24/03/16 เมื่อ 3 ปีที่แล้วเป็นวันที่โลกฟุตบอลสูญเสีย Johan Cruyff โคตรตำนานของวงกาลลูกหนัง
ฉายา “นักเตะเทวดา” เป็นทั้งยอดนักเตะ และยอดผู้จัดการทีม ปรัชญาของเขาได้เปลี่ยนมุมมองและแนวทางในโลกฟุตบอลอย่างมาก
ความสำเร็จคร่าวๆ ของ Cruyff
สมัยเป็นผู้เล่น
ความสำเร็จ กับ Ajax
-Eredivisie 8 สมัย : 1965–66, 1966–67, 1967–68, 1969–70, 1971–72, 1972–73, 1981–82, 1982–83
-KNVB Cup 5 สมัย : 1966–67, 1969–70, 1970–71, 1971–72, 1982–83
-European Cup 3 สมัยซ้อน ( UEFA Champions league ในปัจจุบัน) : 1970–71, 1971–72, 1972–73
-Intercontinental Cup 1 สมัย: 1972
-
ก่อนจะย้ายเป็นสถิติโลกไป Barcelona
ความสำเร็จกับ Barcelona
-La Liga 1สมัย (ครั้งแรกในรอบ 14ปี): 1973–74
-Copa del Rey 1สมัย : 1977–78
ความสำเร็จกับ Feyenoord
-Eredivisie 1 สมัย: 1983–84
-KNVB Cup 1 สมัย : 1983–84
ความสำเร็จกับ ทีมชาติ
-FIFA World Cup Runner-up (อันดับ 2) :1974
-UEFA European Championship Third place(อันดับ3) :1976
ความสำเร็จสมัยเป็นผู้จัดการทีม 1985- 1996
กับAjax
-KNVB Cup 2 สมัย: 1985–86, 1986–87
-UEFA Cup Winners' Cup 1 สมัย: 1986–87
กับ Barcelona
-La Liga 4 สมัย : 1990–91, 1991–92, 1992–93, 1993–94
-Copa del Rey 1 สมัย : 1989–90
-Supercopa de España 3 สมัย : 1991, 1992, 1994
-European Cup/หรือ UEFA Champions League ครั้งแรกของ Barca : 1991–92
-UEFA Cup Winners' Cup 1 สมัย : 1988–89
-UEFA Super Cup 1 สมัย: 1992
รางวัลส่วนตัว
สมัยเป็นนักเตะ
-Ballon d'Or 3 สมัย : 1971, 1973, 1974
-Dutch Footballer of the Year 3 : 1968,1972, 1984
-Dutch Sportsman of the Year 2 : 1973, 1974
-FIFA World Cup Golden Ball :1974
-FIFA World Cup All-Star Team :1974
-IOC European Footballer of the Season: 1970/71, 1972/73
-Don Balón Award: 1977, 1978
-North American Soccer League MVP: 1979
-FIFA World Cup All-Time Team: 1994
-FIFA World Cup Dream Team: 2002
-World Team of the 20th Century ( คนที่ 2 ที่ได้ต่อจาก Pele)
-World Soccer's Greatest XI of All Time : 2013
-World Soccer's The Greatest Players of the 20th Century: #3
-France Football's Player of the Century
-IFFHS European Player of the Century
-IFFHS World Player of the Century
-IFFHS Legends
สมัยเป็นโค้ช
-World Soccer Awards Manager of the Year: 1987
-Don Balón Award for Coach of the Year: 1991, 1992
-Onze d'Or for Coach of the Year: 1991, 1992
-European Coach of the Season: 1991–92
คนที่ได้รางวัล Ballon d'Or มากกว่า Cruyff มีแค่ 2 คนคือ C.Ronaldo และ L.Messi
แล้วยังมีรางวัลหรือเกียรติยศที่ได้ยิบย่อยอีกเพียบแต่ผมขี้เกียจหาละ 5555+
และเพื่อเป็นการลำลึกถึงการจากไปของ ครัฟฟ์ ผมจึงขออนุญาตหยิบยก คำพูดจากนักเตะเทวดาคนนี้ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่คอยตั้งคำถามและเปลี่ยนมุมมองของเกมฟุตบอล มาแบ่งปันกันในบทบาทความนี้
1. “ลูกบอลมีลูกเดียว เพราะฉะนั้นจงมีมัน”
เมื่อพูดถึงฟุตบอลสไตล์ดัตช์ เกมรุกที่รวดเร็ว และการต่อบอลที่สวยงาม คงเป็นสิ่งแรกๆ ที่หลายคนนึกถึง ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นผลงานของ โยฮัน ครัฟฟ์ ผู้หยิบแนวคิดโททัล ฟุตบอล (Totalfootball) ของ ไรนุส มิเชลส์ มาต่อยอดจนสมบูรณ์แบบ
พูดได้ว่า ไรนุส มิเชลส์ คือหนึ่งในผู้ที่มีบทบาทในชีวิตฟุตบอลของ ครัฟฟ์ มากที่สุดคนนึงเลยทีเดียว โดยบิดาแห่งวงการฟุตบอลดัตช์เคยร่วมงานกับ ครัฟฟ์ ที่สโมสร อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม และทีมชาติเนเธอร์แลนด์
มิเชลส์ ชื่นชอบในสไตล์การเล่นและวิสัยทัศน์ของ ครัฟฟ์ มากจนเคยเอ่ยปากว่า “หากไม่มี ครัฟฟ์ ก็ไม่มีทีม” (Without Cruyff, I have no team)
2. “หากเราใช้นักเตะ 4 คนเพื่อรับมือกับกองหน้า 2 คน นั้นหมายความว่าคุณเหลือนักเตะเพียง 6 คนเพื่อต่อกรกับ(ฝ่ายตรงข้าม)8 คนกลางสนาม ไม่มีทางเลยที่คุณจะชนะศึกนี้”
การเข้ารับตำแหน่งผู้จัดการทีม บาร์เซโลน่า ของ ครัฟฟ์ คือการแต่งตั้งบุคลากรที่ยอดเยี่ยมและสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรจากแคว้นกาตาลุญญาอย่างไม่ต้องสงสัย โดยพวกเขาเชื่อมั่นในการขึ้นบอลจากหลัง ครองบอลแต่ฝ่ายเดียว เข้าทำตามต้องการและปิดโอกาสที่คู่แข่งจะตอบโต้ได้
ทุกวันนี้แนวคิดดังกล่าว(ขึ้นบอลจากหลัง – เน้นครองบอล)ก็ยังคงเป็นกฏเหล็กที่บาร์ซ่ายึดมั่นอยู่ ยกตัวอย่างเช่น บาร์ซ่า ภายใต้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ซึ่งเซ็ตเกมโดยการดันแบ็คซ้าย/ขวาขึ้นสูง สวนทางกับกลางรับที่ถอยลงมาเชื่อมบอลกับ 2 เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ เปลี่ยนรูปทรงจากแผงหลังหน้ากระดาน 4 คน ปะทะกองหน้าคู่แข่งเพียง 2 คน(หรือหลายๆ ครั้งเพียง 1 คนถ้าหากเจอกับทีมที่มาอุด) มาเป็นหลัง 3 (เอาแบ็คทั้ง 2 ข้างไปสร้างความได้เปรียบในแดนกลางแทน)
3. “การเล่นฟุตบอลคือเรื่องง่าย แต่การเล่นฟุตบอลง่ายๆ คือสิ่งที่ยากที่สุด”
4. “คุณเล่นฟุตบอลด้วยหัว ขาเป็นแค่เพียงตัวช่วย”
หากวัดกันที่ความเร็วแต่เพียงอย่างเดียว คงหานักเตะที่เทียบชั้นกับ วัลคอตต์ ได้ยาก แต่แล้วทำไมเส้นทางนักฟุตบอลอาชิพของเขากลับหยุดนิ่งมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา? ในทางตรงกันข้ามทำไมผู้เล่นอย่าง ชาบี อลอนโซ่ หรือ อันเดรีย ปีร์โล่ ถึงยิ่งดูมหัศจรรย์ขึ้นตามวันเวลาละ?
5. “อะไรคือความเร็ว? สื่อมักสับสนระหว่างความเร็วและความฉลาด ถ้าผมออกตัวก่อน มันก็จะดูเหมือนว่าผมเร็วกว่า(คู่แข่ง)”
แน่นอนว่าความเร็วคือสิ่งสำคัญในกีฬาฟุตบอล แต่ในขณะเดียวความสามารถในการอ่านเกมก็เป็นเรื่องที่มองข้ามไม่ได้เช่นกัน (ตัวอย่าง วัลคอตต์ ด้านบน) และทัศนคติเรื่องความเร็วของ ครัฟฟ์ ก็น่าจะเป็นผลของการที่เขาเองไม่ได้เป็นนักเตะที่สปีดเร็วจี๋อะไรมากมาย เพียงแต่เขาโชคดีที่ได้เล่นในระบบทีมที่ตอบสนองทักษะและความเข้าเกมของเขาภายใต้การดูแลของ ไรนุส มิเชลส์
6. “‘เทคนิค’ไม่ใช่การเดาะบอลได้ 1000 ครั้ง แค่ฝึกใครๆ ก็ทำได้ ‘เทคนิค’คือการจ่ายบอลจังหวะเดียว ด้วยสปีดที่ถูกต้อง ไปยังเท้าข้างถนัดของเพื่อนร่วมทีม”
7. “ในทีมของผม ผู้รักษาประตูคือตัวรุกคนแรก และกองหน้าคือตัวรับคนแรก”
8. “เราต้องมั่นใจว่าคู่แข่งที่อ่อนที่สุด จะได้ครองบอลมากที่สุด(นี่จะช่วยให้)เราชิงบอลกลับมาได้ในพริบตา”
ครัฟฟ์ ได้รับอิทธิพลเกมเพรสซิ่งจาก มิเชลส์ อย่างชัดเจน และสไตล์ดังกล่าวก็ถูกส่งต่อมายัง แฟรง ไรกาจ และ กวาร์ดิโอล่า ส่งผลให้ บาร์ซ่า เป็นทีมที่ดูสนุกไม่ว่าจะมีบอลหรือไม่ก็ตาม
คอนเซปการล่อให้อีกฝ่ายจ่ายบอลไปยังจุดที่เราได้เปรียบนั้นถูกพัฒนาต่อยอดให้มีระบบมากขึ้น จนมีชื่อเรียกเป็นของตัวว่า “เพรสซิ่ง-แทรป (Pressing-trap)” หรือกับเพรสซิ่ง และพูดได้เต็มปากว่าปัจจุบันเพรสซิ่ง-แทรปได้กลายเป็นส่วนสำคัญของแทคติกฟุตบอลไปแล้ว (สเปอร์, ดอร์ทมุนด์ และ แอตเลติโก มาดริด คือตัวอย่างของทีมมีใช้เพรสซิ่ง-แทรปจนเกิดประโยชน์)
9. “ผมรับไม่ได้เมื่อ[นักเตะที่มีความสามารถ]ถูกปฏิเสธด้วยสถิติจากคอมพิวเตอร์ ผมเองก็คงถูกปฏิเสธหากเทียบจากเกณฑ์ความสามารถ(ในการคัดเด็ก)ของอาแจ็กซ์ ณ ปัจจุบัน ตอนผมอายุ 15 เท้าซ้ายผมยังเตะบอลได้ไม่ถึง 15 เมตรเลย เท้าขวาอาจจะสัก 20 เมตร คุณสมบัติด้านเทคนิคและวิสัยทัศน์ของผมนั้นวัดไม่ได้โดยคอมพิวเตอร์”
[ที่นี้]ให้โอกาสกับนักเตะตัวเล็กอย่างผมมากกว่าที่อื่น กวาร์ดิโอล่า ตัวผอมมากสมัยผมอยู่ที่ ลา มาเซีย แต่เป็น ครัฟฟ์ ที่บอกว่ายังไงเขา(เป็ป)ต้องได้เล่น เพราะสักวันร่างกายของ เป็ป ก็จะโตขึ้น หากไม่มี(ครัฟฟ์) โลกคงไม่มีนักเตะอย่าง ชาบี อิเนียสต้า และ ธิอาโก้ (อัลคันทาร่า) – โอริโอล โดเมนิค นักเขียนจาก มุนโด้ เดปอร์ติโว (Mundo Deportivo) ผู้ซึ่งเคยใช้เวลา 6 ปีที่ศูนย์ฝึก ลา มาเซีย ภายใต้ยุคของ โยฮัน ครัฟฟ์
10.“สถิติพิสูจน์มาแล้วว่าในเกมฟุตบอล1 เกม ผู้เล่นแต่ละคนจะครองบอลโดยเฉลี่ย 3 นาที เพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ‘คุณจะทำอะไรใน 87 นาทีที่คุณไม่มีบอล’ นี้คือสิ่งที่บ่งบอกว่าคุณเป็นผู้เล่นที่เก่งหรือไม่”
“นี้เป็นคอนเชฟพื้นฐาน: คุณเคลื่อนที่ดีขึ้นยามมีบอล คุณมีสิ่งที่คู่แข่งไม่มี ดังนั้นพวกเขาจึงทำสกอร์ไม่ได้ คนที่ขยับคือตัวกำหนดว่าบอลจะไปที่ไหน หากคุณเคลื่อนที่ดี คุณจะสามารถเปลี่ยนแรงกดดัน(การเพรสซิ่ง)ของคู่แข่งให้เป็นประโยชน์กับทีมได้” – โยฮัน ครัฟฟ์
11. “นักเตะที่ไม่ใช่ผู้นำอย่างแท้จริง แต่พยายามจะเป็น จะด่าเพื่อนร่วมทีมทุกทีที่ทำพลาด ผู้นำในสนามที่แท้จริงจะเข้าใจว่าความผิดพลาดเกิดขึ้นได้”
“ผมไม่เคยกลัวที่จะทำพลาด และผมก็พยายามนำไอเดียนี้มาสู่สนาม(ในฐานะโค้ช) ผมพูดกับผู้เล่นเสมอว่าอย่าไปกลัว: ‘ถ้าคุณมีไอเดีย ดี: ลองดู และถ้ามันพลาดก็ไม่ต้องกังวล” โยฮัน ครัฟฟ์ พูดถึงความกล้าเล่นในสมัยเป็นนักเตะและความสำคัญของการให้อิสระกับผู้เล่นในยามเป็นโค้ช
12. “คุณภาพที่ไม่มีผลลัพธ์นั้นไร้ความหมาย แต่ผลลัพธ์ที่ไม่มีคุณภาพก็น่าเบื่อ เช่นกัน”
13."ผู้เล่นที่มีบอลไม่ได้เป็นคนตัดสินว่าบอลจะเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างไร คนที่ไม่มีบอลต่างหากที่มีหน้าการหาตำแหน่งเพื่อรับบอล"
14."ถ้าอยากชนะมันไม่สำคัญว่าคุณจะโดนยิงกี่ลูก คุณแค่ต้องยิงให้ได้มากกว่าคู่แข่ง"
15."ฟุตบอลเอาชนะกันด้วยความผิดผลาด ฝั่งไหนผิดพลาดน้อยกว่าก็เป็นผู้ชนะ"