Elysium : หนัง sci-fi เทคโนโลยีสีเทาเข้ม
*** บทความต่อไปนี้ไม่เหมาะกับผู้ที่ยังไม่เคยชม Elysium
เพราะบางช่วงบางตอนอาจทำให้เสียอรรถรสในการรับชม เป็นไปได้ควรหลีกเลี่ยงครับ***
*** บทความนี้และอื่นที่ผมเขียน ผมถือเป็นสมบัติของ SS ฉะนั้นหากมีการนำไปเผยแผ่กรุณาลงที่มาว่ามาจาก Soccersuck ด้วยนะครับ
(มันจะได้ไม่โดนก๊อปกลับมาอีก ๕๕๕)***
Elysium (2013)
สวัสดีดีครับสมาชิกทุกท่าน จริงๆแล้ว Elysium เป็นหนังที่ผมอยากเขียนถึงมานานมากแล้ว แต่ก็นั่งคิดอยู่นานว่าจะเขียนยังไงไม่ให้อ่านแล้วรู้สึกล่อแหลมต่อการสื่อไปทางด้านการเมือง
สุดท้ายแล้วก็คิดว่าคงห้ามความคิดของผู้อ่านไม่ได้หากจะมองไปในทางการเมืองแล้ว ไม่ว่าจะเขียนแบบใดก็สามารถลากมาได้อยู่ดี
Elysium เป็นภาพยนตร์ขนาดยาวเรื่องที่ 2 ของผู้กำกับหนุ่มไฟแรงชาวแอฟริกาใต้อย่าง Neill Blomkamp ผู้โด่งดังจาก District 9 (2009)
และกำลังจะมีภาพยนตร์เรื่องใหม่ในปีหน้าอย่าง Chappie (2015) ซึ่งก็ยังคงเป็นหนัง sci - fi แนวถนัดเช่นเคย
หลายคนที่ผมได้คุยด้วยหลังดู Elysium นั้นแบ่งเป็น 2 ฝ่ายเลยครับ คือกลุ่มที่ชอบ และกลุ่มออกแนวผิดหวังกับตัวหนัง
แต่โดยส่วนตัวผมชอบ Elysium ในเรื่องของความชัดเจนของเนื้อหา ที่มีมากกว่า District 9 ซึ่งเนื้อหาสดใหม่และการเล่าเรื่องที่บันเทิง
แบบถูกใจคอระเบิดภูเขาเผากระท่อมในบ้านเรา จนเนื้อหาบางอย่างถูกมองข้ามไป
Elysium พูดถึงโลกในยุค 2159 ที่โลกเสื่อมโทรม จนมนุษย์ถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือพวกกลุ่มชนชั้นสูงที่ละทิ้งโลกไปอยู่บน Elysium
ดวงดาวที่ถูกสร้างอยู่ในวงโคจรของโลก โดยที่ชีวิตบน Elysium นอกจากจะมีชีวิตสุขสบายแล้วยังไร้โรคภัย
เรียกได้ว่าอยู่ในระดับเป็นอมตะเพราะมีเครื่องที่สามารถซ่อมได้แม้แต่คนที่ตายแล้ว
ในขณะที่คนบนฟ้าใช้ชีวิตกันอย่างสุขี คนบนโลกผู้มีระดับคุณภาพชีวิตไม่ต่างจากอุจจาระหมาผสมอ้วกแมว ถูกทิ้งเอาไว้บนโลก
ซึ่งกลายเป็นเหมือนสลัมทั่วทั้งโลก ผู้คนลำบากได้แต่ฝันลมๆแล้งๆไปว่าวันนึงจะได้ไปที่ Elysium
Max พระเอกของเรื่องที่รับบทโดย Matt Damon ชายหนุ่มหัวขบถที่แค่เอาชีวิตรอดไปวันๆก็ลำบากเต็มทีแต่ก็ยังฝันที่จะพาสาวในฝันไปอยู่บน Elysium
[color=blue]Elysium เป็นเรื่องราวของการแบ่งชนชั้นที่ชัดเจน เนื้อเรื่องอันแสนจะธรรมดาแต่เป็นความจริงนี้สะท้อนสภาพสังคมในหลายๆประเทศ
ความจริงเหล่านี้ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าไม่มีจริง ในหลายประเทศคนจนถูกเหยียบหัวจมดิน ตกเป็นเครื่องมือของนักการเมืองหน้าหมา
ผู้หวังกอบโกย คนรวยหวังใช้การเมืองเป็นเครื่องมือทางธุรกิจเพื่อสร้างชีวิตให้สุขสบายไปอีกแปดร้อยชั่วโคตร
เหมือนใน Elysium ที่ตัวละครทุกตัวล้วนอยากมีชีวิตในแบบ "ขั้นกว่า" ทุกคนล้วนแต่ไม่พอใจในสิ่งที่ตนมี คนลำบากอยากสบาย พอสบายก็อยากสบายอีก
เมื่อคนจนไม่สามรถที่จะมีโอกาสมีชีวิตที่ดีขึ้นได้ แต่คนรวยกลับสร้างโอกาสให้ตนเองได้อย่างไม่รู้จบ เรื่องราวมากมายสร้างความน้อยเนื้อต่ำใจ
เมื่อถึงจุดหนึ่งที่คนเราคิดว่าอับจนหนทาง ไม่มีอะไรจะเสีย และไม่มีอะไรเลวร้ายกว่านี้อีกแล้ว Max พระเอกของเราที่ชัดเจนแม้กระทั่งชื่อก็สามารถที่จะทำอะไรได้ทุกอย่างเช่นกัน
Elysium ชัดเจนในเรื่องของการสื่อสารกับคนดูตามความรู้สึกของผม ทั้งการแบ่งแยกชนชั้น การเล่นเกมการเมือง
ที่มีทั้งขาว(หรือเปล่า) เทา และ ดำ การดิ้นรนเอาตัวรอดแบบหมาจนตรอกของชนชั้นล่าง
สุดท้ายแล้วนอกเหนือจากประเด็นที่ชัดเจนเรื่องการแบ่งชนชั้นของหนังแล้ว ประเด็นรองที่ผมมองเห็นอีกอย่างคือ สันดานดิบของมนุษย์นั้นล้วนทำอะไรด้วยเรื่องของผลประโยชน์เท่านั้น
"หว่านพืชเพื่อหวังผล"
ดูหนัง sci-fi เรื่องนี้แล้วได้มุมมองส่วนตัวว่า ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ดำรงณ์ชีวิตอยู่ได้ด้วย "ตัณหา" ซึ่งคือความอยากได้ใคร่มีต่างๆนั่นเอง
"ตัณหา" สำหรับผมเป็นที่ไม่เลวร้ายหากรู้จักควบคุม ไม่ให้ "ตัณหา" หมักหมมสั่งสมจนเป็น "กิเลส" (สิ่งสกปรก เลวร้ายที่เกาะกินใจกลายเป็นความทุกข์)
ซึ่งส่วนใหญ่ผมก็มักจะดับ "ตัณหา" ด้วย "มู้ 18+" ใน ss นี่แหละครับ ๕๕๕