BLOG BOARD_B
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email: sale@soccersuck.com
ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1, 2
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
แขวนสตั๊ด
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 21 Sep 2013
ตอบ: 10087
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Jun 21, 2017 16:33
[บทความ] เมื่อ"ข่าวลือ"ไม่ได้มีไว้แค่ขาย ,แล้วใครได้ประโยชน์จาก"ข่าวลือ"
****เกริ่น****
Spoil
พอดีผมไปเจอบทความน่าสนใจเกี่ยวกับเบื้องลึกเบื้องหลังของกลไกการสร้าง"ข่าวลือ"
ก็เลยเอามาแปลให้อ่านในช่วงเวลาที่ใครหลายๆคนกำลังลุ้นว่าทีมโปรดของตัวเองจะไปคว้าใครมา?
ข่าวลือต่างๆนานามีมูลความจริงมากน้อยแค่ไหน? นักข่าวนั่งเทียนเขียนข่าวหรือมันมีมูลความจริง?
กระทู้นี้แหละที่น่าจะช่วยท่านตอบคำถามเหล่านี้ หรืออย่างน้อยๆก็ช่วยเพิ่มวิจารณญานในการอ่านข่าวลือซื้อ-ขายนักเตะ  




*********** เริ่ม ****************
โดยเนื้อหาในบทความนี้จะเป็นคำสัมภาษณ์จากคน3 กลุ่ม(ซึ่งไม่เปิดเผยชื่อ)
ได้แก่ นักเตะ+เอเยนต์, นักข่าว และCEO
ในประเด็นคำถามที่ว่า


ข่าวลือมีความสำคัญอย่างไร? ใครได้ประโยชน์สูงสุดจากมัน?





**หมายเหตุ เขาสัมภาษณ์ตั้งแต่ปี 2012 ดังนั้นเหตุการณ์ถูกยกขึ้นมาก็จะเกี่ยวกับดีลที่เกิดขึ้นก่อนปี2012นะครับ

เอเยนต์ : ผมว่าข่าวลือมันน่าสนใจนะ เพราะหากคุณเชียร์ทีมเล็กๆที่โอกาสคว้าถ้วยรางวัลแทบจะเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลย
ดังนั้นการได้เห็นทีมที่คุณเชียร์พยายามคว้านักเตะดีๆมาร่วมทีมให้ได้ บางทีมันก็ให้ความรู้สึกเหมือนได้เห็นทีมประสบความสำเร็จในอะไรสักอย่างจริงๆ


นักข่าว : ความต้องการของผู้อ่านที่มีต่อข่าวลือมันไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ เมื่อคุณดูจำนวนผู้อ่านในบรรดาข่าวทั้งหมด ข่าวซื้อขายฟุตบอลคือข่าวที่คนเข้ามาอ่านมากที่สุด
แม้ว่าข่าวบางข่าวแทบหาความจริงไม่ได้เลย แต่หากมันเกี่ยวข้องกับสโมสรใหญ่ๆสักทีมแล้วล่ะก็ ข่าวนั้นจะได้รับความนิยมในทันที


นักเตะพรีเมียร์ลีก: "มันเกิดขึ้นได้อย่างไรนะเหรอ? หากผมต้องการจะย้ายทีม และหากคุณเป็นนักเตะในระดับพรีเมียร์ลีกมันก็ไม่ใช่เรื่องยากหรอกที่จะมีสักทีมมาสนใจคุณ
แต่การขอย้ายทีมมันไม่ได้ทำกันง่ายๆ แบบว่า เดินเข้าไปบอกผู้จัดการทีม พร้อมกับวางจดหมายลาออก แล้วทุกอย่างจะจบ มันไม่ง่ายแบบนั้นหรอก
ตรงนี้แหละที่ข่าวลือพวกนี้มันช่วยให้นักเตะทำตามความต้องการได้"


CEO : การขอขึ้นบัญชีย้าย เป็นสิ่งที่แย่ที่สุดที่เกิดขึ้นจากนักเตะและเอเยนต์ ทุกๆสัญญาจะมีโบนัสประจำปีสำหรับตอบแทนความภักดีในกรณีที่พวกเขาอยู่จนครบสัญญา หรือมีทีมอื่นจ่ายค่าฉีกสัญญา
แต่ถ้าหากพวกเขาขอขึ้นบัญชีย้าย พวกเขาก็จะไม่ได้รับเงินเหล่านี้ ดังนั้นบางครั้งก็เลยมีการใช้ประโยชน์จากพวกข่าวลือมาเป็นสื่อกลาง”


นักข่าว :ครึ่งหนึ่งของการทำงานของผม คือ การมองหาว่ามีนักเตะคนไหนที่ใกล้หมดสัญญา หรือดูว่าทีมไหนต้องการเสริมทัพตำแหน่งใดบ้าง เมื่อคุณเจอเป้าหมายคุณก็แค่โทรไปหาเอเยนต์ของพวกเขา ตัวอย่างเช่น
กรณีท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ส ทันทีที่พวกเขารู้ว่าต้นสังกัดของเขาพลาดตั๋วไปเล่นยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก พวกเราจะโทรศัพท์ไปหาเอเยนต์ของนักเตะอย่าง "ลูก้า โมดริค" และ "แกเรธ เบล" เพื่อถามว่าการพลาดไปเล่นยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกมีความหมายเพียงใดต่อนักเตะของคุณ
และเมื่อเอเยนต์ของพวกเขาพูดบางสิ่งบางอย่างที่กำกวมออกมา จากนั้นเราก็เอาสิ่งเหล่านี้ไปเขียนเป็นข่าว
ส่วนอีกครึ่งหนึ่งของข่าวลือ มาจากการที่เอเยนต์ของนักเตะ หรือแม้กระทั่งสโมสรเป็นคนติดต่อเข้ามาเอง


นักเตะพรีเมียร์ลีก: ผมเคยย้ายทีมมาแล้วสองสามครั้ง มีอยู่ครั้งหนึ่ง ผมได้ยินว่ามีสโมสรหนึ่งให้ความสนใจในตัวผม แต่ว่าพวกเขาไม่รู้สึกถึงวี่แววความเป็นไปได้เลย ฉะนั้นบางทีเราก็ต้องเป็นฝ่ายเดินเกมเอง
ส่วนใหญ่แล้วก็จะเริ่มด้วยการบอกกับเอเยนต์ของคุณว่า "ช่วยทำให้เป็นข่าวหน่อยซิ" หรือบางทีคุณอาจจะบอกให้เพื่อนของคุณทราบ เพื่อหวังให้เพื่อนของคุณเอาไปบอกกับเอเยนต์ของพวกเขา หรืออาจจะบอกแมวมอง หรือใครสักคนในสโมสร
คนที่มีคอนเนคชั่นกับนักข่าว เพื่อหวังให้เขาเอาไปเขียนข่าวว่า มีทีมกำลังสนใจฉันอยู่
แต่มันก็ไม่ได้ผลเสมอไปหรอกนะ ครั้งหนึ่งผมเคยบอกกับเพื่อนเกี่ยวกับความต้องการย้ายทีมของผม พอในรุ่งเช้าถัดมา บอสก็ปรี่เข้ามาหาผมและพูดว่า "เอ็งล้มเลิกความคิดที่จะย้ายออกไปได้เลย"


CEO : โลกของตลาดซื้อขายมันเป็นสิ่งที่ซับซ้อนอยู่เสมอ ผู้เล่น และเอเยนต์ หรือ แม้กระทั่่งสโมสรเองต่างพยายามสร้างข่าวเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับตัวเอง

นักเตะพรีเมียร์ลีก: ครั้งนึงเพื่อนร่วมทีมของผมมันต้องการย้ายทีม ในช่วงวันหยุดซึ่งทีมชุดใหญ่ไม่มีการซ้อมใดๆ เพื่อนของผมคนนี้มันแอบลงไปซ้อมกับทีมชุดเยาวชน
จากนั้นก็นัดแนะให้นักข่าวมาถ่ายรูปขณะซ้อม และไปกระซิบบอกนักข่าวว่าเขาถูกจับแยกซ้อมเดี่ยวจากทีมชุดใหญ่ และถูกสั่งให้ไปซ้อมร่วมกับทีมเยาวชนแทน
ภายในไม่กี่วันถัดมาเรื่องนี้ก็กลายเป็นข่าวลือไปทั่ว เพื่อนของผมคนนั้นเขามาในห้องแต่งตัว และบอกว่า "มันได้ผลหวะเพื่อน! มีทีมใหญ่จากพรีเมียร์ลีกติดต่อเข้ามาแล้ว"


นักข่าว : “บางครั้งข่าวลือบางชิ้นก็กลายเป็นข่าวดัง เพื่อนซี้ผมคนหนึ่งเป็นเพื่อนกับนักเตะพรีเมียร์ลีกที่มีชื่อเสียงและเขามักจะยิงประตูในพรีเมียร์ลีกได้อยู่บ่อยๆ
และประมาณสองสามสัปดาห์ก่อน เพื่อนมาบอกผมว่าแมนเชสเตอร์ ซิตี้สนใจเพื่อนที่เป็นนักเตะของเขา โอเคในมุมมองของผม เขาก็เป็นนักเตะที่ดีแหละ แต่ก็ไม่ได้เก่งอะไรขนาดนั้น?
ผมก็เลยสงสัยว่า ไอ้ที่บอกว่าแมนซิตี้สนใจ มันจริงรึป่าว?หรือแค่เป็นแผนปล่อยข่าวเพื่อให้ซิตี้มาคุยกับเอเยนต์ของเขา? หรือบางทีอาจแค่ต้องการเรียกทีมอื่นให้มาร่วมประมูล?
อย่างไรก็ตามข่าวลือพวกนี้มีจุดประสงค์หลักเพื่อผลักดันความต้องการของนักเตะและเอเยนต์ล้วนๆ และเมื่อไหร่ที่คุณเปิดประเด็นว่าทีมแบบซิตี้ให้ความสนใจนักเตะคนนี้อยู่
สิ่งที่ต้องทำก็แค่หวังว่าอีกสโมสรหนึ่งจะเห็นข่าวนี้ และทุกอย่างก็จะดำเนินไปด้วยตัวมันเอง






นักข่าว : วงการฟุตบอลมันก็เหมือนหมู่บ้านที่ทุกคนรู้จักกันหมด อย่างเช่น ผมเองก็จะมีรายชื่อเบอร์โทรศัพท์ของผู้จัดการทีม15-20 คน ที่ผมสามารถโทรไปคุยด้วยได้
และส่วนใหญ่แล้วพวกเขาก็มักจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในหนังสือพิมพ์หรือที่สโมสรอื่นๆ พอๆ กับที่พวกเขารู้เรื่องในทีมตัวเอง
ดังนั้นถ้าหากผมช่วยเหลือผู้จัดการทีมสักคน เขาก็มักจะตอบแทนผมด้วยการให้ข่าวเช่นกัน
ครั้งนึง เคยมีผู้จัดการทีมโทรหาผม และพูดว่า
"ฉันต้องการผู้รักษาประตูคนนี้ แต่ฉันได้ยินมาว่าเขากำลังจะย้ายไปทีมอื่น นายช่วยตามเรื่องนี้ให้ฉันหน่อยได้มั้ย?"
ผมก็ช่วยตรวจสอบให้ว่ามันจริงหรือเท็จ หลังจากผมให้ความช่วยเหลือผู้จัดการทีมคนนี้แล้ว อีกประมาณสองสามสัปดาห์เขาก็ให้ข่าวกับผมเรื่องที่ลูกทีมของเขากำลังจะย้ายออก
ซึ่งกลายเป็นว่ามันคือข่าวจริง และถือเป็นดีลที่ใหญ่มากในวงการฟุตบอลอังกฤษ


CEO : แน่นอนว่ามันได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่ายนั่นแหละ งานของเอเยนต์ก็คือการทำให้ผู้เล่นของเขาได้รับประโยชน์สูงสุด ดังนั้นการใช้สื่อมันก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง
ฝั่งสโมสรเองก็ต้องพึ่งสื่อเช่นกันในกรณีที่ต้องการซื้อนักเตะหรือขายนักเตะออกจากทีม โดยเฉพาะดีลใหญ่ๆ ส่วนมากสโมสรจะเป็นฝ่ายให้ข่าวความเคลื่อนไหวกับนักข่าว เพื่อให้สื่ออยู่ในการควบคุมของตน


นักข่าว : ตัวอย่างการย้ายทีมของ ซาเมียร์ นาสรี่ ในตอนนั้นมีสามสโมรที่ให้ความสนใจ ได้แก่ อาร์เซน่อล,แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
หนึ่งในทีมเหล่านี้ไม่ได้พยายามทำให้มันเป็นความลับ พวกเขาให้ข่าวความเคลื่อนไหวอยู่เรื่อยๆ และบอกให้นักข่าวทราบว่า การเจรจาตกลงเรียบร้อยแล้ว ประมาณสองสัปดาห์ก่อนจะมีการเซ็นสัญญากับนักเตะอย่างเป็นทางการ
แต่ขณะเดียวกันบางสโมสรก็ชอบปล่อยข่าวออกมาแล้วปรากฎว่าไม่เป็นความจริง ยกตัวอย่างเช่น เมื่อตลาดหน้าหนาวปีที่ผ่านมา สโมสรบอกผมว่าดีลดังกล่าวถูกล้มไปแล้ว แต่พอเช้าวันรุ่งขึ้นกลับประกาศเซ็นสัญญาซะงั้น
ดีลดังกล่าว ก็คือ ดีลยืมตัวเดวิด เบคแฮม ของท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ส พวกเขาให้การปฏิเสธชัดเจน แต่หลังจากนั้นสองวัน แฮรรี่ เรดแนปก็ออกมาบอกว่า "ผมดีใจที่ได้เซ็นสัญญากับเขา"
แต่ผมไม่ตำหนิ หรือถือโทษโกรธพวกเขาหรอกนะ เพราะบ่อยครั้งโฆษกประจำสโมสรก็บอกความจริงเท่าที่พวกเขารู้จริงๆ




เอเยนต์ : บางสโมสรก็ใช้วิธีปล่อยข่าวว่า เป้าหมายในตลาดซัมเมอร์ของพวกเขาเป็นใคร ตั้งแต่เดือนมีนา,เมษา ก่อนที่ตลาดจะเปิด 2-3 เดือน เพราะหากไม่รีบออกตัวก่อนก็อาจจะเสียนักเตะที่ต้องการไปให้ทีมอื่น
หนึ่งในเจ้าของสโมสรชื่อดัง ก็มักจะใช้วิธีการนี้เป็นประจำ"




CEO : ในบางกรณี เมื่อต้นสังกัดของนักเตะไม่สามารถเรียกค่าตัวได้ตามต้องการ เช่น สมมติว่าเราเรียกค่าตัวไป10ล้านยูโร แต่สโมสรที่สนใจนักเตะของเรายื่นมาแค่8ล้านยูโร กรณีแบบนี้การใช้ข่าวลือก็เป็นอีกหนึ่งวิธี
ด้วยการต่อสายตรงไปคุยกับใครสักคนในสโมสรอื่นที่ไม่ได้อยู่ในการเจรจา แล้วบอกพวกเขาว่า
"ฉันต้องการ10ล้านยูโร แต่เขาเสนอเงินมาให้แค่8ยูโร ช่วยปล่อยข่าวลือว่าจะเข้ามาร่วมเจรจา และสร้างข่าวลวงว่พร้อมยื่นค่าตัว 9 ล้านยูโรให้หน่อย"
และเมื่อไหร่ก็ตามที่มือที่สามเล่นด้วยก็มีโอกาสสูงที่คุณจะตกลงค่าตัวเท่าที่คุณตั้งเป้าไว้ตอนแรกได้สำเร็จ"



นักข่าว : เมื่อไหร่ก็ตามที่ดีลใหญ่ๆเกิดขึ้น มันเป็นเรื่องยากที่จะได้ข่าวที่ถูกต้อง อย่างเช่น ดีลการย้ายทีมของโรนัลโด้ไปมาดริด, โมริดไปเชลซี ,เฟเบรกัสไปบาร์เซโลน่า
การเจรจาจะถูกปิดเป็นความลับ เนื่องจากสโมสรเหล่านี้มักจะทำข้อตกลงกับผู้เล่นและเอเยนต์เอาไว้แล้วว่าจะไม่พูดเรื่องรายละเอียดออกสื่อ
แต่จะทำอย่างไรในเมื่อผู้อ่านต้องการทราบข่าวความเคลื่อนไหว ทางเดียวที่พอจะเป็นไปได้ คือ การไปถามคนใกล้ชิด หรีอคนวงใน อย่างเช่น เพื่อนนักเตะ หรือ เพื่อนของบอร์ดบริหาร
อย่างเช่นหนึ่งในดีลใหญ่ๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา นักเตะคนนึงได้เข้าไปหาผู้จัดการทีมที่ห้องเพื่อแจ้งว่าเขาต้องการย้ายทีม ก่อนที่เขาจะบอกอำลาเพื่อนร่วมทีม
ซึ่งผมได้ข่าวมาจากคนวงในเหล่านี้แหละ และสุดท้ายมันก็เป็นความจริง





เอเยนต์ : หน้าที่ของเอเยนต์คือการผลักดันให้เกิดดีลที่ดีที่สุดต่อตัวนักเตะ หากนักเตะในการดูแลของคุณเป็นที่ชื่นชอบของแฟนบอล คุณต้องหาวิธีที่จะเพิ่มค่าเหนื่อยให้นักเตะของคุณโดยที่ไม่ต้องย้ายออกจากทีม
วิธีการก็คือ คุณอาจเปิดโอกาสให้นักข่าวเข้ามาสัมภาษณ์นักเตะของคุณ แล้วให้นักเตะพูดบางอย่าง เช่น "เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมที่ได้รับความสนใจจากยอดทีมอย่างสโมสรX แต่ตอนนี้ผมมีสัญญาอยู่กับสโมสรY และผมก็รักสโมสรYแห่งนี้ และมันน่าผิดหวังที่พวกเขาไม่ได้แสดงความพยายามอะไรในการรั้งตัวผมไว้เลย"
เพียงเท่านี้ แฟนบอลท้องถิ่นก็จะหันไปด่าสโมสร จากนั้นไม่นานสัญญาฉบับใหม่ก็จะมากองอยู่ตรงหน้า



นักข่าว : หากคุณมองย้อนกลับไปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเวย์น รูนนีย์ กรณีนี้คนต่างเข้าใจกันไปว่า รูนนีย์พยายามที่จะเรียกร้องให้อัพค่าเหนื่อยเพิ่ม โดยในตอนนั้นมีการให้ข่าวออกมาว่าเหตุผลที่เจ้าตัวต้องการย้ายออกจากทีมเพราะสโมสรขาดความทะเยอะทะยาน แต่แท้ที่จริงแล้วมันไม่ใช่แบบนั้นเลย
เฟอร์กี้นั่นแหละที่พยายามใช้รูนนีย์เป็นเครื่องมือในการกดดันบอร์ดบริหาร นักเตะไม่ได้มีการร้องขอขึ้นบัญชีย้ายอย่างที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด มันเป็นเกมของเฟอร์กี้ที่ต้องการร้องขอให้บอร์ดบริหารยอมทุ่มเงินในตลาดนักเตะให้มากกว่านี้
และดูเหมือนว่ามันจะได้ผล ตระกูลเกลเซอร์ออกมาให้สัญญากับแฟนบอลว่า สโมสรจะทุ่มเงินซื้อนักเตะ และพวกเขาก็ทำตามสัญญาจริงๆ นับแต่นั้นยูไนเต็ดก็กลายเป็นทีมจอมทุ่มอย่างที่เราเห็นทุกวันนี้"





เอเยนต์ : แน่นอน บางเรื่องมันไม่ใช่ความจริงทั้งหมด บางครั้งนักเตะอาจจะให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่า คุณต้องการต่อสัญญากับสโมสร หรือกำลังรอสัญญาฉบับใหม่
แต่ในความจริงแล้ว นักเตะคนนั้นอาจจะอยากย้ายทีมจนตัวสั่น การให้สัมภาษณ์ไปแบบนั้นมันก็เป็นเหมือนการส่งสัญญาณไปยังสโมสรอื่นๆให้ติดต่อเข้ามาในช่วงที่สัญญาใกล้จะหมด


นักข่าว : ส่วนที่ยากที่สุดของการเป็นนักข่าว คือ คุณต้องแยกให้ออกว่าสิ่งที่ไหนจริง สิ่งไหนลวง เพราะมันมีเอเยนต์น้อยคนมากๆ ที่คุณจะสามารถเชื่อและรับฟังพวกเขาได้
การกุเรื่องโกหกเพื่อรักษาผลประโยชน์ มันคือวัฒนธรรมการทำงานของพวกเขา ฉะนั้นผมจะพยายามที่จะไม่เชื่อประมาณ70เปอร์เซ็นของสิ่งที่ได้ยินมา


CEO : บรรดาเอเยนต์ ชอบทำให้มีหลายๆสโมสรมาประมูลตัวนักเตะของพวกเขา แต่มันก็ไม่เยอะเท่าสิ่งที่เกิดขึ้นบนหน้าหนังสือพิมพ์หรอกนะ
เราเรียกมันว่า "กฏสามข้อ" (rule of three) ที่ประกอบด้วยสามสโมสรที่เอเยนต์พยายามสร้างมันขึ้นมา
ข้อแรก คือ สโมสรที่ให้ความสนใจนักเตะจริงๆ , ข้อสอง คือ สโมสรที่นักเตะและเอเยนต์สต้องการให้พวกเขาหันมาสนใจ และข้อสาม ก็คือ สโมสรที่ไม่มูลความจริงอยู่เลย แต่ถูกแต่งขึ้นเพื่อให้องค์ประกอบมันครบถ้วน


นักข่าว : มันไม่เสมอไปหรอกนะว่านักเตะจะเป็นฝ่ายกุข่าวขึ้นมาเอง อย่างเมื่อปีที่แล้ว ผมได้ยินมาว่า "เจอร์เมน เดโฟ" ตกเป็นเป้าหมายของซันเดอร์แลนด์ ไม่กี่วันต่อมาผมก็ได้มีโอกาสไปสัมภาษณ์เดโฟ
ผมถามเขาว่า "มันเป็นความจริงรึเปล่าที่คุณจะย้ายไปเล่นให้กับซันเดอร์แลนด์" เขาตอบกลับมาว่า "ฉันไม่รู้หรอก บางทีนักเตะก็เป็นคนสุดท้ายที่รู้เรื่องนี้ จู่ๆอาจจะมีใครสักคนโทรมาแล้วพูดว่า ยินดีด้วย!นายจะได้ย้ายไปเล่นที่นั่น"


CEO : มีอยู่ดีลนึงที่น่าจะพอยกมาเป็นตัวอย่างได้ มันมีข่าวลือว่า นักเตะคนนึงมีข่าวเชื่อมโยงกับสโมสรหนึ่ง แล้วต่อมาเข้าก็เซ็นสัญญากันจริงๆ
แต่ผมรู้มาว่ามีอีกสโมสรหนึ่งที่ยื่นค่าเหนื่อยให้เขาได้มากกว่า แต่สุดท้ายสโมสรนั้นก็ไม่ได้นักเตะคนนี้ไปครอง กรณีแบบนี้ผมคิดว่า อาจจะเป็นเพราะว่าเรื่องนี้มันไม่ได้ออกสื่อ ส่งผลให้นักเตะไม่รู้ว่ามีข้อเสนอที่ดีกว่าเข้ามา
มันมีความเป็นไปได้ว่า เอเยนต์อาจจะได้รับค่านายหน้าจากสโมสรแรกมากกว่า และพยายามปกปิดเรื่องที่มีข้อเสนอจากสโมสรอื่นไม่ให้นักเตะทราบ
มันคือเกมการซื้อขายแหละนะ บางครั้งเอเยนต์ก็ไม่ได้ทำเพื่อนักเตะตัวเองเสมอไป แต่เขาทำเพื่อผลประโยนชน์ของตัวเอง



นักข่าว : งานด้านเขียนข่าวลือการซื้อขายนักเตะ มันเริ่มมีความกดดันมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน เพราะเดี๋ยวนี้มันมีเว็บไซต์ที่คอยเก็บสถิติว่า ข่าวไหนจริง ข่าวไหนเท็จ
ผมว่ามันไม่ค่อยแฟร์สำหรับนักข่าวอย่างเราๆ เพราะบางดีลมันมีการยื่นข้อเสนอจริง มีการเจรจาจริง แต่สุดท้ายดีลก็ล่ม ตัวอย่งเช่น ดีลของเชลซีกับโมดริด
ถามว่าเชลซีสนใจโมดริดจริงไหม? ผมบอกได้เลยว่าพวกเขาสนใจจริง แต่สุดท้ายดีลดังกล่าวก็ไม่เกิดขึ้น
อีกตัวอย่างนึง มันมีข่าวลือเกี่ยวกับการแลกตัวระหว่างแอนดี้ แคร์โรลล์กับคารอส เตเบซ ซึ่งเคนนี่ ดัลกลิชออกมาปฏิเสธเกี่ยวกับเรื่องนี้
โอเค ผมจะไม่พูดเกี่ยวกับสิ่งที่ดัลกลิชรู้มาหรอกนะ(เพราะบางทีเขาก็พูดแค่สิ่งที่เขารู้) ผมรู้มาว่ามันมีการพูดคุยกันระหว่างสองสโมสรจริงๆ และผมเองก็เชื่อว่านักเตะเองก็รู้เรื่องนี้ด้วย
เรื่องจริงที่ผมได้รู้มา และเขียนลงไปในข่าว มันก็จะกลายเป็นข่าวที่ไม่น่าเชื่อถือในทันทีเมื่อดีลมันไม่เกิดขึ้นจริง
การทำข่าวพวกนี้อาจจะมีคนคิดว่าง่าย แต่เบื้องหลังนั้นมันยากกว่าที่ใครๆ คิดเยอะ





นักข่าว : ผมโมโหมากเลยนะ เวลาที่มีใครสักคนทวีตว่า ข่าวที่เรานำเสนอออกไปไม่เป็นความจริง พวกเขาพูดราวกับว่าพวกเขารู้ดีไปกว่านักข่าวอย่างงั้นแหละ!


CEO : หากคนอเมริกา คลั่งไคล้เบสบอล อังกฤษเองก็มีช่วงตลาดซื้อขายนักเตะนี่แหละ ที่ทุกคนติดตามมากว่าตอนแข่งขันจริงเสียอีก


------ จบ----------
ขอให้มีความสุขกับการอ่านข่าว

ก็หวังว่ามันจะเกิดประโยชน์ต่อท่านผู้อ่านไม่มากก็น้อย
หากข้อมูลผิด หรือแปลผิดก็ขออภยัมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ





ที่มา : แปลจาก https://www.fourfourtwo.com/features/truth-behind-transfer-window-rumour-mill-those-know

107
0
หากโดน 182 เรื้อน จะถูกแบน
yoichi , PrisonBreakz , Son Of Darkness , Babybright , Gnot , NOOMID , Butter Salmon , 12ooney8 , nobikung , TumIndy , Arttillo , เฮียแปะ , El Nino |2itKunG , Liverpool @ CNX , Nakhal , Crucial , RainDrop , อิไซกูนิ , เจ้าพ่อปักกิ่ง , ojama55 , toroking , tongmadrid , สุดยอดครับทุกท่าน , kidyhero , taMoN , Prince of white , twentynine , compresso , Optimus Prime , SuperMonkey , Contingency , [O]ISHITA[N] , santaJL , toeyza , หลังสน , SZlatanX , METRONOME , Kuronek0 , YouWe , Legend18 , lexjonathan , sungkabuay , BECKHAM1983 , iboommm , Sir_Hadis , amokachi , mazzo the returner , manchesterss , gatunyou , united33 , ลื่น , Edward Woodward , เซย์มายเนม , Vandalize , MaiMee1DonBan , StartCPE , giggscii , izonteen , live_on_evil , sorrysorry03 , Vincent Sephiroth , kazeya , El tiburón , ballsaxmanbegins , Canizarros , Berbaroon666 , Minion-United , เรียกกูว่าสิงห์ใหญ่ , motoman , TXI , Sahachart , Creamoneq'x , MANCUNIENX , PlayMaKerZ , ริค ไกรมส์ , lenmaileak , aric_reds , ป้าๆเพิ่มข้าว , อู๊ดจู๊ด , ผู้ชายหลั่นล้า , fw_converse , noneluck , bnh , Eigthbit , XiuXiu_eiei , Impure_Tn , boat_sohappy , pg-yuki , เจษฎาภร ผลดี , i3illionaire , you99_99 , Sheva 07 Legend , inookz07 , กุ๊กกุ๊กกู๋ , ก่อกองทราย , No.7 , FaBFouR , Gygee , หล่ออย่างเซียน , screwdriver , บอกกูเถอะ , tHecH@mp , vangaal , hugball , A1RSTYLE , Thrash_Til_Death , pom_iamtoto
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
ออฟไลน์
ผู้เยี่ยมชม
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 31 Jan 2014
ตอบ: 7963
ที่อยู่: OLD TRAFFORD
โพสเมื่อ: Wed Jun 21, 2017 16:38
ถูกแบนแล้ว
[RE: [บทความ] เมื่อ"ข่าวลือ"ไม่ได้มีไว้แค่ขาย ,แล้วใครได้ประโยชน์จาก"ข่าวลือ"]
สาระครับ
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ซุปตาร์ยูโร
Status: Hungry For Glory
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 27 May 2010
ตอบ: 21771
ที่อยู่: ฺฺ [ stadio olimpico ]
โพสเมื่อ: Wed Jun 21, 2017 16:47
[RE: [บทความ] เมื่อ"ข่าวลือ"ไม่ได้มีไว้แค่ขาย ,แล้วใครได้ประโยชน์จาก"ข่าวลือ"]
แผล่บให้ครับ สาระดีๆ
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน


ออฟไลน์
แขวนสตั๊ด
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 21 Sep 2013
ตอบ: 10087
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Jun 21, 2017 16:59
[RE: [บทความ] เมื่อ"ข่าวลือ"ไม่ได้มีไว้แค่ขาย ,แล้วใครได้ประโยชน์จาก"ข่าวลือ"]
ใครที่ขี้เกียจอ่าน อย่างน้อยข้ามไปอ่านแค่ประเด็นของรูนนีย์ก็ได้ครับ
ผมว่ามีหลายคนมากเลยนะที่เข้าใจมันผิด สงสารมัน โดนด่ามาจนถึงทุกวันนี้
แก้ไขล่าสุดโดย Famelaini เมื่อ Wed Jun 21, 2017 17:04, ทั้งหมด 1 ครั้ง
3
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอล ดิวิชั่น 1
Status: ลูกเขย มูริญโญ่
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 08 Oct 2013
ตอบ: 5214
ที่อยู่: บ้านมูริญโญ่
โพสเมื่อ: Wed Jun 21, 2017 17:05
[บทความ] เมื่อ"ข่าวลือ"ไม่ได้มีไว้แค่ขาย ,แล้วใครได้ประโยชน์จาก"ข่าวลือ"
เกมของเฟอร์กี้จริงรึเปล่านั่น ถ้าจริงนี่แบบเฟอร์กี้มาอย่างเหนือ โดยที่คราบเลือดไม่เปรอะตัวเองเลยล่ะ


เทพจริง
โพสต์บนแอป Soccersuck บน Android
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

via GIPHY


ยินดีเป็นเพื่อนและแลกเปลี่ยนทัศนะกับทุกคนทุกทีมนะครับ แอดมาได้เลยครับ
ส่วนตัวเป็นติ่งพ่อมู เชียร์แมนยู และ ชอบบิลเบา
ออฟไลน์
ซุปตาร์ยูโร
Status: Once a Foal, always a Foal ❤
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Jul 2014
ตอบ: 9955
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Jun 21, 2017 17:12
[RE: [บทความ] เมื่อ"ข่าวลือ"ไม่ได้มีไว้แค่ขาย ,แล้วใครได้ประโยชน์จาก"ข่าวลือ"]
อันนี้ฮา

ครั้งหนึ่งผมเคยบอกกับเพื่อนเกี่ยวกับความต้องการย้ายทีมของผม พอในรุ่งเช้าถัดมา บอสก็ปรี่เข้ามาหาผมและพูดว่า "เอ็งล้มเลิกความคิดที่จะย้ายออกไปได้เลย"

ส่วนอันนี้บางทีก็เจ้าแผนการไป สงสารทีมเหมือนกันนะ อยากรู้เลยว่าใคร

นักเตะพรีเมียร์ลีก: ครั้งนึงเพื่อนร่วมทีมของผมมันต้องการย้ายทีม ในช่วงวันหยุดซึ่งทีมชุดใหญ่ไม่มีการซ้อมใดๆ เพื่อนของผมคนนี้มันแอบลงไปซ้อมกับทีมชุดเยาวชน
จากนั้นก็นัดแนะให้นักข่าวมาถ่ายรูปขณะซ้อม และไปกระซิบบอกนักข่าวว่าเขาถูกจับแยกซ้อมเดี่ยวจากทีมชุดใหญ่ และถูกสั่งให้ไปซ้อมร่วมกับทีมเยาวชนแทน
ภายในไม่กี่วันถัดมาเรื่องนี้ก็กลายเป็นข่าวลือไปทั่ว เพื่อนของผมคนนั้นเขามาในห้องแต่งตัว และบอกว่า "มันได้ผลหวะเพื่อน! มีทีมใหญ่จากพรีเมียร์ลีกติดต่อเข้ามาแล้ว"


อันนี้ก็สงสัยว่าดีลของใครอะ

หลังจากผมให้ความช่วยเหลือผู้จัดการทีมคนนี้แล้ว อีกประมาณสองสามสัปดาห์เขาก็ให้ข่าวกับผมเรื่องที่ลูกทีมของเขากำลังจะย้ายออก ซึ่งกลายเป็นว่ามันคือข่าวจริง และถือเป็นดีลที่ใหญ่มากในวงการฟุตบอลอังกฤษ

อ่านสนุกดีค่ะ จะว่าไปมันก็เหมือนพวกลูกเล่นทางคำพูดเนาะ
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวเตะพรีเมียร์ลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 13 Jul 2008
ตอบ: 11146
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Jun 21, 2017 17:14
[RE: [บทความ] เมื่อ"ข่าวลือ"ไม่ได้มีไว้แค่ขาย ,แล้วใครได้ประโยชน์จาก"ข่าวลือ"]
ข่าวลือมันเป็นกลไกครับ ในการตลาดทั้งหมด มีแต่พวกเราชาวบ้านนี่ละครับมานั่งด่ากันเอง ผมยังติดหูอยู่เลย เรื่อง เด เกอา โดนด่าเละมาหลายปี ยันมาข่าวลือโมราตา บอกค่าตัวสำรองแพงกว่าโกลมือ 1 ไอ่เราก็หงุดหงิด มีนาบาสอยู่แล้ว เข้าใจอารมคนอ่านข่าวจริงๆ มันขัดใจ
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ซุปตาร์โอลิมปิก
Status: @_@
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Sep 2010
ตอบ: 12520
ที่อยู่: แคร์ริงตัน
โพสเมื่อ: Wed Jun 21, 2017 17:16
[บทความ] เมื่อ"ข่าวลือ"ไม่ได้มีไว้แค่ขาย ,แล้วใครได้ประโยชน์จาก"ข่าวลือ"
แปลว่าข่าวๆที่ออกมาก้อเปนแค่เกมของคนในวงการ ลับลวงพรางกว่าที่เราคิดเยอะ
โพสต์บนแอป Soccersuck บน Android
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ค.
Status: - ยิ่งชนะยิ่งเชียร์ ยิ่งแพ้ ก็ยิ่งต้องเชียร์ " ..
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 30 Oct 2014
ตอบ: 1408
ที่อยู่: Old Trafford Manchester
โพสเมื่อ: Wed Jun 21, 2017 17:17
[RE: [บทความ] เมื่อ"ข่าวลือ"ไม่ได้มีไว้แค่ขาย ,แล้วใครได้ประโยชน์จาก"ข่าวลือ"]
เยี่ยมมากครับ เอาไว้มาอ่านเพลินๆ
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน


Grory Grory Man United
ออนไลน์
ผู้ช่วยแมวมอง
Status: 誰でも人生を享受する権利を持っている…
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 47103
ที่อยู่: Forbidden Siren
โพสเมื่อ: Wed Jun 21, 2017 17:17
[RE: [บทความ] เมื่อ"ข่าวลือ"ไม่ได้มีไว้แค่ขาย ,แล้วใครได้ประโยชน์จาก"ข่าวลือ"]
หมูโดนด่าฟรีมาหลายปีหรอ ฮ่าๆๆๆ
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
1yZGZS.png
ออฟไลน์
นักบอลลีกภูมิภาค
Status: ชมรมคนรักเมีย
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 10 Apr 2015
ตอบ: 2745
ที่อยู่: ห้องขังหมายเลข 7
โพสเมื่อ: Wed Jun 21, 2017 17:18
[RE: [บทความ] เมื่อ"ข่าวลือ"ไม่ได้มีไว้แค่ขาย ,แล้วใครได้ประโยชน์จาก"ข่าวลือ"]
Famelaini พิมพ์ว่า:
ใครที่ขี้เกียจอ่าน อย่างน้อยข้ามไปอ่านแค่ประเด็นของรูนนีย์ก็ได้ครับ
ผมว่ามีหลายคนมากเลยนะที่เข้าใจมันผิด สงสารมัน โดนด่ามาจนถึงทุกวันนี้  


ถือว่าเป็นเเนวความคิดใหม่เลย ผมเพิ่งเคยได้ยินถือว่าน่าสนใจ

เเต่ผมสงสัย ว่ามันอาจจะไม่จริงก็ได้นะเพราะ
ถ้าใครเคยอ่านหนังสือเฟอร์กี้ที่ออกมา ป๋าเคยเขียนไว้ว่า
ตอนที่รูนีย์ได้สัญญาสองเเสนปอนด์ต่อสัปดาห์ในปี2010 อันเนื่องมาจาก รูนีย์มาขอขึ้นบัญชีย้ายจริงๆเพราะอยากได้ค่าจ้างที่สูงขึ้น. ซึ่งป๋าไม่เห็นด้วยว่ารูนควรจะได้เงินค่าจ้างมากกว่านั้น โดยบอกว่าไม่ควรมีนักเตะคนใดได้ค่าจ้างมากกว่าเขาที่เป็นโค้ช เเค่ทางเกลเซอร์บอกว่ามันไม่มีทางเลือก ก็เลยต้องต่อ

ป๋าพูดว่า"“I told them I did not think it fair that Rooney should earn twice what I made and Joel Glazer immediately said: ‘I totally agree with you but what should we do?’

“It was simple. We just agreed no player should be paid more than me.


2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวเตะพรีเมียร์ลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Aug 2016
ตอบ: 9273
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Jun 21, 2017 17:18
[RE: [บทความ] เมื่อ"ข่าวลือ"ไม่ได้มีไว้แค่ขาย ,แล้วใครได้ประโยชน์จาก"ข่าวลือ"]
เคสตอสค้าตอนปีใหม่ เผลอๆสโมสรนี่แหละเล่นเอง
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
แข้งเจลีก
Status: Love me love United.
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 03 Nov 2014
ตอบ: 2690
ที่อยู่: ลำปาง
โพสเมื่อ: Wed Jun 21, 2017 17:37
[RE: [บทความ] เมื่อ"ข่าวลือ"ไม่ได้มีไว้แค่ขาย ,แล้วใครได้ประโยชน์จาก"ข่าวลือ"]
สุดยอดครับ

1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ผู้เยี่ยมชม
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 May 2014
ตอบ: 6930
ที่อยู่: ใต้ตูดโอลแท็ฟฟอร์ด
โพสเมื่อ: Wed Jun 21, 2017 17:38
ถูกแบนแล้ว
[RE: [บทความ] เมื่อ"ข่าวลือ"ไม่ได้มีไว้แค่ขาย ,แล้วใครได้ประโยชน์จาก"ข่าวลือ"]
เรื่องรูนี่ถึงต่อจะให้บอกว่าไม่ได้อยากย้าย แต่เงินค่าจ้างที่ได้รับไปนี่มันก็โอเวอร์เกินจริง อยากทำเพื่อสโมสรจริง รับไปซัก 2 แสนก็โคตรเยอะแล้วเวลาแบบนั้น

อะไรที่นักข่าวเขียนสมมติคนที่ชอบจะเขียนยังไงก็ได้เพื่อให้ดูดี แต่คนที่ไม่ชอบเขียนให้ดูแย่แค่ไหนก็ได้

แล้วก็ไม่ได้มีอะไรมาการันตรีเลยว่า สิ่งที่นักข่าวเขียนจะสามารถเชื่อถือได้ทั้งหมด เพราะไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเจ้าตัว

เนื้อหาบอกไม่ได้อยากย้ายไม่ได้มีปัญหากับป๋า แต่สิ่งที่เห็น ณ ตอนนั้นคือป๋าเริ่มดร็อปรูนี่จากฟอร์มที่ไม่คงเส้นคงวาแล้ว แล้วจะมาพูดว่าเจ้าตัวไม่ได้อยากย้อยได้ยังไง

ตอนนั้นรูนี่เริ่มรับไม่ได้กับบทบาทสำรองมากกว่า พอโดนเปลี่ยนก็ไม่พอใจ ทั้งที่ฟอร์มมันพึ่งไม่ได้แล้ว
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
แขวนสตั๊ด
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 21 Sep 2013
ตอบ: 10087
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Jun 21, 2017 17:41
[RE: [บทความ] เมื่อ"ข่าวลือ"ไม่ได้มีไว้แค่ขาย ,แล้วใครได้ประโยชน์จาก"ข่าวลือ"]
เฮียแปะ พิมพ์ว่า:
Famelaini พิมพ์ว่า:
ใครที่ขี้เกียจอ่าน อย่างน้อยข้ามไปอ่านแค่ประเด็นของรูนนีย์ก็ได้ครับ
ผมว่ามีหลายคนมากเลยนะที่เข้าใจมันผิด สงสารมัน โดนด่ามาจนถึงทุกวันนี้  


ถือว่าเป็นเเนวความคิดใหม่เลย ผมเพิ่งเคยได้ยินถือว่าน่าสนใจ

เเต่ผมสงสัย ว่ามันอาจจะไม่จริงก็ได้นะเพราะ
ถ้าใครเคยอ่านหนังสือเฟอร์กี้ที่ออกมา ป๋าเคยเขียนไว้ว่า
ตอนที่รูนีย์ได้สัญญาสองเเสนปอนด์ต่อสัปดาห์ในปี2010 อันเนื่องมาจาก รูนีย์มาขอขึ้นบัญชีย้ายจริงๆเพราะอยากได้ค่าจ้างที่สูงขึ้น. ซึ่งป๋าไม่เห็นด้วยว่ารูนควรจะได้เงินค่าจ้างมากกว่านั้น โดยบอกว่าไม่ควรมีนักเตะคนใดได้ค่าจ้างมากกว่าเขาที่เป็นโค้ช เเค่ทางเกลเซอร์บอกว่ามันไม่มีทางเลือก ก็เลยต้องต่อ

ป๋าพูดว่า"“I told them I did not think it fair that Rooney should earn twice what I made and Joel Glazer immediately said: ‘I totally agree with you but what should we do?’

“It was simple. We just agreed no player should be paid more than me.


 


ประเด็นนี้มันยากที่จะพิสูจน์จริงๆครับ เราเองก็ไม่รู้ว่านักข่าวคนนี้ไปรู้อะไรมา
แต่ความรู้สึกแรกที่ผมได้อ่านที่นักข่าวคนนี้ให้สัมภาษณ์แล้วลองมาย้อนดูเหตุการณ์ในตอนนั้นมันก็มีส่วนที่พอจะเป็นไปได้
ข่าวเก่าๆในตอนนั้น เช่น รูนนีย์ ยืนยันไม่เคยขอขึ้นบัญชีย้าย (แต่ก็เคยมีปากเสียงกับเซอร์จริง)
http://www.siamsport.co.th/football/premierleague/view.php?code=150929161956

แล้วก็มาประเด็นที่ สโมสรขาดความทะเยอทะยาน มันก็มีข่าวลักษณะแบบนี้ออกมาจริงๆ
รูนถูกจวกว่าดูถูกเพื่อนร่วมทีม
http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/101022_177.html

องค์ประกอบเหล่านี้ทำผมเกือบเชื่ออยู่เหมือนกัน ยังไงก็ขอบคุณมากนะครับสำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูล

ส่วนเรื่องอันไหนคือความจริง อันนี้ให้คนอ่านไปตัดสินเอาเองดีกว่าครับ
ผมขอเป็นแค่ผู้แปล ก็พอ ฮาาาาาาา






3
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1, 2
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel