ต่าย อรทัย เพชรแท้นักร้องลูกทุ่ง
คิดถึงต่าย อรทัย
ในยุคปัจจุบันที่รายการทีวีมีแต่รายการประกวดร้องเพลง เน้นขายความดราม่า และยุคสมัยที่นักร้องลูกทุ่งสมัยนี้ สาว โป้ สวย ผมก็นึกถึงนักร้องคนเดียวที่งามทรงคุณค่า ไม่ต้องโป้ ไม่ต้องมีข่าวฉาว ก็ดังแท้ ดังนาน ดังทน
หลายคนมาเป็นนักร้องอาจมีคำตอบสวยหรู ทั้งทำตามความฝัน หรือชอบร้อง หรือบลาๆๆๆๆ
แต่ต่าย อรทัย มีเหตุผลเดียวที่ร้องเพลงคือ เธอยากจนแบบถึงที่สุด เธอถึงร้องเพลงเพราะต้องการหนีความยากจน ทำไมน่ะเหรอครับ
ต่ายเกิดที่อุบล ชีวิตวัยเด็กของต่ายพ่อแม่แยกทางกัน เธออยู่กับยาย ยายเลี้ยงเธอมา คิดถึงชีวิตในละคร ต่ายเธอเป็นแบบนั้นเลย
(ปัจจุบันยายทองคำ อายุ 102 ปีแล้วครับ)
วัยเด็กเธอลำบากมาก ต้องช่วยยายดูแลน้องๆ และทุกอย่างในบ้าน ทั้งหาบน้ำที่อยู่ในบ่อกลางทุ่งนา ต้องอดทนกับระยะทางที่แสนไกล ต้องอดทนต่อสู้กับแสงแดดที่แผดเผา และรับจ้างทำงานทุกอย่าง
ทุกวันหลังจากกลับจากโรงเรียน ต่ายต้องรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตน คือ การหาบน้ำจากทุ่งนา ขนฟางข้าว ซักผ้า นึ่งข้าวให้ยาย
เสียงเธอไม่ได้ดีมากในตอนนั้น งานประกวดเธอตกรอบเป็นว่าเล่น เพราะเธอหัดร้องเอง แต่เธอก็ไปประกวดทุกงานเพื่อเงินรางวัล
จนงานนึงเธอเจอครูเพลงอย่างครูสลา ซึ่งงานนั้นครูสลาก็ได้แต่บอกว่า ให้พยายามต่อไป
หลังจบมัธยมเธอได้สมัครเข้าเรียนที่ราชภัฏอุบลราชธานี แต่ก็ไม่ได้เรียนเพราะไม่มีเงินเรียน
- ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจเข้ามาหางานทำในกรุงเทพฯ ตอนแรกต่ายมาอาศัยอยู่กับแม่ ช่วยแม่รับจ้างซักเสื้อผ้าให้กับคนงานก่อสร้าง ทำได้ระยะหนึ่งรายได้ไม่เพียงพอ และที่สำคัญทั้งแม่และต่าย ต้องส่งเงินกลับบ้านเพื่อเลี้ยงดูยายและน้องชาย ต่อมาได้จึงได้สมัครเข้าทำงานที่เขตอุตสาหกรรมบางปู และสมัครเรียนรามไปด้วย
- ซึ่งระหว่างทำงานต่ายก็ยังประกวดร้องเพลงอยู่ตามที่ต่างๆ จนในที่สุดเธอเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศในรายการ ชุมทางเสียงทอง (รายการนี้ดังมากสมัยนั้น)
ซึ่งเงินจากการร้องเพลงและทำงานก็ยังไม่พอส่งให้ยายและน้องเรียน ต่ายจึงตัดสินใจออกมาซื้อเสื้อผ้าขาย
จุดพลิกผันคือ มีคนพยายามติดต่อให้เธอได้เจอครูสลา คุณวุฒิ อีกครั้ง
- ซึ่งทั้งครูสลาและต่ายคลาดกันหลายครั้ง เพราะครูก็งานยุ่ง ต่ายเองก็ต้องตระเวณขายเสื้อผ้าตามตลาดนัดต่างๆ
จนเมื่อพบกัน ทางแกรมมี่โกลด์ ก็ให้ครูสลาดูแลต่ายเต็มที่ ทั้งแนวเพลง สไตล์การแต่งตัว อิมเมจต่างๆ เรียกได้ว่า ต่ายคือศิษย์คนแรกที่ครูสลาดูแลเต็มตัว
ครูสลาเคยพูดถึงต่ายว่า
ถ้าเปรียบเทียบครูสลาเป็นนักศึกษาหรือนักเรียน ต่าย อรทัย คือวิทยานิพนธ์ชิ้นสำคัญ เป็นเหมือนวิทยานิพนธ์ที่ทำให้เราได้ด็อกเตอร์ ในวันแรกๆที่เห็นต่ายออกทีวี เด็กที่ลำบากมากคนหนึ่งที่เราเห็นตั้งแต่วันแรกที่เจอ และอยู่มาวันหนึ่งได้เห็นต่ายได้ออกทีวี มีรายการดังๆต่างๆหลายรายการสัมภาษณ์ต่าย เห็นทีไรจุก น้ำตาไหลทุกที ไม่อยากเชื่อว่าครูบ้านนอกคนหนึ่ง อยู่มาสามารถเขียนเพลงให้ลูกศิษย์และพาลูกศิษย์ไปนั่งอยู่ในจุดที่สูงส่งมากในความรู้สึกของตัวเองและชาวบ้าน รู้สึกตื้นตันใจ
เข้าแกรมมี่ต่ายต้องมาฝึกอะไรใหม่หมด โดยเฉพาะเทคนิคการร้องเพลงซึ่งต่ายมีข้อเสียคือ ร้องขึ้นจมูก งับคำไม่สวย และร้องไม่ค่อยชัด กว่าที่เราจะเห็นแบบปัจจบัน ต่ายต้องอยู่แกรมมี่นานกว่าจะได้ออกเทป
และ ปลายปี 2545 อัลบั้มแรก ดอกหญ้าในป่าปูน ผลงานสร้างของครูสลา คุณวุฒิ ที่บรรจงถ่ายตัวตนที่แท้จริงของต่าย อรทัยลงในเนื้อเพลงได้อย่างลงตัว ผนวกกับน้ำเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้ยอดจำหน่ายเกิน 1,000,000 ตลับ
เป็นปรากฏการณ์ ดอกหญ้าในป่าปูนของลูกอีสานโดยแท้
ยังไม่พอ อัลบั้มที่ 2 ขอใจกันหนาว ก็ ล้านตลับ
ยังไม่จบ อัลบั้มพิเศษ อยู่ในใจเสมอ ก็ขายได้เกินล้านตลับ
เรียกว่ามีนักร้องลูกทุ่งคนเดียวในประเทศไทย ที่กดแฮตทริคขายเกินล้านตลับ 3 อัลบั้มติดภายในไม่เกิน 3 ปี
ซึ่งปัจจุบันเธอมีงานแสดงแทบทุกวัน และตอนนี้เธอก็ทัวร์คอนเสิร์ตอยู่ยุโรปหลายประเทศเลย
ผู้ชักนำเข้าวงการ พี่บ่าวข้าวเหนียว เธอยังไม่เคยลืม
สิ่งที่น่าสนใจที่สุดของสาวงามคนนี้คือ ความกตัญญูอย่างถึงที่สุด ปัจจุบันเธอไม่มีแฟน เธอบอกว่าเธอจะขอดูแลยายและน้องไปก่อน
คนที่เธอรักที่สุดคือคุณยายทองคำ ยายที่เลี้้ยงเธอมา ถ้าว่างจากงานคอนเสิร์ตเธอจะกลับไปหายายที่อุบลเสมอ
มีอยู่ช่วงนึงเธอพายายมาอยู่กรุงเทพด้วย แต่ยายอึดอัด เหมือนคนต่างจังหวัดที่ชอบอยู่กับบ้านมากกว่า
กาลเวลาพิสูจน์แล้วว่า สาวอุบลคนนี้ที่ยิ้มสวยๆ แก้มโหนกๆ คนนี้ ผ่านกาลเวลาในวงการบันเทิงด้วยคุณค่าของนักร้องลูกทุ่งจริงๆ