“โทมา” Duo ศิลปินอินดี้จากประเทศเกาหลีใต้ พวกเขานำเสนอผลงานดนตรีในแนว Alternative Pop ที่ผสมผสานกลิ่นอายดนตรี Blues และดนตรี Folk เอาไว้ได้อย่างไพเราะ มีสมาชิกหลักอันได้แก่
ทั้งคู่มีผลงานเพลงออกมาทั้งหมด 1EP , 1LP และในปี 2016 และ 2018 พวกเขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลอัลบั้มและเพลงโฟล์คยอดเยี่ยม จากงาน Korean Popular Music Awards เรียกได้ว่าพวกเขาเป็นอีกหนึ่งวงที่กำลังเป็นที่จับตามองจากในวงการศิลปินอินดี้เกาหลี
ผมขอเริ่มด้วยผลงานฟังสบายๆ เพลงลำดับที่ 4 จากอัลบั้มล่าสุดของพวกเขา “소녀와 화분(The Girl And The Flower Pot)” สำหรับดนตรีในเพลงนี้ เป็นดนตรีป๊อบที่ผมรู้สึกได้ถึงกลิ่มอายดนตรีบลูส์ในยุครุ่นคุณพ่อประมาณช่วงวง CCR บรรเลงอย่างเข้ากันไปกับเสียงขับร้องอันสดใสของซูอาและเนื้อหาเพลงพร้อมจะให้กำลังใจกับผู้คนที่ยังคงยึดติดอยู่ในความเศร้า ~ (เนื้อเพลงในสปอยล์)
Spoil
DOMA - The Girl And The Flower Pot
On a sunny day so that the flowers in the pots laugh
-ในวันหนึ่งที่อากาศสดใส มันทำให้ดอกไม้เหล่านั้นที่อยู่ในกระถางหัวเราะร่า
For some reason, I make a sad face alone
-แต่ฉันกลับทำหน้าเศร้าด้วยเหตุผลบางอย่าง
Then a girl came to me kindly
-จากนั้นก็มีเด็กสาวเข้ามาปลอบโยนฉัน
She told me not to trap the sadness in the house, but to let it go.
-เธอบอกฉันอย่ามัวแต่จมปลักอยู่ในบ้านที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า ขอให้ฉันจงปล่อยวางมันไป
Sadness goes all the way to the end of the alley and runs again when I call
-ความโศกเศร้าจะจากไปในสุดทางเดินซอยนี้และคืนกลับมาอีกทีเวลาที่ฉันเรียกหา
Sadness goes to the market barrel over there and comes back to the smell of cooking
-ความโศกเศร้าจะจากไปในถังใบนั้นที่อยู่ในตลาดและหวนกลับมาในเวลาที่มีกลิ่นทำอาหาร
Looking at the wet streets, there are only a lot of worries in my heart
-ขณะที่มองไปยังพื้นถนนที่เปียกแฉะ ฉันกลับมีแต่ความกังวลมากมายในใจ
Then a girl came to me kindly
-จากนั้นก็มีเด็กสาวเข้ามาปลอบโยนฉัน
She told me not to trap the sadness in the house, but to let it go.
-เธอบอกฉันอย่ามัวแต่จมปลักอยู่ในบ้านที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า ขอให้ฉันจงปล่อยวางมันไป
She did not confine her sorrow at home, she fell asleep.
-เธอได้ผล็อยหลับไปและไม่มีโศกเศร้าใดๆในบ้านหลังนั้นอีกแล้ว
Sadness goes all the way to the end of the alley and runs again when I call
-ความโศกเศร้าจะจากไปในสุดทางเดินซอยนี้และคืนกลับมาอีกทีเวลาที่ฉันเรียกหา
Sadness goes to the market barrel over there and comes back to the smell of cooking
-ความโศกเศร้าจะจากไปในถังใบนั้นที่อยู่ในตลาดและหวนกลับมาในเวลาที่มีกลิ่นทำอาหาร
Sadness goes all the way to the end of the alley and runs again when I call
-ความโศกเศร้าจะจากไปในสุดทางเดินซอยนี้และคืนกลับมาอีกทีเวลาที่ฉันเรียกหา
Sadness goes to the market barrel over there and comes back to the smell of cooking
-ความโศกเศร้าจะจากไปในถังใบนั้นที่อยู่ในตลาดและหวนกลับมาในเวลาที่มีกลิ่นทำอาหาร
She told me not to trap the sadness in the house, but to let it go.
-เธอบอกฉันอย่ามัวแต่จมปลักอยู่ในบ้านที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า ขอให้ฉันจงปล่อยวางมันไป
She told me not to trap the sadness in the house, but to let it go.
-เธอบอกฉันอย่ามัวแต่จมปลักอยู่ในบ้านที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า ขอให้ฉันจงปล่อยวางมันไป
She told me not to trap the sadness in the house, but to let it go.
-เธอบอกฉันอย่ามัวแต่จมปลักอยู่ในบ้านที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า ขอให้ฉันจงปล่อยวางมันไป
Don't trap your sadness at home
-จงอย่าเก็บความโศกเศร้าเอาไว้ในบ้านของเธอ
และเพลงต่อมาผมขอพาทุกท่านเปลี่ยนอารมณ์ไปเพลงช้า กับผลงานลำดับที่ 7 ที่มีชื่อว่า “오래된 소설을 몸으로 읽는다(Reading An Old Novel With The Flesh)” สำหรับดนตรีเพลงนี้จะให้อารมณ์หม่นๆ เศร้าๆ พวกเขานำเสนออารมณ์เหล่านั้นออกมาได้อย่างไพเราะผ่านเมโลดี้จากกีต้าร์ไฟฟ้าของกอนอู เสียงขับร้องและเสียงตีคอร์ดจากกีต้าร์โปร่งของซูอา และเนื้อเพลงที่ราวกับบทกวีซึ่ง(ผมขอเดาว่า)เป็นเรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคนสองคน (เนื้อเพลงในสปอยล์)
Spoil
DOMA - Reding An Old Novel With The Flesh
Read an old novel with your body
-อ่านนิยายเรื่องเก่าอยู่กับเรือนร่างของเธอ
To catch a pony running between sentences
-เพื่อจับม้าตัวเล็กที่กำลังวิ่งอยู่ระหว่างสองประโยค
Where is it simple to go this night
-ค่ำคืนนี้จะเดินทางไปพักพิงยังที่ใด
Where is it simple to go this night
-ค่ำคืนนี้จะเดินทางไปพักพิงยังที่ใด
Walking in the sea and in front of a burning bonfire
-กำลังเดินอยู่ในท้องทะเลและในด้านหน้าของกองเพลิงที่กำลังมอดไหม้
The raincoat and lies I brought
-เสื้อกันฝนตัวนั้นและคำโกหกมากมายที่ฉันนำมา
Read an old novel with your body
-อ่านนิยายเรื่องเก่าอยู่กับเรือนร่างของเธอ
To catch a pony running between sentences
-เพื่อจับม้าตัวเล็กที่กำลังวิ่งอยู่ระหว่างสองประโยค
Where is it simple to go this night
-ค่ำคืนนี้จะเดินทางไปพักพิงยังที่ใด
Where is it simple to go this night
-ค่ำคืนนี้จะเดินทางไปพักพิงยังที่ใด
Walking in the sea and in front of a burning bonfire
-กำลังเดินอยู่ในท้องทะเลและในด้านหน้าของกองเพลิงที่กำลังมอดไหม้
The raincoat and lies I brought
-เสื้อกันฝนตัวนั้นและคำโกหกมากมายที่ฉันนำมา
Walking in the sea and in front of a burning bonfire
-กำลังเดินอยู่ในท้องทะเลและในด้านหน้าของกองเพลิงที่กำลังมอดไหม้
The raincoat and lies I brought
-เสื้อกันฝนตัวนั้นและคำโกหกมากมายที่ฉันนำมา
We just run or walk on the same line
-เราทั้งคู่ทำได้แค่วิ่งและเดินไปในเส้นทางเดิม
และปิดท้ายด้วยผลงานแทร็คลำดับสุดท้ายจากอัลบั้มเดียวกันนี้ “이유도 없이 나는 섬으로 가네(Drifting To An Island For Reason I Don’t Know)” สำหรับดนตรีเพลงนี้จะให้อารมณ์หม่นๆ แบบเหงาๆ โดยขับกล่อมอารมณ์เหล่านั้นผ่านเสียงขับร้องและเสียงตีคอร์ดจากกีต้าร์โปร่งของซูอา มีเสียงเมโลดี้เหงาๆจากคลาริเน็ต และเนื้อหาเพลงที่ผมคิดว่าซูอาน่าจะได้แรงบันดาลใจมาจากการออกเดินทางท่องเที่ยวแบบแบ็คแพ็ค (เนื้อเพลงในสปอยล์)
Spoil
DOMA - Drifting To An Island For Reason I Don’t Know
The day I went far away
-วันนั้นที่ฉันได้ออกเดินทางไปไกลแสนไกล
I can't hear the song I brought
-ฉันไม่ได้ยินเสียงเพลงที่ฉันนำมาด้วยเลย
It's light as if flying
-มันช่างเบาบางราวกับกำลังโบยบิน
When I drop my head, I go to the lowest place
-ฉันมุ่งตรงลงไปยังพื้นด้านล่างในยามที่ก้มหัวลง
For no reason I go straight to the island
-ฉันมุ่งตรงไปยังเกาะนั้นอย่างไร้เหตุผล
Going to an island where no one waits
-มุ่งตรงไปยังเกาะหนึ่งที่ไม่มีใครรออยู่
Even if I walk carefully
-ถึงแม้ว่าฉันจะเดินอย่างระมัดระวังก็ตาม