบันดาลใจมาจากบทความเรื่อง “A Butler Well Served by This Election” จากวอชิงตัน โพสต์ ในปี 2008 ซึ่งเล่าเรื่องราวชีวิตจริงของ “ยูจีน อัลเลน” อดีตพ่อบ้านทำเนียบขาว โดยลี แดเนียลส์ หยิบเรื่องราวนี้มาถ่ายทอดผ่านตัวละคร เซซิล เกนส์ (รับบทโดยฟอเรสต์ วิทเทคเกอร์) ผู้ทำหน้าที่ระหว่างการบริหารงานของประธานาธิบดีในระหว่างปี 1957-1986
ซึ่งเป็นการติดตามเรื่องราวของตัวละคร “เซซิล” ตั้งแต่วัยเด็กในระหว่างที่เขาหลบหนีจากความโหดร้ายของดินแดนทางใต้ที่มีการแบ่งแยกชนชั้นกันอย่างรุนแรง เพื่อมาแสวงหาชีวิตที่ดีกว่า จวบจนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เซซิลได้เรียนรู้ทักษะล้ำค่าที่ท้ายที่สุด และทำให้เขาสามารถคว้าโอกาสทองในชีวิตด้วยการได้ รับตำแหน่งเป็นพ่อบ้านของบ้านเลขที่ 1600 เพนซิลวาเนีย อะเวนิว ซึ่งหมายถึงบ้านของประธานาธิบดีคนสำคัญของสหรัฐอเมริกานั่นเอง เซซิลได้กลายเป็นประจักษ์พยานของเหตุการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ และกระบวนการทำงานในห้องทำงานของประธานาธิบดี ระหว่างที่เกิดการเคลื่อนไหวทางการเมือง
ด้านชีวิตส่วนตัวของเซซิล เขามีภรรยาที่รัก คือ กลอเรีย เกนส์ (รับบทโดยโอปราห์ วินฟรีย์) และมีลูกชายอีกสองคนครอบครัวของเซซิลได้รับการเอื้อประโยชน์ให้อยู่ในชนชั้นกลางที่มีความเป็นอยู่ที่ดีต่างจากครอบครัวอื่นๆ แต่ด้วยความมุ่งมั่นทำงานให้กับครอบครัว “ครอบครัวหมายเลขหนึ่ง” ทำให้ครอบครัวของเซซิลเองนั้นเกิดความตึงเครียด ตัวเซซิลเองเหินห่างจากกลอเรียและมีปัญหาขัดแย้งกับหลุยส์ เกนส์ ลูกชายของเขา (รับบทโดยเดวิด โอเยลโลโอ) เซซิลจะมีวิธีในการรับมือกับปัญหาต่างๆที่ถาโถมเข้ามาได้อย่างไร คงต้องรอติดตามหาคำตอบได้ในหนัง
ส่วนตัวแล้วชื่นชอบเรื่องนี้เพราะชอบเชียร์มวยรองหรือเปล่า ไม่แน่ใจตัวเอง แต่มีฉากเรียกน้ำตาให้ร่วงผลอยๆได้เรื่อยๆ คงเพราะหนังเกาะประเด็นความรักของพ่อกับลูกไปตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ และเราคงรู้สึกตัวเองนิสัยเหมือนเจ้าลูกชายเลย ก็เลยอิน 555
ในส่วนของการแสดงไม่ต้องห่วงเลย เมื่อได้ดาราคุณภาพแถวหน้าของฮอลลีวู้ดเกือบ20ชีวิต มาร่วมงานกัน โดนเฉพาะเจ๊วินฟรีย์ เลยทำให้เจ๊แกได้เข้าชิงสมทบหญิงออสการ์ไป
ช่วงนี้ตัวผมเองก็อินไปกับการดูถูก ดูแคลนกันเองของคนในชาติ หรือของเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเอง มันหดหู่นะที่รู้ว่าคนเราเกลียดกันเพราะเรื่องเล็กน้อยแค่ไหน หนังที่แสดงออกถึงใจเขาใจเราแบบนี้ จึงถูกจริตส่วนบุคคลของผมเป็นอย่างยิ่ง และยิ่งตอกย้ำความรู้สึกที่ว่าอเมริกานั้นใช้หลังของคนในชาติผลักดันตัวเองมาถึงจุดสูงสุดของโลก ต้องสูญเสียอะไรไปบ้าง
ส่วนตัวให้คะแนน[7.5/10]