BLOG BOARD_B
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email: sale@soccersuck.com
ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
นักเตะท้ายซอย
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 01 Oct 2010
ตอบ: 233
ที่อยู่: Anfield
โพสเมื่อ: Tue Sep 12, 2017 18:36
"พรุ่งนี้ขึ้นอยู่กับพระเจ้า" บทสัมภาษณ์จาก 3 นักเตะผู้ผ่านเหตุการณ์เครื่องบินตกที่โคลอมเบีย
เป็นบทความขนาดยาวที่ผมแปลมาจาก theplayerstribune เกี่ยวกับ 3 นักเตะที่รอดชีวิตจากสโมสรชาเปโคเอนเซ่นะครับ ในบทความนี้จะพูดถึงชีวิตและมุมมองต่อเหตุการณ์ของทั้งสามคนในขณะที่เกิดอุบัติเหตุ ขณะที่พักรักษาตัว และหลังจากที่รักษาตัวเสร็จแล้ว ยังไงก็ฝากด้วยจ้า

คำเตือน : บทความมีขนาดยาว(มาก)


วันที่ 28 พฤศจิกายน 2016 เที่ยวบิน Lamia 2933 เดินทางออกจากโบลิเวียไปยังโคลอมเบีย เครื่องบินลำนี้บรรทุกนักเตะจากสโมสรชาเปโคเอนเซ่เพื่อไปทำการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรแห่งทวีปอเมริกาใต้ หรือที่รู้จักกันในชื่อของการแข่งขัน “โคปา ซูดาเมริกาน่า” ในรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งเป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์ในรอบ 44 ปีนับตั้งแต่การก่อตั้งสโมสรแห่งนี้ ก่อนที่จะเกิดเหตุเครื่องบินตกขณะเดินทางไปสู่สนามบิน มีผู้โดยสารเพียง 6 จาก 77 คนบนเครื่องที่รอดชีวิต ซึ่งในนั้นรวมไปถึง 3 นักเตะของทีมได้แก่ เนโต้, แจ็คสัน โฟลมันน์ และ อลัน รัสเชล และนี่คือเรื่องราวของพวกเขา

เนโต้

ผมฝันร้ายเป็นอย่างมาก ผมฝันว่ามันเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เมื่อไม่กี่วันก่อนที่เราจะบินไปแข่งแมทซ์ชิงชนะเลิศโคปา ซูดาเมริกาน่า ในโคลอมเบีย เมื่อผมตื่นนอน ผมบอกภรรยาว่าผมฝันเห็นตัวเองอยู่ในเหตุการณ์เครื่องบินตก ในฝันมีฝนตกหนักมาก จากนั้นเครื่องบินก็ทิ้งตัวลงจากฟากฟ้า แต่ด้วยเหตุใดก็ตาม ผมสามารถลุกขึ้นมาจากซากปรักหักพังนั้นได้ ก่อนที่ผมจะเดินออกไปท่ามกลางหุบเขาในตอนกลางคืน ทุกอย่างมันมืดมนไปหมด นั่นคือทั้งหมดที่ผมจำได้

ในวันที่เราทำการเดินทางไปแข่งขัน ผมไม่สามารถสลัดฝันร้ายนั้นออกไปจากจิตใจผมได้ ภาพฝันนั้นมันยังชัดเจน มันเหมือนค้อนที่เหวี่ยงกระทบไปมาในจิตใจของผม ผมตัดสินใจส่งข้อความไปหาภรรยาของผมจากบนเครื่องบิน ผมบอกเธอให้สวดวิงวอนต่อพระเจ้าให้ปกป้องผมจากฝันร้ายนั้น ผมไม่อยากคิดว่าเหตุการณ์นั้นมันจะเกิดขึ้นจริง แต่ผมก็ยังร้องขอให้เธอสวดมนต์ให้แก่ผม

หลังจากนั้นทุกอย่างที่เกิดขึ้นในฝันของผมก็กลายเป็นเรื่องจริง

เครื่องบินดับลง พลังงานทั้งหมดดับอย่างสมบูรณ์แบบ ตาของผมเบิกกว้าง จากนั้นเครื่องบินก็ร่วงลงมาจากฟากฝ้า

มันเกินกว่าสิ่งที่มนุษย์อย่างเราจะเข้าใจได้

แจ็คสัน

บนเครื่องบินวันนั้น ทุกคนกำลังใช้เวลาอยู่บนเครื่องบินกัน ไม่ว่าจะเป็นการเล่นไพ่หรือเล่นดนตรี

อลัน

ผมกำลังโชว์มายากลไพ่ ผมชอบที่จะทำแบบนั้นอยู่เสมอ เราทุกคนต่างกำลังหัวเราะ รวมทั้งร้องเล่นเพลง Pagode (แนวเพลงแบบหนึ่งของบราซิล) กันอยู่ มันคือความสุขแบบสุด ๆ ของกลุ่มคนที่ได้สร้างประวัติศาสตร์ให้เกิดขึ้น โดยไม่คำนึงถึงว่าสุดท้ายพวกเราจะได้เป็นแชมป์หรือไม่ เราได้พาสโมสรจากหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในบราซิลมาสู่การชิงแชมป์สโมสรที่ดีที่สุดของทวีป แค่นั้นก็ทำให้เรามีความสุขกันสุด ๆ แล้ว

แจ็คสัน

มันเป็นเที่ยวบินที่รู้สึกสบาย ๆ จนกระทั่งไฟบนเครื่องทั้งหมดดับลง ทันใดนั้นความเงียบเข้าครอบงำทุกสิ่ง ทุกคนเงียบเสียงลง ผู้คนบนเครื่องต้องการรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่มีเสียงใด ๆ จากพนักงานบนเครื่องบิน จากนั้นไม่กี่นาทีก่อนที่เราจะร่วงลง มีเสียงของพนักงานบนเครื่องบินพูดออกมาว่าให้พวกเรารัดเข็มขัด เพราะขณะนี้เครื่องกำลังทำการลงจอด

มันเงียบสงบมาก ไม่มีใครประกาศสิ่งใดทั้งสิ้นทางไมโครโฟน และจากนั้นเราก็เริ่มร่วงลงมา

มีไม่กี่คนบนโลกที่จะเข้าถึงความรู้สึกในขณะนั้นของเราได้ เมื่อหนึ่งวินาทีที่แล้วคุณกำลังอยู่บนเส้นทางแห่งการพิชิตความฝันกับเพื่อนของคุณทุกคน ทุก ๆ คนต่างมีความสุขอย่างมาก และหลังจากนั้นหนึ่งวินาทีต่อมาพลังงานบนเครื่องบินทั้งหมดก็ดับลง และคุณกำลังร่วงตกลงมาจากท้องฟ้า

ผมทำได้แค่สวดมนต์และวิงวอนต่อพระผู้เป็นเจ้าให้ช่วยปกป้องผม บนเครื่องบินในขณะนั้นคุณไม่สามารถทำสิ่งใดได้เลย คุณไม่สามารถวิ่งหนี คุณไม่สามารถร้องไห้ คุณไม่สามารถขอให้ใครมาช่วย คุณไม่อาจแม้แต่จะถามได้ว่าทำไม ทั้งหมดที่คุณทำได้คือสวดภาวนาและปล่อยให้ชีวิตของคุณขึ้นอยู่ในมือของพระเจ้า

อลัน

เวลาล่วงเลยผ่านไป ผมพยายามจะนึกภาพเหตุการณ์ ณ ขณะนั้น แต่ไม่สามารถทำได้ ผมเดาว่ามันเหมือนกับการที่สมองบล็อคภาพความทรงจำเหล่านั้นไว้

เนโต้

ผมจำคำพูดสุดท้ายบนเครื่องบินของผมได้ ผมเอาแต่สวดมนต์ สวดมนต์ สวดมนต์ออกไปด้วยเสียงดัง เมื่อผมเห็นว่าเครื่องบินกำลังตกจริง ๆ ผมได้แต่พูดว่า “พระเจ้า พระเจ้า ผมอ่านไบเบิ้ลว่าท่านทรงสร้างปาฏิหาริย์ต่าง ๆ มากมาย ได้โปรดเถิด ได้โปรดเมตตาพวกเราด้วย โปรดมองมาที่พวกเรา ช่วยพวกเราด้วย ช่วยนักบิน ช่วยพวกเราทั้งหมดบนเครื่อง ได้โปรดเมตตาเถิด ได้โปรด พระเจ้าช่วยลูกด้วย”

แม้จะวิงวอนต่อพระเจ้าผู้ทรงอำนาจ แต่ด้วยการมองเห็นสถานการณ์จากดวงตาของมนุษย์ ผมรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่หนทางสุดท้ายและสิ่งเดียวที่ผมทำได้ก็คือการสวดวิงวอน

แจ็คสัน

ผู้คนจำนวนมากเริ่มสวดมนต์ออกมาด้วยเสียงดัง นาทีก่อนที่เรากำลังจะตกลงไปนั้น ผู้คนที่อยู่ส่วนหน้าของเครื่องบินเริ่มถามว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาเริ่มตะโกนออกมา “เกิดอะไรขึ้น! ใครก็ได้บอกเราทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น!”

ผมจำได้ว่าพวกเขาพูดประโยคเหล่านั้น หลังจากนั้นผมก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย

เนโต้

และหลังจากนั้นทุกอย่างก็กลายเป็นสีดำ



แจ็คสัน

ผมตื่นขึ้นมาในป่า ในขณะที่ดวงตาของผมเปิดออกแต่ทุกอย่างกลับมืดสนิท ฝนกำลังตก มันหนาวมากจริง ๆ ผมไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดได้เลย ผมได้ยินเพียงแค่เสียง เสียงพึมพำของผู้คน พวกเขาตะโกนขอความช่วยเหลือ ผมเริ่มทำแบบนั้นบ้างเช่นกัน แต่ผมไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ผมไม่รู้ตัวว่าตัวเองตกจากเครื่องบิน ผมจำได้เพียงผมอ้อนวอนต่อพระเจ้าว่าผมไม่อยากตาย

ส่วนที่ยากที่สุดคือการได้ยินเพื่อน ๆ ของตัวเองร้องขอความช่วยเหลือ และผมไม่สามารถจะทำอะไรได้ ผมไม่สามารถลุกขึ้น มันมืดจนผมไม่สามารถมองเห็นสิ่งใด ผมขอบคุณพระเจ้าที่ตอนนั้นผมมองไม่เห็นอะไรเลย

ผมตื่นขึ้นแล้วหลับไป จากนั้นก็ตื่นขึ้นแล้วหลับลงไปอีก ผมไม่รู้ว่าผมทำแบบนั้นอยู่นานแค่ไหน

จากนั้น ณ ตรงจุดนั้น ผมมองเห็นแสงสว่างจากไฟฉายออกมาท่ามกลางป่า

มันเป็นเสียงของผู้คนที่ตะโกนว่า “นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจแห่งชาติ นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจแห่งชาติ”

เมื่อตำรวจมาถึงตรงนั้น ผู้คนบางคนที่ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือในก่อนหน้าซึ่งอยู่ถัดไปจากผม พวกเขาไม่ได้ตะโกนร้องเรียกอีกต่อไปแล้ว เหมือนเสียงของพวกเขาค่อย ๆ เงียบลงไป มันเป็นช่วงเวลาที่แสนจะน่าโศกเศร้าสำหรับผม

หน่วยกู้ภัยมาถึงผม เขาชื่อจ่าเนลสัน ผมชูแขนของผมขึ้นและเขาก็ดึงมือของผมขึ้นมา

“ใจเย็น ๆ ไว้ คุณปลอดภัยแล้ว” เขาบอกกับผม

จากนั้นเขาถามชื่อและอายุของผม

ผมบอกเขาไปว่าผมเป็นผู้รักษาประตู

หลังจากนั้น จ่าเนลสันบอกกับผมว่ามันเป็นเหตุการณ์ที่เลวร้ายและน่าสยดสยองที่สุดเท่าที่เขาเคยพบเจอมาในชีวิต เขาพยายามที่จะแบกผมขึ้นจากด้านหลัง แต่เขาไม่สามารถทำได้ ผมรู้สึกเจ็บเป็นอย่างมาก เป็นความเจ็บปวดที่ได้รับมาจากอุบัติเหตุ ผมสูญเสียเท้าขวาของผมไปแล้วในตอนนี้ และเท้าซ้ายของผมก็ห้อยอยู่ได้ด้วยเส้นเอ็น
เขาดึงมือผมขึ้น และแบกผมขึ้นบนเนินเขาที่เต็มไปด้วยโคลน มันเป็นพื้นที่ที่สูงชันเอามาก ๆ และมันก็อันตรายมากจริง ๆ ชิ้นส่วนของเครื่องบินตกกระจายอยู่เต็มไปหมดทุกที่ และมันแหลมคมเอามาก ๆ พวกหน่วยกู้ภัยเหล่านั้น พวกเขาคือฮีโร่จริง ๆ

ผมจำได้ว่าผมร้องขอน้ำดื่มจากเขา และเขาให้ผมมา หลังจากนั้นทุกอย่างก็มืดสนิทลงไป

เนโต้

ผมตื่นขึ้นมาที่โรงพยาบาล ผมจำอะไรเกี่ยวกับอุบัติเหตุไม่ได้เลย ภรรยาผมบอกถึงประโยคแรกที่ผมพูดกับเธอตอนผมฟื้นจากอาการโคม่า

“พระเจ้าอยู่กับลูกตลอดเวลา”

ผมกล่าวมันซ้ำ ๆ อีกหลายรอบ

“พระเจ้าอยู่กับลูกตลอดเวลา”

“พระเจ้าอยู่กับลูกตลอดเวลา”

แต่ผมไม่สามารถจำสิ่งใดได้ หมอไม่สามารถบอกผมได้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ พวกเขาแค่ต้องการให้ผมฟื้นตัวดีขึ้นเสียก่อน

ผมพยายามนึกถึงสถานที่ที่ผมอยู่ให้ออก ผมรู้ว่าผมอยู่ในโรงพยาบาล แต่ผมไม่สามารถนึกมันออกได้ ผู้คนที่ทำงานอยู่ที่โรงพยาบาล ผมมองไปยังพวกเขาเหล่านั้น แต่ผมไม่รู้จักพวกเขา พวกเขาพูดภาษาสเปนใส่กัน ผมรู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก

ผมมองเห็นแพทย์ชองชาเปโคเอนเซ่ ตอนนั้นที่ผมจำได้ว่าผมกำลังจะไปลงแข่งในแมทซ์ชิงชนะเลิศ

ผมพูดกับเขาว่า “หมอ เกิดอะไรขึ้นกับเกมส์การแข่งขัน ผมได้รับบาดเจ็บหรอ?”

เขาตอบกลับมาว่า “ใช่ เนโต้ คุณได้รับบาดเจ็บในการแข่งขัน”

“แล้วผลการแข่งเป็นยังไง?”
“ผมไม่รู้ คุณได้รับบาดเจ็บรุนแรงมาก ผมตรงมาที่นี่เพื่อพบเจอคุณ”

ผมเชื่อเขา ตอนนั้นผมคิดว่าการแข่งขันกำลังดำเนินไปอยู่ และผมรู้สึกหัวเสียต่อพระเจ้าเป็นอย่างมาก ผมคิดว่าท่านพรากการแข่งขันนัดชิงไปจากผมได้อย่างไร? ผมต้องการจะอยู่ที่นั่นกับเหล่าพี่น้องของผม




อลัน

พ่อบอกกับผมตอนที่ผมรู้สึกตัวในโรงพยาบาลว่าคำแรกที่ผมพูดกับท่านคือ “นี่มันเป็นเรื่องจริงใช่ไหม?”

พ่อของผม จากคำแนะนำของหมอ ท่านบอกว่า “เครื่องบินต้องลงจอดฉุกเฉิน แต่ลูก, เนโต้ และโฟลมันน์ปลอดภัย”

ณ ขณะนั้น ผมคิดว่ามีเพียงผม, เนโต้ และโฟลมันน์ ที่ได้รับบาดเจ็บ ผมคิดว่าการแข่งจะมีขึ้นในวันถัดไป ในจิตใจของผม ผมยังกังวลอยู่กับเพียงแค่การแข่งขันในตอนนั้น

ผมได้รับยาระงับประสาท ผมนอนหลับและตื่นขึ้นมาใหม่ ผมจำเรื่องที่แฟนสาวและพ่อโชว์วิดีโอของเพื่อน ๆ และครอบครัวของผมในโทรศัพท์ของเขาให้ผมดู พวกเขาให้กำลังใจผม และบอกผมว่าพวกเขาสวดมนต์ให้แก่ผม ในตอนนั้นมันรู้สึกเหมือนกับว่าผมกำลังฝัน

วันถัดมา หมอจำนวนหนึ่งมาถึงและเข้ามาคุยกับผม พวกเขาบอกว่าเขาจะหยุดให้ยาระงับประสาทกับผม แต่ผมต้องใจเย็น ๆ ผมบอกเขาว่าโอเค และจากนั้นพวกเขาก็บอกความจริงแก่ผมว่าเครื่องบินเกิดอุบัติเหตุ มันไม่ใช่การลงจอดฉุกเฉิน มีเพียง 6 คน เท่านั้นที่รอด คือ ผม, เนโต้, แจ็คสัน, นักข่าว และ ผู้โดยสารอีกสองคน

จากนั้นมันเหมือนโลกทั้งใบของผมสลายลงไปในพริบตา ภรรยาบอกผมว่าผมใช้เวลาทั้งวันไปกับการเหม่อลอยเหมือนหลุดไปอยู่ในอวกาศ สิ่งแรกที่เข้ามาในจิตใจของผมคือมันไม่ใช่เรื่องจริง มันเป็นแค่ฝันร้าย ทั้งหมดคือคำโกหก ผมกำลังฝันร้ายและผมกำลังจะตื่นในอีกไม่ช้า

เนโต้

วันหนึ่ง ผมตื่นขึ้นมาในห้องไอซียู ไม่มีสิ่งใดมีเหตุผลให้กับผมเลย ผมมองไปที่ร่างกายของผม ทุกส่วนมีรอยผ่าตัดไปหมด หูของผมห้อยอยู่กับผิวหนัง ผมคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่ผมจะได้รับบาดเจ็บระหว่างการแข่งขัน มันต้องมีอะไรผิดพลาดไปแน่ ๆ

จากนั้นผมพยายามจินตนาการถึงสิ่งที่อาจเกิดขึ้นและทำให้ผมเป็นแบบนี้ได้ ผมถามหมอจริง ๆ ว่า “คนที่ทำร้ายผมเขาตัวขนาดไหนกันนะ เขาต้องตัวขนาดยักษ์มากเลยใช่ไหมล่ะเพื่อน”

หลายสิ่งวิ่งเข้ามาในจิตใจของผม ผมคิดว่าบางทีอาจจะเป็นแฟนบอลที่ลงมาจากสนามแล้วทำร้ายพวกเรา ผมคิดว่าบางทีผมอาจจะถูกรถทับที่ลานจอดรถก่อนเกมส์จะเริ่ม แต่ผมไม่เคยนึกถึงเรื่องเครื่องบินตกเลย ผมจะไปนึกถึงมันได้อย่างไรกัน?

ผมหลับ ๆ ตื่น ๆ อยู่นาน จนวันหนึ่ง ผมตื่นขึ้นมาและมองเห็นพ่อนั่งอยู่บนเก้าอี้ ท่านกำลังร้องไห้ ตอนนั้นแหละที่ผมรู้ว่าพวกเขากำลังโกหกผม

จากนั้นในวันหนึ่ง หมอทั้งหมดเข้ามายังห้องของผม แม่กับพ่อของผมอยู่ที่นั่นด้วย รวมไปถึงน้องสาวของผม นักจิตวิทยา และบาทหลวง พวกเขาบอกว่ามีบางอย่างจะบอกผม

“จำฝันนั่นได้ไหม” พ่อพูดกับผม

“แน่นอน ผมจำฝันนั้นได้ ผมบอกภรรยาผมว่าผมอยู่ในเหตุการณ์เครื่องบินตกในตอนกลางคืน มันมีฝนตกหนักมาก เครื่องบินดับลง มันร่วงลงมา ผมสามารถลุกขึ้นมาจากซากปรักหักพังนั้นได้ ผมเดินไปบนภูเขาในตอนกลางคืน ทุกอย่างมืดไปหมด” ผมตอบ

ผมสังเกตุเห็นสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นในขณะที่ผมเริ่มพูดถึงความฝัน

นักจิตวิทยาเดินออกจากห้องไปร้องไห้

แม่ของผมร้องไห้

หมอบอกว่า “เอาล่ะ นั่นไม่ใช่ความฝันเนโต้ มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง เครื่องบินของชาเปโคเอนเซ่ตก”

นั่นเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ยากที่สุดในชีวิตผม ผมพยายามจะไม่เชื่อว่ามันเกิดขึ้นจริง ผมคิดว่าเขาเสียสติไปแล้ว นี่มันไม่มีทางเกิดขึ้นจริง คุณพูดบ้าอะไรกับผมเนี่ย?

จากนั้นผมเริ่มรวบรวมความคิดของตัวเอง โอเค ถ้าหากสิ่งนี้เกิดขึ้นจริง และผมยังมีชิวิตอยู่ นั่นหมายความว่าทุกคนก็ต้องยังอยู่เหมือนกัน

“คนอื่น ๆ เป็นยังไงบ้าง พวกเขาอยู่ที่ไหน”

หมอตอบกลับมาว่า “มีแค่คุณ, อลัน และโฟลมันน์ที่รอด”

ผมไม่อาจจะเชื่อมัน มันเป็นไปไม่ได้ ผมคิดแต่เพียงว่าถ้าหากผมมีชีวิตอยู่ทำไมเพื่อนของผมถึงต้องจากไป ผมรอดมาจากเครื่องบินตกได้อย่างไร? มันไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย ถ้าผมตกจากเครื่องบินจริง ๆ ผมต้องตายไปแล้ว นี่มันไม่ใช่เรื่องจริง

“ความจริงคุณไม่น่ามาอยู่ตรงนี้ได้ด้วยซ้ำ สิ่งเดียวที่ทำให้มันเป็นแบบนี้ได้คงมีแต่พระเจ้า” หมอกล่าวกับผม

แจ็คสัน

สิ่งที่ผมบอกคุณได้เกี่ยวกับการอยู่ในอาการโคม่า คือมันเหมือนกับการได้ยินแต่ผู้คนพูดกันในภาษาสเปน ผมมีความรู้สึกว่าการได้ยินเสียงที่คุ้นเคยกำลังหายไป ผมต้องการได้ยินเสียงของใครสักคนที่ผมรู้จัก เพื่อที่จะได้ช่วยให้ผมรู้สึกผ่อนคลาย ในขณะที่ผมตื่นขึ้นมาในห้องฉุกเฉิน ผมเห็นพ่อ, แม่ และคู่หมั้นของผมอยู่ในห้องด้วยกัน ความรู้สึกในตอนนั้นมันช่างมีพลัง นั่นคือสิ่งที่ผมคิดถึง

ผมอยู่ในอาการโคม่าถึงสี่วัน ในหัวของผมรู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก เท่าที่อุบัติเหตุนั้นเกิดขึ้น สมองของผมปิดกั้นสิ่งเหล่านั้นออกไป ผมไม่แม้แต่จะเปิดทีวีดู ไม่มีคำพูดจาใด ๆ จากครอบครัวของผม และผมไม่อยากรับรู้ ผมมีความคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับผม ผมคิดว่ามีผู้คนจำนวนมากรอดตายในความคิดนั้น เหมือนมันเป็นแค่อุบัติเหตุเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกิดขึ้น บางทีอาจจะเป็นเพียงแค่การลงจอดฉุกเฉิน และทุก ๆ คนก็ยังโอเค

ผมจำได้เพียงนักจิตวิทยาจากโรงพยาบาลเข้ามาหาผมในห้องแล้วบอกว่า “เครื่องบินของคุณตกและมันระเบิด ทุก ๆ คนตาย คุณรอด แต่คุณไม่อาจจะเล่นฟุตบอลได้อีกต่อไป”

เมื่อเขาพูดจบ เหตุการณ์ทุกสิ่งทุกอย่างกลับมาสู่ผมอย่างรวดเร็ว ผมนึกถึงเพื่อนของผมทุกคน และมันเป็นเรื่องที่เศร้าเป็นอย่างมาก
จากนั้นครอบครัวของผมบอกผมว่าผมสูญเสียขาข้างขวาไป และผมจะไม่สามารถกลับมาเล่นฟุตบอลได้อีกครั้ง

เมื่อเขาพูดเสร็จ ปฏิกิริยาแรกของผมในตอนนั้นคือ อย่างน้อยการสูญเสียขาก็ดีกว่าการสูญเสียชีวิต ขอบคุณพระเจ้าที่ผมยังมีชีวิตอยู่

หลังจากนั้น ผมพบว่าอลันกับเนโต้จัดการรับมือและต่อสู้กับมันได้ และนั่นเป็นสิ่งที่มอบแรงบันดาลใจให้แก่ผมในการสู้ต่อไป



เนโต้

ผมเป็นคนสุดท้ายที่ถูกหาเจอ ผมอยู่ภายใต้ซากปรักหักพังกว่า 8 ชั่วโมง หลังจากนั้น หน่วยกู้ภัยบอกผมเกี่ยวกับทุกอย่างที่เกิดขึ้น ในตอนเช้าตรู่ หน่วยกู้ภัยจำนวนมากได้ทำการออกจากพื้นที่ที่เครื่องบินตกแล้ว แต่ตำรวจยังอยู่ที่นั่นเพื่อปกป้องร่างกายและเก็บรักษาของมีค่าของพวกเรา ทันใดนั้นเจ้าหน้าที่คนหนึ่งก็พูดขึ้นมา “เฮ้ ผมได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง”

เขาไปเพื่อดูว่ามีอะไรอยู่ที่นั่น เขาคิดว่าเขาได้ยินเสียงคร่ำครวญของใครบางคน

“มันเป็นไปไม่ได้ นี่มันผ่านไปกว่า 8 ชั่วโมงแล้ว” ตำรวจคนอื่นกล่าวขึ้น

“ไม่ ไม่ นายลองเงียบแล้วฟังดูสิ่ ฉันได้ยินอะไรบางอย่าง” ตำรวจคนนั้นยังยืนกรานต่อไป

และเสียงที่เขาได้ยินคือเสียงร้องคร่ำครวญของผม

พวกเขาพุ่งตรงมายังเสียงที่ได้ยิน

เจ้าหน้าที่หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาส่องไฟไปยังซากปรักหักพังทั้งหมด พวกเขาเริ่มขุดคุ้ยกิ่งไม้และซากชิ้นส่วนของเครื่องบินออกมา ตำรวจเห็นใบหน้าของผม มันอยู่ในสภาพที่ไม่น่าดูเอาเสียเลย

พวกเขาช่วยผมออกมาจากซากเหล่านั้นและนำผมไปยังรถบรรทุก มันใช้เวลากว่าชั่วโมงในการพาตัวผมออกไปจากภูเขาเพื่อไปยังคลีนิคสุขภาพเล็ก ๆ ดวงตาของผมกลิ้งกลับเข้าไปในหัวจนกลายเป็นตาขาวทั้งหมด พวกเขาบอกว่าผมดูเหมือนตายไปแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ผมยังคงหายใจอยู่
พวกเขาบอกผมในภายหลังว่าไม่มีใครคาดคิดว่าผมจะสามารถทำมันได้ เมื่อผมฟื้นจากโคม่า พยาบาลที่อยู่กับผมในรถฉุกเฉินบนภูเขาเดินทางมาเยี่ยมผม เธอยืนอยู่ตรงประตูด้วยท่าทีที่เหมือนไม่อยากจะเชื่อ เธอสวมกอดผม ตัวของเธอสั่นเทา เธอจับที่แขนและไหล่ของผมก่อนจะพูดบางอย่าง

“ไม่อยากจะเชื่อ ไม่อยากจะเชื่อ”

นั่นคือตอนที่ผมตระหนักได้ว่ามันเหลือเชื่อขนาดไหน มันเหมือนปาฏิหาริย์ที่ผมยังมีชิวีตอยู่ ภายหลังจากที่พวกเขาเจอผมในสภาพแบบนั้น

อลัน

ผมอยู่เฉียดกับการเป็นอัมพาตที่แขนและขาไปเพียง 2 มิลลิเมตร เนื้อเยื่อที่อยู่ในกระดูกของผมถูกกดทับจากกระดูก แต่มันยังไม่ถึงกับทะลุลงไป ถ้าหากหน่วยกู้ภัยที่ช่วยเหลือผมทำมันผิดวิธี จะทำให้กระดูกสามารถทะลุผ่านมันลงไปได้ หลาย ๆ สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ผมรอดชีวิตมาได้ ผมเป็นหนี้บุญคุณคนอีกมากมายในชีวิต

หมอที่ดูแลผมคือหนึ่งในแพทย์ผ่าตัดที่เก่งที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ และเขาบังเอิญอยู่ที่โคลอมเบียในขณะที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น

และแน่นอน ผมเปลี่ยนที่นั่งบนเครื่องบินเพราะว่าแจ็คสัน

แจ็คสัน

ผมเรียกอลันให้มานั่งติดกับผม พวกเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมามากกว่า 10 ปี เราผ่านชีวิตร่วมกันมามาก ทุกที่ที่เราไป เราไปด้วยกันเสมอ แต่บนเที่ยวบินที่ไปแข่งขัน อลันชอบนั่งด้านหลังเพราะเขาสามารถเหยียดตัวไปบนเครื่องเพื่อนอนหลับได้

ดังนั้นบนเที่ยวบินไปยังโคลอมเบีย อลันเลือกที่นั่งทางด้านหลังเหมือนปกติที่เคย ส่วนผมนั้นนั่งอยู่คนเดียว ผมจึงเรียกเขามานั่งเป็นเพื่อน ผมเรียกชื่อเล่นของเขาว่า “เจ้าหนู” เพราะเขาผอมมากจนดูท่าทางเหมือนกับหนู

ผมพูดว่า “เฮ้ เจ้าหนู! มานั่งกับข้าตรงนี้ดิ มาฟังเพลงกันสักหน่อยดีกว่าไอน้อง”

“ไม่ ไม่ ข้าจะนั่งด้านหลังตรงนี้ ข้าจะนอนเว้ย”

“มาเหอะน่าเพื่อน มาเร็ว!”
ผมไม่รู้ว่าเพราะทำไม แต่ผมยังคงเรียกร้องไม่เลิก และสุดท้ายมันก็ทำให้เขามาตามที่ผมบอก

จากนั้นอีกครึ่งชั่วโมง ทุกอย่างก็เกิดขึ้น

อลัน

คุณลองดูเหตุการณ์พวกนี้สิ่ มันไม่สามารถอธิบายได้เลย มันเป็นไปไม่ได้ มันคือปาฏิหาริย์ ที่โคลอมเบีย ผมเดินออกมาจากโรงพยาบาล และเมื่อผมมองย้อนกลับไปที่ชาเปโก้ ครอบครัวของผมทุกคนรอผมอยู่ที่นั่น มันเป็นช่วงเวลาที่สะเทือนใจจริง ๆ

แจ็คสัน

สำหรับผม ผมไม่ต้องการให้พ่อแบกผมไปเข้าห้องน้ำ แบกผมไปที่โซฟาเพื่อนั่งลง ผมจำได้ว่าผมเคยไปที่เซา เปาโล กับครอบครัว ผมเกือบจะสามารถลุกขึ้นยืนได้เองโดยปราศจากความเจ็บปวดอันมหาศาล ผมบอกหมอว่า “ผมไม่ได้ดูถูกอาชีพของคุณนะ แต่ถ้าหากมีสิ่งใดที่สามารถทำให้ผมลุกขึ้นเดินได้อีกครั้ง ถึงแม้มันจะเจ็บปวดแค่ไหน ได้โปรดบอกผมเถิด ผมจะทำมัน ผมต้องการกลับไปเดินที่ชาเปโก้อีกครั้งให้ได้”

เมื่อผมเริ่มเดินอีกครั้งต่อหน้าพ่อและแม่ของผม มันเป็นช่วงเวลาที่ส่งผลต่ออารมณ์เป็นอย่างมาก

เนโต้

สิ่งที่ช่วยผลักดันผมให้ก้าวเดินต่อไปได้มากที่สุด คือเมื่อตอนที่ผมได้เห็นลูก ๆ ของผม ผมมีลูกฝาแฝดที่น่ารัก คนหนึ่งเป็นผู้ชาย คนหนึ่งเป็นผู้หญิง พวกเขาอายุ 10 ขวบ เท่านั้น หลังจากเหตุการณ์เครื่องบินตก ภรรยาของผมฝากพวกเขาไว้กับพี่สาวที่บราซิล ผมไม่เจอลูก ๆ จนกระทั่งหมอส่งผมกลับไปที่บราซิล และเมื่อพวกเขามาเยี่ยมผมที่โรงพยาบาล สีหน้าของพวกเขานั้น...

พวกเขาตกตะลึง ร่างกายของผมซูบผอม ผมมีแผลเป็นไปทั่วทุกแห่ง

พวกเขามองมาที่ผมเหมือนกับได้เห็นวิญญาณ

ผมบอกพวกเขาว่า “ลูกจะไม่กอดพ่อหน่อยหรอ?”

เป็นครั้งแรกที่พวกเขาสวมกอดผมโดยไม่พูดจาใด ๆ พวกเขาร้องไห้อยู่เป็นเวลานาน ประมาณ 5 หรือ 10 นาที
พวกเขาไม่สามารถพูดสิ่งใดออกไปได้ พวกเขาทำได้เพียงแค่สวมกอดผมและร้องไห้ มันเป็นน้ำตาแห่งความโล่งอก
พ่อของเราดูท่าทางไม่ดีนัก แต่เขายังมีชีวิตอยู่ และเขากลับมา

ผมนึกถึงเพื่อน ๆ ของผมที่จากไปแล้ว และผมนึกถึงลูก ๆ ของพวกเขา มันเป็นสิ่งที่สะเทือนใจที่สุดในชีวิตของผม

อลัน

ช่วงเวลาที่ยากที่สุด คือช่วงที่ความรู้สึกเริ่มดำดิ่งลงไป มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เมื่อผมมีอาการดีขึ้นแล้ว และผมไม่ต้องได้รับยาระงับประสาทอีกต่อไป ผมเริ่มสังเกตเห็นจริง ๆ ว่าผู้คนที่ผมรักไม่ได้อยู่ที่นี่อีกต่อไป ผมอยู่ใกล้กับดานิโล่ ผู้รักษาประตูของเรา และภรรยาของเขา เลติเซีย รวมไปถึงลอเรนโซ่ ลูกชายของเขา เมื่อผมตระหนักได้ว่าดานิโล่จากไปแล้ว มันเป็นช่วงเวลาที่เจ็บปวดมากสำหรับผม มันไม่สามารถพูดออกมาได้ ดานิโล่เป็นคนที่พิเศษจริง ๆ ในชีวิตของผม และผมยังคิดถึงเขาในทุก ๆ วัน



แจ็คสัน

สิ่งหนึ่งที่เราไม่ต้องการ และเราจะทำมันอยู่เสมอ คือเราไม่ต้องการให้เพื่อน ๆ ที่จากไปของพวกเราถูกลืม คนที่จากไปเหล่านั้น พวกเขาคือฮีโร่ การสูญเสียเพื่อนจำนวนมาก ผู้คนที่เป็นลูกชาย เป็นพ่อ เป็นพี่น้อง มันยากจริง ๆ ที่จะเข้าใจ ทำไมเหตุการณ์เหล่านี้ถึงเกิดขึ้น มันเป็นสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงได้

เนโต้

บริษัทที่จัดการเรื่องเครื่องบินของเราเอาน้ำมันออกจนเหลืออยู่เพียงแค่ขั้นต่ำที่สุดครั้งแล้วครั้งเล่า มองที่ความจริง เราสามารถมองเห็นได้ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว และมันเกิดขึ้นแล้ว พวกเขาทำแบบนี้หลายต่อหลายครั้งกับสโมสรฟุตบอลอื่น ๆ

บริษัทต้องการที่จะประหยัดเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ และพวกเขาเลือกจัดการมันด้วยวิธีการที่ต้องจบลงด้วยชีวิตของผู้คนจำนวนมาก ผู้คนมักจะพูดอยู่เสมอว่านักบินทำผิดพลาดอย่างไร และเขาก็ทำแบบนั้น นั่นคือความจริง แต่ผมคิดว่ามีคนอีกจำนวนมากที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ เช่น คนที่อนุญาตให้เครื่องบินขึ้นบินได้ทั้ง ๆ ที่มีเชื้อเพลิงไม่เพียงพอ พวกเขาละเลยกฎระเบียบ ผมว่ามันเป็นความผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะไม่มีใครที่สามารถอนุญาตให้ทำเช่นนั้นได้แน่นอนถ้าหากเขาไม่ได้รับผลประโยชน์บางอย่างจากมัน

ผมมีความปรารถนาเป็นอย่างมากที่จะให้พระเจ้าผลักดันผู้คนที่มีความสัตย์ซื่อและมีความสามารถเข้ามาในเหตุการณ์นี้เพื่อที่จะสืบหาความจริงว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้น เพราะพวกคนเหล่านั้นที่เกี่ยวข้องทั้งหมดควรจะต้องชดใช้ต่อสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะการที่เพียงแค่นักบินเสียชีวิตนั้นมันไม่ได้หมายถึงความยุติธรรมที่ควรจะเกิดขึ้น

โชคไม่ดีนักที่มนุษย์นั้นมีความโลภ..คุณก็รู้ดี อย่างที่พระคัมภีร์กล่าวไว้ว่า ความรักที่เกิดแก่เงินทองนั้น คือจุดเริ่มต้นของสิ่งเลวร้ายทั้งหมด

แจ็คสัน

มันยังดูเหมือนกับว่านี่ไม่ใช่เรื่องจริง มันเหมือนกับว่าพวกเขาเพียงแค่ไปเที่ยวกันและจะกลับมา ผม, เนโต้ และ อลัน พูดคุยกันเป็นอย่างมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทุกอย่างจะกลับมาปกติอีกครั้ง พวกเราทุกคนจะกลับมาและเล่นฟุตบอลด้วยกันอีกครั้ง

อลัน

ผมจำได้ว่าเมื่อไม่กี่เดือนก่อน เนโต้กับผมเรากำลังเล่นวิดีโอเกมส์ด้วยกัน เราพูดคุยกันเกี่ยวกับวิธีการที่เพื่อนของเราบางคนเล่นเกมส์ ผมพูดกับเนโต้ว่า “โอ้ ดูสิ่เพื่อน นายยังจำได้ไหมว่าเซอร์จิโอ มาโนเอล เคยเล่นแบบนี้และทำแบบนั้น”

และเนโต้ก็พูดกับผม “เพื่อน มันเหมือนกับว่าพวกเขายังอยู่กับเราที่นี่”

จากนั้นพวกเราก็ตกอยู่ในความเศร้า นั่นคือชั่วขณะที่คุณได้ตระหนักถึงว่าพวกเขาจากไปแล้ว และมันสุดแสนจะเจ็บปวด

เนโต้

ถึงแม้หากว่าผมตาย ผมรู้ว่าผมจะได้ไปยังที่ที่ดีกว่านี้ หลังจากนี้ ผมเชื่อว่าพระเจ้าจะนำทางชีวิตของผม ลำหรับทุกคนที่ไม่ได้อยู่ที่นี่ พระเจ้าจะดูแลพวกเขาตั้งแต่นี้ไป

แจ็คสัน

มันเป็นเวลาแค่ 8 เดือนหลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น คุณไม่สามารถหาคำอธิบายใด ๆ ได้สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้น สำหรับพวกเรา เราเรียนรู้ที่จะหยุดค้นหาคำตอบหลังจาก 5 เดือนแห่งความโศกเศร้า อลันกลับไปลงเล่นให้กับทีมอีกครั้ง เขาจะได้ลงเล่นกับเมสซี่ในวันพรุ่งนี้ เนโต้กลับไปซ้อมได้อย่างยอดเยี่ยมหลังจากอาการบาดเจ็บที่หัวเข่าของเขา

ส่วนผมหรอ? เอาล่ะ ผมสูญเสียขาของผม ใช่ แต่ผมยังเดินได้ ยังขับรถได้ ผมยังใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ผมเชื่อว่าหากคุณมีทัศนคติที่ดี หากคุณยังจดจำวิธีที่จะยิ้มได้ นั่นหมายความว่าทุกอย่างมันโอเค ผมไม่ได้สูญเสียรสชาติของการใช้ชีวิตไป โดยเฉพาะหลังจากทุกอย่างเกิดขึ้น ผมมักจะตื่นเช้าขึ้นมาด้วยรอยยิ้มเสมอ ตั้งแต่ที่ผมเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ และมีความฝันว่าจะได้เป็นผู้รักษาประตู และขอบคุณพระเจ้า ผมสามารถใช้ชีวิตในแบบที่เหมือนความฝันของผมมาได้ 12 ปี เหมือนผมได้รับพรจากท่านในชีวิต

ผมใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน ผมใช้ชีวิตอยู่กับวันนี้ ส่วนวันพรุ่งนี้ขึ้นอยู่กับพระเจ้า

อลัน

สำหรับผม การเฉลิมฉลองให้แก่การมีชีวิตเป็นสิ่งสำคัญ หากเหตุการณ์เครื่องบินตกได้ให้บทเรียนอะไรบางอย่างแก่ผม มันคือการที่ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นใน 10 นาทีนั้น ผมไม่รู้ว่ามันจะเป็นอย่างไรต่อเมื่อผมออกจากห้องนี้ ข้อความของผมถึงทุก ๆ คนที่ฟังอยู่ ผมต้องการให้คุณไล่ตามความฝันของตัวเอง หากคุณต้องการทำสิ่งใดจริง ๆ ก็แค่ออกไปทำมัน ใช้ชีวิตให้เต็มที่ คุณไม่รู้หรอกว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น

เนโต้

ก่อนจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นที่โคลอมเบีย ผมมีความฝันว่าเราจะกลับมาที่ชาเปโก้หลังจากแมทซ์ชิงชนะเลิศ ผมจินตนาการว่าทุกคนบนท้องถนนตะโกนโห่ร้องว่าเราคือผู้ชนะ ทุก ๆ คนต่างมีความสุข และพวกเขาต่างเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักต่อกัน ผมจินตนาการว่าตัวเองอยู่บนรถดับเพลิงขนาดใหญ่ และกำลังฉลองอยู่ในขบวนแห่ไปทั่วทั้งเมือง

เมื่อผมกลับมาที่ชาเปโก้หลังจากอุบัติเหตุ ผมไปขึ้นเครื่องบินที่โคลอมเบียเพื่อกลับไปที่บราซิล ผมรู้สึกหวาดกลัวมาก และเมื่อเครื่องบินของผมลงจอดถึงพื้นดิน ผมถึงกับร้องไห้ออกมา มันเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างถาโถมเข้ามาทั้งหมด

จากนั้นพวกเราออกจากเครื่องบินและไปยังสนามบิน มันเต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมากที่คอยสนับสนุนพวกเรา เราไปที่โรงพยาบาล มันก็ยังเต็มไปด้วยผู้คนเช่นกัน ทุก ๆ ที่เต็มไปด้วยความรัก มันเหนือจินตนาการมาก ๆ มันเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึก

เมื่อคุณกลับมาจากประสบการณ์ที่เราพบเจอ มันจะเปลี่ยนแปลงตัวคุณ มันจะทำให้คุณจดจำไปตลอดกาล ถ้าหากให้ผมพูดตรง ๆ หัวใจของผมก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน ผมมองเห็นสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ เครื่องบินตกสอนผมให้รู้จักซาบซึ้งใจและมีความสุขกับสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิต

ผมจำได้ว่าเมื่อผมอยู่ที่โรงพยาบาล ผมต้องนอนใส่ผ้าอ้อมเด็ก ผมไม่สามารถอาบน้ำด้วยตัวเองได้เป็นเดือน ๆ พยาบาลต้องเข้ามาเช็ดตัวให้ผม และเมื่ออาการผมดีขึ้น จนสุดท้ายผมสามารถอาบน้ำได้ด้วยตัวเอง ผมรู้สึกได้ถึงสายน้ำที่สัมผัสเข้ากับผิวหนังของผมเป็นครั้งแรก และน้ำตาของผมก็เริ่มไหลออกมา

มันเหมือนเป็นน้ำจากทะเลแคริบเบียน ผมไม่เคยรู้สึกอะไรแบบนี้มาก่อน

เมื่อผมเริ่มเตะฟุตบอลอีกครั้งเป็นครั้งแรกตั้งแต่เครื่องบินตก ผมรู้สึกเหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง

สมมุติว่าผมต้องตายในวันนี้ ผมจะบอกตัวเองด้วยการตะโกนสุดเสียงเป็นครั้งสุดท้ายว่า พระเจ้าได้โปรดให้โอกาสผมเป็นครั้งที่สอง ผมจะทำให้ดีที่สุดเพื่อเป็นเกียรติแก่ท่าน และเพื่อเป็นเกียรติแด่เพื่อนของเราทุกคนที่จากไป



แปลจาก : https://www.theplayerstribune.com/chapecoense-tomorrow-belongs-to-god/
แก้ไขล่าสุดโดย PECh- เมื่อ Wed Sep 13, 2017 00:12, ทั้งหมด 3 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
ออฟไลน์
ดาวซัลโวโอลิมปิก
Status: Give
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 11 Feb 2017
ตอบ: 10299
ที่อยู่: Chiangmai
โพสเมื่อ: Tue Sep 12, 2017 18:52
[RE: "พรุ่งนี้ขึ้นอยู่กับพระเจ้า" บทสัมภาษณ์จาก 3 นักเตะผู้ผ่านเหตุการณ์เครื่องบินตกที่โคลอมเบีย]
อ่านแล้ว ดีมากครับ ขอบคุณครับผม
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 Dec 2015
ตอบ: 612
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Sep 12, 2017 19:15
[RE]"พรุ่งนี้ขึ้นอยู่กับพระเจ้า" บทสัมภาษณ์จาก 3 นักเตะผู้ผ่านเหตุการณ์เครื่องบินตกที่โคลอมเบีย
อ่านจนจบ ขอบคุณครับ นึกภาพตามแล้ว โคตรเจ็บปวดเลย
โพสต์บนแอป Soccersuck บน iOS
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
OkP
ซุปตาร์โอลิมปิก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Aug 2014
ตอบ: 20889
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Sep 12, 2017 19:22
[RE: "พรุ่งนี้ขึ้นอยู่กับพระเจ้า" บทสัมภาษณ์จาก 3 นักเตะผู้ผ่านเหตุการณ์เครื่องบินตกที่โคลอมเบีย]
ผมอ่านไปน้ำตาคลอไป ขึ้นเครื่องไปด้วยความหวังแต่จบลงแบบสิ้นหวัง เป็นเราจะรู้สึกยังไงวะเนี่ย
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวเตะลา ลีกา
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 06 Apr 2010
ตอบ: 1200
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Sep 12, 2017 19:49
[RE: "พรุ่งนี้ขึ้นอยู่กับพระเจ้า" บทสัมภาษณ์จาก 3 นักเตะผู้ผ่านเหตุการณ์เครื่องบินตกที่โคลอมเบีย]
อ่านจนจบ น้ำตาอาบแก้มเลย

จินตนาการไปด้วยว่าถ้าเราอยู่ในเครื่องบินลำนั้นจะเป็นยังไง

แต่ยังไงก็คงไม่มีทางจะเข้าใจความรู้สึกของพวกเค้าหรอก
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ผู้เยี่ยมชม
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Aug 2016
ตอบ: 2021
ที่อยู่: Emirates Stadium
โพสเมื่อ: Tue Sep 12, 2017 20:13
ถูกแบนแล้ว
[RE: "พรุ่งนี้ขึ้นอยู่กับพระเจ้า" บทสัมภาษณ์จาก 3 นักเตะผู้ผ่านเหตุการณ์เครื่องบินตกที่โคลอมเบีย]
ขอบคุณสำหรับบทความดีดีครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
แขวนสตั๊ด
Status: LFC and Relax moment
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Jul 2014
ตอบ: 21990
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Sep 12, 2017 20:26
[RE: "พรุ่งนี้ขึ้นอยู่กับพระเจ้า" บทสัมภาษณ์จาก 3 นักเตะผู้ผ่านเหตุการณ์เครื่องบินตกที่โคลอมเบีย]
บริษัท เครื่องบิน เอาน้ำมันออกจนไม่พอต่อการบิน

โหหหห แบบนี้ น่าเกลียดสุดๆ ไม่ทราบว่ามีการดำเนินเรื่องไหมครับ

คนที่อยู่ อยู่ด้วยความเป็นปวดจริง กว่าเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันได้ แต่อย่างน้อยเค้าก็ยังมีชีวิต

ส่วนคนที่จาก คงช๊อคต่อคนที่อยู่ เหตุการณ์โคตรกระทันหัน เห้อออ เศร้า

0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ฝากเพจด้วยครับ : https://www.facebook.com/mrroscn
ชาตินึงอัพทีนึง 55555
ออนไลน์
นักเตะเทศบาล
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 28 Feb 2010
ตอบ: 6729
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Sep 12, 2017 21:21
[RE: "พรุ่งนี้ขึ้นอยู่กับพระเจ้า" บทสัมภาษณ์จาก 3 นักเตะผู้ผ่านเหตุการณ์เครื่องบินตกที่โคลอมเบีย]
ขอบคุณสำหรับบทความดีๆครับ ยาวแต่ก็อ่านจนจบ อ่านไปน้ำตาไหลไป
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ค.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 4870
ที่อยู่: เหมืองทองทั่วไป
โพสเมื่อ: Tue Sep 12, 2017 21:57
"พรุ่งนี้ขึ้นอยู่กับพระเจ้า" บทสัมภาษณ์จาก 3 นักเตะผู้ผ่านเหตุการณ์เครื่องบินตกที่โคลอมเบีย
น้ำตาไหลกลาง bts เลย
โพสต์บนแอป Soccersuck บน Android
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 16 Oct 2006
ตอบ: 330
ที่อยู่: "Unloveable..... "
โพสเมื่อ: Wed Sep 13, 2017 09:55
[RE: "พรุ่งนี้ขึ้นอยู่กับพระเจ้า" บทสัมภาษณ์จาก 3 นักเตะผู้ผ่านเหตุการณ์เครื่องบินตกที่โคลอมเบีย]
ขอขอบคุณที่แปลบทความดีๆ มาให้อ่านครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel