หรืออิตาลีจะกลับมาครองความยิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง?
หลังจาก ทีมชาติอิตาลี ประสบความสำเร็จ ได้แชมป์โลก ในปี 2006 หลังจากนั้นก็ดูเหมือนจะห่างไกลความสำเร็จออกมาเรื่อย ๆ
ยูโร 2008
แพ้การดวลจุดโทษ สเปน ตกรอบ 8 ทีม
ฟุตบอลโลก 2010
ตกรอบแรก ด้วยผลงาน ชนะ 0 เสมอ 2 แพ้ 1 รั้งบ๊วยของกลุ่ม
ยูโร 2012
กลับมาทำผลงานได้ดีไปถึงรองชิงชนะเลิศ แต่ก็พลาดท่า แพ้สเปน 4-0 ได้เพียงรองแชมป์ (ยุคสเปนครองโลก)
ฟุตบอลโลก 2014
ตกรอบแรก ด้วยผลงาน ชนะ 1 เสมอ 0 แพ้ 2 เป็นรองบ๊วยของกลุ่ม
ยูโร 2016
ตกรอบ 8 ทีม แพ้การดวลจุดโทษ เยอรมัน
ฟุตบอลโลก 2018
ตกรอบคัดเลือก อิตาลีไม่ได้ไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายครั้งแรกในรอบ 60 ปี
ยูฟ่า เนชันส์ลีก ฤดูกาล 2018–19
ตกรอบแบ่งกลุ่ม ชนะ 1 เสมอ 2 แพ้ 1 (ในกลุ่มมี 3 ทีม เอาแค่ที่ 1 เข้ารอบ รองชนะเลิศ)
มาถึงปัจจุบัน อิตาลี ฟอร์มดีขึ้นผิดหูผิดตา ส่วนหนึ่งต้องยอมรับเลยว่า การเปลี่ยนโค้ชมาใช้ โรแบร์โต มันชินี คือกุญแจสำคัญ หลังจากที่อิตาลี ไม่ได้ไปเล่นฟุตบอลโลกในปี 2018 ก็ปลด ปิเอโร่ เวนตูร่า ออกไป ในระหว่างนั้นก็ใช้ ลุยจิ ดิ เบียโจ้ เป็นกุนซือขัดตาทัพ ต่อมาในเดือนพฤษภาคม 2018 ก็แต่งตั้ง โรแบร์โต มันชินี เข้ามาคุมทำทัพแทนอย่างเป็นทางการ เพื่อหวังจะกู้ชื่อเสียง และความสำเร็จกลับมาที่อิตาลีให้ได้
[ปลุกยักษ์หลับ]
การเข้ามาของ มันชินี เปลี่ยนแปลงทีมชาติอิตาลีไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ใครที่เคยชินกับ อิตาลี = น่าเบื่อ + ตั้งรับ ก็ลืมไปได้เลย เนื่องจากโดยพื้นฐานแล้ว มันชินี คือโค้ชเกมรุกแบบจัดๆ (ตอนเป็นผู้เล่น เล่นตำแหน่งกองหน้า) เล่นฟุตบอลสไตล์โมเดิร์น เขาเปลี่ยนแปลงรูปโฉมให้ อิตาลี เป็นทีมที่เล่นเกมรุกเป็นหลัก เน้นให้ลูกทีมต่อบอลจากเท้าสู่เท้ามากขึ้น เพราะตัวผู้เล่นของอิตาลีชุดปัจจุบันนั้น เต็มไปด้วยนักเตะที่มีทักษะดี มีความเร็วและเล่นบอลกับพื้นได้ดี ส่วนแผนที่ใช้ ก็เปลี่ยนแปลงตามกันไป จากเดิม อิตาลีขึ้นชื่อเรื่องการใช้ระบบ คาเตนัชโช่ (Catenaccio) ที่มีแนวคิดว่าถ้าไม่เสียประตู = ไม่แพ้ โดยใช้เซ็นเตอร์ 3 คน ก็เปลี่ยนเป็นใช้ระบบ 4-3-3 หรือ 4-4-2 ผสมผสาน ความเก๋าของผู้เล่นมากประสบการณ์ และความสดของดาวรุ่งฟอร์มดี เข้าด้วยกันอย่างลงตัว
แนวรับ ยังคงใช้งานพี่ใหญ่อย่าง จอร์โจ้ คิเอลลินี่ และ เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ ยืนเป็นแกนหลักอยู่หน้า จิอันลุยจิ ดอนนารุมมา
กองกลาง ตัวสำคัญเป็น จอร์จินโญ่ ที่เล่นอย่างกะ อันเดรีย ปีร์โล่ สมัยได้แชมป์โลก (สื่อต่างประเทศเค้าว่าอย่างนั้น) ขนาบข้างด้วย มาร์โก แวร์รัตติ และ นิโกโล่ บาเรลล่า เจ้าของรางวัล กองกลางยอดเยี่ยมของ กัลโช่ เซเรีย อา ฤดูกาล 2020/21
ขณะที่แนวรุก ใช้ความสด และความจี๊ดจ๊าดของ ลอเรนโซ่ อินซินเญ่ และ เฟเดริโก้ เคียซ่า ปีกดาวรุ่งฟอร์มดีจาก ยูเวนตุส
ตัวจบสกอร์ ใช้ ชิโร่ อิมโมบิเล่ ที่ฤดูกาลที่ผ่านมา ซัดให้ลาซิโอ้ 25 ประตูในทุกรายการ
หลักๆ ก็จะยืนพื้นด้วยตัวหลักเซตนี้ รวมไปถึงผู้เล่นคนอื่นๆ ที่ไม่ได้พูดถึงก็ฟอร์มดีกับทั้งทีมชาติ และสโมสร
[รับก็ดี ยิงก็ได้]
อิตาลี ภายใต้การคุมทีมของ โรแบร์โต มันชินี เข้ารอบมาเล่นศึกยูโร 2020 ด้วยการชนะรวด 10 นัด ยิงไปถึง 37 ลูก และเสียแค่ 4 ลูกเท่านั้น เป็น 1 ใน 2 ทีมที่ทำได้ในยูโร ครั้งนี้ (อีกทีมคือ เบลเยี่ยม)
อีกผลงานนึงที่หาข้อมูลมา แล้วคาดไม่ถึงเลยคือ ทีมชาติอิตาลี ยังไม่แพ้ใครเลย ตั้งแต่วันที่ 11 กันยายน ปี 2018 นู้น
แข่ง 23 นัด
ชนะ 19 นัด
เสมอ 4 นัด
ยิง 63 ประตู
เสีย 7 ประตู
(แพ้ครั้งสุดท้ายคือ ที่แพ้โปรตุเกส 0-1 ในการแข่งขัน ยูฟ่า เนชันส์ลีก)
[ยูโร 2020]
อิตาลี อาจจะไม่ใช่ทีมที่หลายๆ สำนักให้เป็นทีมเต็งแชมป์ แต่ถ้าเทียบกับผลงานที่ผ่านมา โมเมนตัมทีม และฟอร์มการเล่นของนักเตะแต่ละคน เชื่อว่า อิตาลี จะไม่ใช่ยักษ์หลับอย่างที่เคยเป็นมาแน่นอน