National Football Museum พิพิธภัณฑ์ฟุตบอลที่เป็นมากว่างานแสดง
**ตัวหนังสือทุกตัวที่ผมเขียน รูปภาพทุกรูปที่ผมใส่ลงไปในบทความนี้มาจากความตั้งใจ ฉะนั้นถ้าเพื่อนๆคนในเห็นว่าบทความนี้มีความน่าสนใจ แชร์ต่อได้เลยนะครับ แต่ขอเครดิตกันนิดนึงนะครับ ขอบคุณครับ
ในช่วง2 เดือนที่ผ่านมาผมเองได้มีโอกาสออกทริปไปเยือนประเทศอังกฤษและระแวก UK ก่อนอื่นผมไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มาก่อนเลย คือเจอตรงนั้นแล้วก็แวะเข้าดูเลย สรุปคือไม่ได้อยู่ในแผนการเที่ยวว่างั้นเหอะแผนการเดินทางก็ปรับๆกันไปแล้วกัน ไหนๆก็มาแล้ว
จากเดิมคือเราจะแวะพักที่เมืองแมนเชสเตอร์แค่หนึ่งคืน ไปแอ่วสนาม Old Trafford ก่อนมุ่งหน้าไปยังจุดหมายอื่นต่อ แต่เมื่อผมได้เข้าไปดูที่พิพิธภัณฑ์ฟุตบอลแห่งชาติที่นี่ ผมเดินอยู่แต่ในนี้ได้เป็นวันๆ ผมรู้สึกได้เลยว่าทำไมผู้คนที่นี่ถึงคลั่งไคล้ฟุตบอลขนาดนั้น และได้แต่ตั้งคำถามอยู่ในใจว่า
"เห้ย! ทำไมแบบนี้บ้านเราไม่มีบ้างวะ" และ
"เห้ย!สุดยอดวะ" จึงเก็บภาพทั้งหมดเอามาแชร์ประสบการณ์ให้เพื่อนๆในบอร์ดเราดูกัน
"ฟุตบอลบ้านเขาพัฒนาไปไกลกว่าบ้านเรามากจริงๆ!"
Welcome to Manchester!! เรามุ่งสู่ city centre
ระหว่างรอติดสัญญาณไฟแดงเพื่อมุ่งเข้าตัวเมืองและหาลานจอดรถ(จ่ายตังด้วยนะ) ฝนก็เทลงมาซะละ แต่เห้ย! อะไรวะ พนักงานเช็ดถูกระจกก็มีด้วยรึวะ!?
ผมตกใจมากครับเพราะไม่คิดว่าประเทศที่พัฒนาแล้วก็มีปัญหาเรื่องนี้เหมือนบ้านเราเช่นกัน
ผมขอตัดมาตรงนี้เลยนะครับ สุดท้ายเราก็หาจุดจอดรถเจอจนได้โดยเราต้องเดินจากจุดที่จอดรถผ่าน Manchester Arena แล้วตัดผ่านสถานีรถไฟ Victoria Station เข้า city centre ซึ่งไกลพอสมควร (ยิ่งจอดรถใกล้ตัว city centre เท่าไหร่ ค่าจอดรถยิ่งแพงมากขึ้นเท่านั้น จึงต้องเซฟไว้ก่อน ยอมเดินไกลหน่อย)โดยจากตรงนี้เราเดินตรงไปเรื่อยๆแล้วเลี้ยวซ้ายเข้า Victoria Station
Manchester Arena
ใกล้ความจริงไปอีกหน่อยแหะ เจอป้าย City of Manchester(อีกแล้ว) กลัวกูไม่รู้ซินะว่าตอนนี้กูอยู่ที่ไหน
เดินมาจนถึงด้านหน้าของสถานีรถไฟ Victoria ก็ได้มุมถ่ายรูปสวยๆกับเขาเหมือนกันแหะ ตรงนี้เป็นจุดจอดรับผู้โดยสารพอดี เห็นแท็กซี่สีดำจอดเรียงกันสวยดี แชะซะหน่อย
จากจุดที่เราจอดรถเดินมาจนถึงตัว city centre ใช้เวลาประมาณ 15นาที เจอห้างใหญ่ เช่น Selfridges Debenham etc. อารมณ์เหมือน central Plaza บ้านเรา จุดที่ผมคิดว่าน่าสนใจคือที่นี่จะมีช็อปเล็กๆกระจัดกระจายออกไปตามตรอก ซอย มากกว่าบ้านเราที่มีห้างใหญ่ๆทีเดียวเลย อย่าง Paragon Siam Centre เหมือนเป็นการกระตุ้นให้ผู้คนเดินออกจากตัวอาคารบ้างไปในตัว บวกกับสภาพแวดล้อมที่ค่อนข้างแปลกใหม่และการวางผังเมืองที่ดี ผมว่าเดินๆดูไปก็เพลินดีนะ
อ่าวเห้ยๆ!! เดินไปเดินมา เจอช็อป แมนซิตี้ เฉยเลย แวะดูซะหน่อยแล้วกัน
City Store in the City!!
ด้านในช็อปมี 2ชั้น ขายทุกอย่างจริงๆ ตั้งแต่แก้วน้ำ เสื้อบอล รับอัดเบอร์ ยันตั๋วปีก็มีขายที่นี่ด้วยนะ
ผมชอบประโยคนี้จริงๆ
"See you at the game" เหมือนเป็นการย้ำเตือนผู้คนที่เข้ามาในช็อปและกำลังจะเดินออกไปว่า
"อย่าลืมหล่ะ แล้วเจอกันที่สนามนะ"
ออกจากช็อปแมนซิตี้ ผมพยายามเดินหาช็อปแมนยูไนเต็ดบ้าง แต่ก็ไม่เจอ เราก็เลยเดินชมเมืองไป และตรงจุดๆนี้เองที่ทำให้ได้เจอะกับป้ายพิพิธภัณฑ์ฟุตบอลแห่งชาติโดยบังเอิญ เข้าไปดูมันซะหน่อยแล้วกันเปิดทุกวันซะด้วย แหม่
เดินมาอีกด้านจนเจอจุดเข้าชมพิพิธภัณฑ์ โดยที่นี่ไม่มีการเก็บค่าเข้าชมแต่อย่างได้ แต่มีประโยคนึงเขียนไว้ว่า
"Please donate 4pounds to support your museum" คือไร!!มันก็เรียกเก็บค่าเข้าชมแบบมีมารยาทดีๆนั่นเอง ถึงว่า
อังกฤษ=เมืองผู้ดี อยู่ๆไปเรียกเก็บเงินเขาเลยทั้งๆที่ยังไม่ได้เข้าไปสัมผัสบรรยากาศภายใน เข้าไปแล้วจะคุ้มกับเงินที่เสียไปรึปล่าว บลา บลา ตรงนี้เหมือนเป็นการเชิญชวนผู้คนที่ยังไม่เคยมาที่นี่ให้เข้าไปข้างในแบบไม่รู้ตัว แต่ด้วยความที่ตัวผมเองเป็นนักท่องเที่ยวจากต่างแดนและสำนึกขึ้นได้ในวินาทีสุดท้ายก่อนเดินเข้าพิพิธภัณฑ์ว่า
"เอ๊ะ!! เดี๋ยวนะกูไม่ใช่คนอังกฤษนี่หว่า ไม่เป็นไรหรอกมั้ง ไม่จ่ายแม่ง" ผมเลยเดินเข้าไปเฉยๆ ปล่อยให้สต๊าฟยืนยิ้มไปนั่นแหละ
เดินเข้าไปด้านในแล้วเด้อ!! ระหว่างเดินเข้าไปมีบอร์ดอยู่สองข้างกำแพงทางเดินที่อธิบายและตอบคำถามให้เห็นถึงบรรยากาศของฟุตบอลอังกฤษ ความคลั่งใคล้ และความรักของแฟนบอลที่มอบให้แก่สโมสรอันเป็นที่รักของตนได้เป็นอย่างดี
แค่ตรงจุดนี้ก็น่าสนใจเป็นอย่างมากแล้ว ข้างในจะเป็นยังไงน้าาา
เดินต่อเข้ามาอีกหน่อยเจอล็อบบี้มีพนักงานค่อยให้ข้อมูลของสถานที่เป็นอย่างดี มองไปด้านมุมซ้ายของรูป
"Style" สื่อให้เรารู้และเข้าใจว่าทำไมนักฟุตบอลคนนึงถึงมีอิทธิพลกับผู้คนมากขนาดนนั้น เพราะแม้แต่การแต่งกายของเขาก็สามารถสื่อถึงเราได้
ภาพจากมุมสูง ด้านใน แค่ส่วนของล็อบบี้นะ มีการจัดวางรูปแบบการนำเสนอที่ดีมาก โดยที่นี่แบ่งออกเป็นสี่ชั้น แต่ละชั้นจัดแสดงเรื่องราวของฟุตบอลในแต่ละด้านออกไป ภาพนี้ถ่ายลงมาจากชั้น 1 (ชั้นล็อบบี้คือชั้น G)
เมื่อเราเจอทีมที่อยากเชียร์ เราติดตามผลงานของทีมๆนั้น เราเริ่มเชื่อมันในทีมที่เราชอบ "เราศรัทธาในสโมสร ศรัทธาในบอร์ดบริหาร ศรัทธาในตัวผู้จัดการทีม ศรัทธาในตัวนักเตะ และให้ความหวังอยู่ในใจตลอดเวลาว่า
"ทีมของเรา"ทีมนี้จะประสบความสำเร็จในวันข้างหน้าไม่วันใดก็วันนึง เพราะว่าเรา
"รัก" สโมสรแห่งนี้เข้าให้แล้ว"
"Drama"ฟุตบอลทำให้เรามีน้ำตา ผมยอมรับตามตรงว่าผมเคยร้องไห้เมื่อทีมที่ผมรักพ่ายต่อคู่แข่งในแมตสำคัญๆที่เราตั้งความหวังไว้มากๆ นั่นคือแมตที่อาเซน่อล พ่ายให้กับ บาเซโลน่า ในนัดชิงยูฟ่าแชมป์เปี้ยน ลีค 2006 ที่ปารีส ในขณะเดียวกันชัยชนะในวินาทีสุดท้ายก็สามารถทำให้เราหลั่งน้ำตาได้เช่นกัน David Beckham ปั่นฟรีคิกให้อังกฤษ เอาชนะ กรีก 2
-1 พร้อมตีตั๋วบอลโลกรึปล่าวถ้าผมจำไม่ผิด ขอ อภัยนะครับ ฮ่าฮ่า
"Art" King Cantona ตำนานหมายเลข 7 ของแมนยูไนเต็ด เจ้าของแฟชั่นเสื้อคอปกในสนามและ Kungfu Kick อันโด่งทำที่ทำให้เจ้าตัวถูกแบนแบบลืมโลก ตอนนี้ตัวเขากลับถูกนำมาสร้างสรรค์กลายเป็นผลงานศิลป์ชิ้นหนึ่ง เป็น The King ซะเลย
แต่ก่อนที่ผมจะเดินขึ้นชมนิทรรศการชั้น 1 ดันเหลือบไปเห็นอะไรหนะ!!
นี่มันถ้วยพรีเมียร์ ลีค แบบสวยนี่หว่า
นี่เรามองไม่เห็นมันได้ยังไงเนี้ยมันอยู่ตรงจุด entrance ของล็อบบี้เล๊ยย
เหมือนจะมีบริการให้ลองชูถ้วยได้ตามใจชอบ พร้อมจ่ายค่าเสียหาย 5pounds (ประมาณ 230บาท) ต่อรอบ แต่ถึงกระนั้นก็เถอะเอาซะหน่อยวะ
ถ้วยหนังอยู่เหมือนกันครับ ก่อนจะจับหูถ้วยพนักงานบังคับให้ผมสวมถุงมือด้วยนะเออ สงสัยกลัวถ้วยมีรอยนิ้วมือ
ในส่วนของผมไม่ขอออกสื่อแล้วกันนะครับ เขิญ เอาเป็นว่าผมไปชูถ้วยที่อังกฤษมาแล้วก็แล้วกัน อิอิ
มาๆ เสียเวลามาเยอะล๊ะ ส่วนแรกของงานแสดงคือ
"Hall of Fame"หอแห่งเกียรติยศ ในส่วนของห้องนี้ส่วนใหญ่จะแสดงเรื่องราวของบุคคลในวงการฟุตบอลทั่วโลกที่มีชื่อเสียง พร้อมกับประโยคคำพูดสุดคลาสิค อย่างเช่นคำพูดนี้ของ เซอร์ อเล็ก เฟอร์กูสัน ท่านกล่าวไว้ว่า
"hard work will always overcome natural talent when natural talent does not work hard enough"
-แปลง่ายๆ
การทำงานหนักมักจะเอาชนะพรสวรรค์เสมอ
ในนี้ มีใครมั่งดูเอาเลยนะ
ในส่วนนี้ผมขอพาเดินดูรอบๆ เรื่อยๆเลยนะครับ
ปะติมากรรมเซรามิกชื่อว่า Edition Picasso มูลค่ากว่า 40000 pounds อันนี้ผมไม่แน่ใจข้อมูลเช่นกันครับ สำหรับผู้ที่สนใจอ่านเพิ่มได้ตามลิ้งค์นี้เลย
http://www.manchesterconfidential.co.uk/Sport-and-Gaming/Picasso-On-The-Wing-Playing-It-Wide
ตำนานปีศาจแดงทั้งนั้นเลย
เมื่อกี้เจอประโยคสุดคลาสิคของ เซอร์ อเล็กไปแล้ว รอบนี้ถึงคิวเจ๊หน้าเหี่ยวของเรามั่งหละ
"The first time I came to England, I said to myself without doubt football was created here"
-ผมไม่สงสัยเลยว่าฟุตบอลถูกสร้างขึ้นที่นี่ ตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมมาถึงอังกฤษ
นอกจากตัวบุคคลแล้ว ในส่วนนี้ยังจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวความสำเร็จของทีมในระดับสโมสรและทีมชาติด้วย
ผมขอเดินไวเลยนะครับ เพราะมีนเยอะมาก
และแล้วสิ่งที่สะดุดตาผมที่สุดในหอนี้คือ....... แท่น แท่น แท๊นนนนน!!!
The Invincibles Team! น้ำตาจะไหล
ถัดมาจะเป็นเรื่องราวของ ฟุตบอลถ้วยที่เก่าแต่ที่สุดในโลก
Bobby Robson ได้กล่าวไว้ว่า
"นอกเหนือจากฟุตบอลโลกแล้ว ฟุตบอล FA Cup รอบชิงชนะเลิศเป็นแมตที่ยอดเยี่ยมที่สุด และมันเป็นทัวนาเมนภายในประเทศของเรา"
เดินมากลางฮอลจัดแสดง ส่วนนี้จัดแสดงให้เห็นความเป็นมาของทัวนาเมนต่างๆภายในประเทศ พร้อมโชว์ถ้วยแท้ๆและมีสเตอรี่สั้นๆได้ใจความให้อ่านกันด้วยนะเออ
ผมเดินชมภายในห้องนี้ไปเรื่อยๆ เจออะไรน่าสนใจก็แชะไปเรื่อยๆ โดยพยายามเก็บให้มากที่สุด อย่างในรูปนี้ แสดงให้ผมเข้าใจว่าในฐานะนักเตะ การเล่นเป็นทีมเยือนนี่นรกแตกจริงๆ โดยเฉพาะในการแข่งขันดาร์บี้แมต
เก้าอี้ในสนาม Wembley ก่อนได้รับการปรับปรุง ถูกนำมาจัดแสดงด้วย
โศกอนาฏกรรมมิวนิค
ถึงคิวทีมชาติอังกฤษบ้าง
UEFA Cup Winener's Cup winners รายชื่อทีมที่ได้เป็นเจ้าของถ้วยรายการนี้ มีทีมในดวงใจของใครกันบ้างมั้ยครับ?
ลูกฟุตบอลที่ใช้ในฟุตบอลโลกปี '70 ประเทศเม็กซิโก
โดยรวมภายในห้องนี้อีกครั้ง
ก่อนออกจากห้องนี้ เจอประโยคคำพูดทีเด็ดของท่านเซ่อร์ อเล็ก อีกรอบ โครตชอบเลยประโยคนี้
"If you shake hands with the devil, you have to pay the price" -คุณต้องชดใช้เมื่อจับมือกับปีศาจ
ออกจากห้องนี้ขึ้นไปชั้นสองเป็น
"The Great"
รูปหุ่นนักเตะแสดงอาการดีใจเมื่อทำประตูได้ในแมตการแข่งขัน
เข้ามาส่วนนี้มีกิจกรรมให้ทำด้วย สนใจก็ซื้อตั๋วเข้าร่วมกิจกรรมหน้าเคาร์เตอร์ได้เลย ไปลองเตะลูกโทษกั๊นนน!!
ในห้องนี้ สิ่งที่จัดแสดงก็คล้ายๆกับส่วนที่แล้ว แต่จะเจาะเฉพาะเป็นตัวบุคคลมากขึ้น โดยจะเน้นหนักในเสื้อฟุตบอลที่เป็น match worn พร้อมลายเซ็นซะส่วนใหญ่
สื่งที่ผมชอบมากๆคือ พ่อแม่จะปลูกฝังให้ลูกๆ หลานๆ หรือเด็กๆภายในครอบครัวใส่ใจกีฬาภายในท้องถื่นของตัวเองอยู่เสมอ ซึ่งแตกต่างจากบ้านเรามากในส่วนนี้
เตะบอลกันมั้ย!!! ตัวผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาใช้เทคโนโลยีอะไรมาทำสนามกับลูกบอลแบบนี้ให้เตะแทนลูกบอลของจริง เตะเข้าอีกฝั่งคะแนนขึ้นด้วยนะ โครตเจ๋ง
ลูกบอลยักษ์ พร้อมมีวีดีทัศน์บอกเรื่องราวบนนั้นด้วย
รูปแบบการนำเสนอที่นี่ทำได้เป็นอย่างดีเยี่ยมจริงๆ
ตอนนี้ผมขึ้นมาถึงชั้น 3 แล้ว เพิ่งสังเกตุจริงๆว่ามีลิฟให้บริการด้วย
ขึ้นมาชั้น 3 เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับนักฟุตบอลและอิทธิพลต่อนอกสนาม สังเกตุได้จากมุมนี้นั่นคือแฟชั่นจาก George Best ตำนานหมายเลข 7 ของแมนยูไนเต็ด
โซล แคมเบล กับซูทสุดเท่
ชั้น 4 ชั้นสุดท้ายเป็นเรื่องเลยของ Toys & Games
ชั้นนี้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่าง ฟุตบอล เกมส์ วีดีโอเกมส์ และของเล่นต่างๆ
[/imgl]
หลังจากนั้นผมลงมาชั้นล่างสุดโดยจะมีทางเชื่อมต่อกับร้านค้าสวัสดิการ ระหว่างทางเดินเข้าสู่ร้านค้าสวัสดิการก่อนออกไปยังทางออก มีเสื้อนักเตะ (Match Worn) จัดโชว์อยู่เต็มไปหมด
Pual Scholes #22
Eric Cantona #7
เข้ามายังร้านค้าสวัสดิการมีเสื้อพร้อมลายเซ็นนักเตะขายในราคาย่อมเยาว์ด้วยนะ
จากนั้นผมก็ออกจากพิพิธพัณฑ์ฟุตบอลแห่งชาตินี้ และมุ่งหน้าสู่ Old Trafford ยังไงถ้ามีเวลาผมจะนำภาพมาแชร์กับเพื่อนๆอีกครั้งนะครับ ขอบคุณครับ