[RE: อัพเดต "วงการป้ายยา" ที่ผมเข้าไปแล้ว ยังออกไม่ได้]
mongkoltot พิมพ์ว่า:
ถ้าอยู่กทม.ตอนนี้คงโดนป้ายยาเครื่องกรอง RO
้้ถ้าทำสโลว์บาร์ เครื่องบดมือหมุนนี่ต้องบดเมล็ดได้สม่ำเสมอ (รุ่นพี่ที่รู้จักแกเป็นบาริสต้า สอย Kinu ตัวละหมื่นผมนี่เล่น Hario ตัวละพันสองถึงกับอึ้งเลย)
แถมดริปเปอร์มีเยอะแยะทั้ง V60, Kalita, Melitta ไหนจะแบบที่ไม่ต้องใช้กระดาษกรองอย่างพวก Fuji
ดริปเย็นก็มีสองแบบ อย่างแรกคือหยดน้ำแข็งใส่ผงกาแฟ อีกอย่างคือดริปกาแฟด้วยน้ำร้อนลงไปเจอน้ำแข็ง (ส่วนตัวเชียร์อย่างหลัง) ก็ต้องทำน้ำแข็งรองได้เนียนๆ ผมดูยูธูปของบาร์เทนเดอร์ท่านนึงสอนวิธีทำน้ำแข็งแบบใสกิ๊ง ก็โดนป้ายยาซื้อ mold
หรือจะทำ cold brew อันนี้ประหยัดหน่อยเพราะขวดโหลกับกระดาษกรองธรรมดาก็ทำได้
แต่ที่เปลืองสุดเลยต้องเมล็ดครับ ไอ้พวกเมล็ดพิเศษนี่พาเปลืองมากๆ 200g 750฿ ว่าแพงแล้วไปเจอ cup of excellent นี่อยากหงายท้อง
เครื่องกรองน้ำผมมีแอมป์เวย์อยู่ละครับ แต่อยู่บ้านนอกน้ำบาดาล บวกกับร้านกาแฟที่รู้จักหลายๆ ที่ รวมถึงที่มณีพฤกษ์ก็แนะนำว่า น้ำเซเว่นฝาเขียว นั่นแหละคับ ดีนักแล ผสมกับเกลือแร่ เพื่อปรับค่า TDS สักหน่อย ดึงรสชาติออกมาได้ดีมากๆ เลย ผมเลยเลือกซื้อน้ำเซเว่นเอาครับ ถัง 6 ลิตร ราคา 40บาท
เครื่องบดมือหมุน Kinu Classic นี่คือรุ่นเทพสำหรับมือบดทำ espresso เลยครับ. แต่ถ้าสายดริปน่าจะไป comandante c40 ดีกว่า แต่ผมเลือก K-Plus เพราะขนาดเฟืองใหญ่กว่า แล้วราคาถูกกว่า ปรับเบอร์บดได้ง่ายกว่าครับ อารมณ์ K-Plus เหมือนไฮบริด ไม่สุดสักทาง สู้ Kinu กับ Comandante ไม่ได้ครับ.
ส่วนเรื่องการทำ Cold brew จะแยกออกเป็น 2 วิธีครับ วิธีที่เราเห็นกันบ่อยๆ คือการสกัดเย็นแบบแช่ (Immersion) กับอีกวิธีคือการสกัดเย็นแบบหยด (Drip) ผมเลือกแบบหลัง เพราะแบบแช่ ผมไม่รู้จะปรับสูตรยังไง ฮ่าๆ เลยเลือกทางยาก แต่ปรับสูตรได้ดีกว่านะครับ ตัว Drip tower นี่ถ้าของจีนสั่งมาเองก็ไม่แพงครับ ตัวละพันกว่าบาท แต่ของเกาหลีที่เป็นระบบถังน้ำ 2 ส่วนที่ผมใช้นี่ก็เอาเรื่องอยู่เหมือนกันครับแบงค์เทาๆ เกือบ 8 ใบ.
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น โหดสุดก็เม็ดกาแฟแบบที่ท่านว่า ล่าสุดเจอ 150 กรัม 780 บาท แทบร้องเลยผม ดีนะเค้าแถมมาให้ ถ้าให้ซื้อมาทำเอง คงไม่กล้า กลัวทำไม่อร่อย