สวัสดีครับ วันนี้เอารีวิวเทียวมาแบ่งปัน ปกติผมก็อ่านๆ อย่างเดียว 10 กว่าปี มีแค่ 20 โพส 555 ผมเคยมาเขียนรีวิวที่ soccersuck ไว้ครั้งหนึ่ง ตอนเที่ยวเวียดนามประมาน 6-7 ปีที่แล้ว ตอนนั้นยังไม่มีเมียและลูก (แต่แฟนที่ไปด้วยก็เมียปัจจุบันล่ะครับ)
http://www.soccersuck.com/boards/topic/961250
หลังจากนั้นก็ไม่เคยเขียนอะไรอีกเลย เมื่อคืนตอนรอดูบอล ผมก็พอจะมีเวลาว่าง ก็เลยเขียนแล้วไปโพสพันทิปเป็นครั้งแรกของตัวเอง ก็ไม่คิดอะไร แค่เขียนรีวิวท่องเที่ยวธรรมดา มาวันนี้ตอนเที่ยงน้องส่งมาให้ดูว่า พันทิปเอารีวิวผมเป็น Pantip Pick แชร์ใน facebook ก็เลยขอถือโอกาสเอามาแบ่งปัน สำหรับใครที่อยากถ่าย selfie กับแฟนหรือครอบครัว เวลาเที่ยวนะครับ
คามลิ้งนี้ครับ
https://pantip.com/topic/36414504
ฝากติดตามที่
Facebook.com/NotAloneDad ครับ
#พาลูกเมียเที่ยว #Notalonedad
เป็นกระทู้แรกที่เขียนในพันทิป ปกติเป็นคนไม่ชอบเขียน จะเขียนแค่ตอนสอบกับวิทยานิพนธ์เท่านั้น 55 คิดชื่อกระทู้ก็คิดไม่ออก เอาง่ายๆ “พาลูกเมียเที่ยว” ครับ ตอนแรกว่าจะตั้งกระทู้แชร์ประสบการณ์พา เมีย 1 ลูก 1 เที่ยว
แต่สิ่งที่ผมอยากทำที่สุด นอกเหนือจากการแนะนำวิธีพาลูกเล็กเที่ยว คือหาคุณพ่อคุณแม่แนวร่วม
ที่คิดว่า "เราซื้อกล้องมา เพื่อถ่ายลูก หรือรูปครอบครัว แต่ดันไม่มีรูปเราในนั้น จะทำยังไงดี ???"
คือแบบว่า มันดูภาพแล้วแบบ เซงๆ ครับ เห็นลูกเมียในภาพมีความสุขก็ดีอยู่หรอก แต่เหมือนไม่มีเราในนั้น ครอบครัวก็ไม่สมบูรณ์สิ
เลยเป็นที่มาของ concept พ่อจะไม่ยอมโดดเดี่ยว (อยู่นอกเฟรม) พร้อมกับการเริ่มถ่ายรูป เล่นกล้อง ซื้ออุปกรณ์ เลนส์งอก งบบาน ครับ 5555
เกริ่นก่อนเลย ตัวผมเนี่ยเป็นคุณพ่อ เหมือนพ่อคนอื่นๆ ไม่ได้เล่นกล้อง ไม่ได้ถ่ายรูป ไม่ชอบถ่ายวิว (มาสายนิติศาสตร์ ด้านศิลปนี่ค่อนข้างห่างไกล 55) เวลาภรรยามาขอเซลฟี่ ก็ขี้เกียจถ่าย จะให้ถ่ายภรรยา ไม่ถูกใจก็โดนว่า T_T เอาจริงๆ ว่าขนาดจะออกไปเที่ยววันหยุด นี่ยังไม่อยากออกเลยครับ เพราะแค่ทำงาน กับเลี้ยงลูกก็เหนื่อยแล้วครับ ฉะนั้นเรื่องถ่ายรูปนี่ขอบาย แต่หลังจากมีลูกนี่ชีวิตเปลี่ยนนนนน แบบว่า ถ้าลูกอยู่ในรูปด้วยแล้วเนี่ย ไม่ว่าจะถ่ายภาพอะไรก็ดูสวยไปหมด 55555 (ลูกใคร ใครก็รักนี่เรื่องจริงมาก)
ก่อนลูกเกิด (2015) คุณแม่บอกผมให้ซื้อกล้อง จะถ่ายรูปลูกเก็บไว้ เพราะแป๊ปๆ เดี๋ยวก็โต แม้เมียจะใหญ่ในบ้าน แต่ด้วยความงก เลยค้านคำสั่ง ผบ. ไป คิดในใจ "มือถือก็ถ่ายได้" จะอะไรมากมายอีกตั้งนานกว่าจะโต
แต่เอาเข้าจริงหลังลูกเกิด ไม่ว่าอยู่บ้าน หรือไปเที่ยวรู้สึกว่าภาพมันไม่สวยเหมือนที่เห็นคนอื่นๆ เค้าถ่าย กัน
ที่สำคัญยังรู้สึกว่าภาพดูน่าเบื่อ เพราะมันดูแล้วซ้ำๆ มีแต่ภาพออกแนว selfie แล้วก็ไม่ค่อยชัด
ตัวอย่าง
ผ่านมา 6 เดือน แทบไม่มีภาพลูกชัดๆ สวยๆ เหมือนที่คนเห่อลูกใน facebook เค้าโพสกันเลย (ว่าเค้าเห่อ เราก็เห่อ 55)
ช่วงนั้นเข้าช่วงเดือนเกิดผมพอดี ภรรยาเลยถือโอกาส (แกมบังคับ) จะซื้อกล้องให้เป็นของขวัญ ก็ fight กันนานมาก
เพราะอะไร?? เพราะผมอยากประหยัด จะซื้อ Sony RX100 I มือสอง ตัวเดียว เพราะตัวเล็ก พกง่าย และงบจะได้ไม่บานปลาย
... แต่ภรรยาบอกสำคัญที่สุดต้องถ่ายคุณเธอให้ "สวย" ไม่งั้นไม่ต้องซื้อ !!!! O_O
ตายละ.. ผมก็ไปหาข้อมูลเพิ่ม กล้องอะไรถ่ายผู้หญิงสวย ค้นจนไปเจอตากล้อง street ชื่อ Sartorealist แล้วเอาภาพให้ภรรยาดู ภรรยาบอกชอบมาก ไปซื้อเลนส์แบบนี้มา ผมก็ไปถามอากู๋ ดู forum ที่ฝรั่งคุยกันว่าไอตากล้องนี่ใช้อุปกรณ์อะไร ผลที่ได้คือ Canon 85 1.2 ii ครับ เห็นราคาแล้วถอยเลย !!!
ตัวอย่างภาพของ Sartolialist
เลยไปทำการบ้าน บอกภรรยา ไอตากล้องคนนี้มันใช้เลนส์นี้ แต่เราหาใกล้เคียงกัน 85 1.8 ได้ ถูกกว่าเยอะ แถมเอาภาพเปรียบเทียบให้ภรรยาดูแล้วสุ่มทายว่าทายถูกมั้ย... แหม่ ภรรยาทายผิดหมดครับ แยกไม่ออกระหว่างเลนส์ทั้งสองตัว แต่เมื่อเป็นภรรยาแล้ว ก็ไม่ต้องสนใจ “เหตุผล” อะไรทั้งนั้น ด้วยเหตุผลที่ว่า “ถ้าซื้อมาถูกกว่าถ่ายแล้วไม่สวย โกรธนะ” ... อับจนหนทางไม่รู้จะทำยังไง ตากล้องมือใหม่อย่างผมเลย สอย SONY A7ii + Canon 85 1.2 ii + 28 f2 มาด้วยราคาที่ต้องอุบอิบภรรยาไปอีกนาน 555
เอาละครับ จากคุณพ่อไม่เล่นกล้อง ใช้มือถือ LG G2 จอแตกๆ ตอนนั้น อัพเวล ขึ้นมาเป็น Sony A7ii กับเลนส์ Portrait สุดเทพ แล้วก็เลยวางทริปเที่ยวกันก่อนเลย ตอนนั้นวางทริปแรกพาลูก "8 เดือน" ไปดู northern light ที่ ICELAND ก่อนเลย (โหดมาก) ก็เลยต้องจัดเลนส์ไวด์ไวแสง เพิ่มอีกตัวตามที่พี่ๆ ในพันทิปแนะนำ ตอนนั้นอยากประหยัด ก็ได้ samyang 14mm 2.8 มาทดลองใช้ครับ
ช่วงนั้น ผมอยู่นิวคาสเซิล uk (ไปเรียน Durham) ต้องเลือกเข้าไปทำวีซ่าที่ London หรือ edinburgh แต่เพราะความสะเพร่า นัดคิวที่ edinburgh ไว้ แต่เอกสารไม่ครบ เลยต้องไปลอนดอนอีกรอบ ตอนนั้นเลยเกิด 2 ทริป edinburgh & London ขึ้น ตะลอนทัวร์กัน พาไปสวนสัตว์ ไปนู่นนี่นั่น รูปออกมาหลากหลาย ดูมีเสน่ห์ คมชัด ขึ้นเป็นกอง
EDINBURGH
เข้าชมปราสาทสักอย่างครับ จำชื่อไม่ได้
ถ่ายกับตู้โทรศัพท์แดงสักนิด
เลนส์ wide สักนิด ให้เห็นขาคุณพ่อสักหน่อย จะได้ครบครอบครัว
LONDON
เห็นภาพนี้แล้ว บอกเลยนี่แหละแม่ของลูก
เอ้าดูๆ เพนกวิน ใน london zoo
รับลมหนาวกับ big ben จำได้ ฝนตกปรอยๆ หนาวจริงๆ
.... แต่.......
อย่างที่บอกตอนแรกครับ รู้สึกยังไงบอกไม่ถูก มีแต่รูป เมียกับลูก "แต่ไม่มีรูปพ่อ" ....แล้วมันจะเป็นรูปครอบครัวได้ยังไง????????
ผมนี่บอกเลยรู้สึกเคืองมาก ขอบอก.... แบบว่าดูรูปเมียกับลูกมันก็น่ารักดีอ่ะครับ แต่แบบ .....อือออออ
ไม่ได้การละ ตอนนั้นวางแผนเที่ยวไอซ์แลนด์ตอนเดือนมกราคมต่อ พอวีซ่าผ่าน เลยต้องวางแผนใหม่ อุปกรณ์งออกกกกกก ครับ...
เข้าไปดูในพันทิป คนรีวิวเที่ยว ไอซ์แลนด์ แล้วก็วิธีการถ่ายรูปว่าถ่ายยังไงให้ได้แสงเหนือ ผมก็พบข่าวร้าย..
จะถ่ายรูปครอบครัวกับแสงเหนือ จริงๆ ต้องมี ขาตั้งกล้อง แฟลช กระเป๋าเป้รองรับอุปกรณ์ รีโมท ชัตเตอร์ ก็นั่งเลือกของอยู่นาน ว่าเราจะเอาตัวไหนดี ให้ได้ราคาที่คุ้มค่า น้ำหนักสะดวกพกพา เพราะต้องเที่ยวพร้อมลูก
ศึกษาข้อมูลแล้ว ก็คิดหนักเลย อย่างที่บอก ตอนก่อนไป edinburgh ตอนแรกได้เป็น Samyang 14mm 2.8 มา มือสองราคาย่อมเยาว์ จาก ebay แต่พอไปถ่ายทริปที่ edinburgh มันเบี้ยวๆ แล้วก็รู้สึกใช้ลำบากมากกกกก ไม่มี AF แล้วก็ ขยับหามุมยากมาก กลับมาเลยรีบขายต่อทันที แล้วอีกไม่กี่อาทิตย์ก็จะไป Iceland ล่ะ ก็นั่งตัดสินใจ ซึ่งตอนนั้น ในใจก็รู้แล้วครับว่า Canon 16-35 2.8 ii คือคำตอบ แต่ไม่กล้าบอกเมีย เพราะงบมันบาน ... แต่นิ้วมันพลั้ง กดซื้อเรียบร้อย 555
อย่างที่สอง ผมหากระเป๋าเป้ ต้องจุได้เยอะ เพราะไม่ใช่แค่กล้องกับเลนส์(ที่งอก) แต่ต้องมี ผ้าอ้อม นม อุปกรณ์ลูกอื่นๆ ด้วย .... ได้ lowepro dslr 350 มือสอง คุ้มค่าคุ้มราคา ช่องใส่เลนส์เยอะแยะ แบ่งไปใส่ขวดนม 5555 พ่อลูกอ่อนของแท้
ตัวอย่าง กระเป๋าตากล้องพ่อลูกอ่อนครับ
อย่างที่สาม flash Nissin i40 ด้วยความเล็ก แค่นั้นล่ะครับ และอย่างที่สี่ remote shutter ผมไม่เลือก IR remote หรือมือถือ wifi แต่ใช้เป็น remote ที่มีตัวรับ-ตัวส่ง ตัวรับต่อ usb ที่กล้อง เพราะได้ระยะกว่า และเสถียรกว่า และสุดท้ายให้ผลดีกว่าจริงๆครับ
อย่างสุดท้าย ขากล้อง ตอนแรกเล็งขา Sirui ที่ นน. เบาๆ ไว้ แล้วก็พับเก็บได้เล็กๆ แต่ที่ อังกฤษ sirui แพงกว่าไทย 2 เท่า แถมรอของนาน เลือกไปเลือกมา หาของไม่ได้ซักที ตอนนั้นอีกสองวันจะไป ICELAND สรุปซื้อเป็น Manfrotto befree เนื่องจากราคาถูกกว่าไทย และสั่งวันนี้พรุ่งนี้ส่งครับ
มาถึงตรงนี้ คุณพ่อหลายๆ ท่านคงถอยแล้วครับเพราะน้ำหนักกระเป๋า (ผมก็ว่างั้น แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ก็ไม่มั่นใจว่าอยากจะเปลี่ยนนะครับ เพราะกล้อง sony a7 มันจับถนัดมือมากๆ เวลาต้องจับมือเดียว และมือนึงถือของลูก หรืออุ้มลูก เนี่ย มันช่วยได้เยอะจริงๆ แต่อาจจะต้องเปลี่ยนเลนส์ 55)
ทริปนั้นก็หาข้อมูลคร่าวๆ ไว้ว่าจะไปไหนบ้าง เช่ารถอะไร พักที่ไหน แวะถ่ายรูปที่ไหน ดูจากในพันทิป นี่ละครับ (ขอบคุณมากๆ)
แต่ปัญหาที่ยากที่สุดคือ สไตล์การถ่ายรูปที่ผมทำอยู่ มันไม่มีตัวอย่างอ่ะครับ จะเป็น family photography มันก็ไม่ใช่ ผมเลยขอตั้งวิธีการถ่ายภาพของผมว่า environmental context family selfie photography เพราะเป็นการถ่ายภาพครอบครัวแบบเซลฟี่ โดยมีฉากหลังเป็นธรรมชาติ หรือสถานที่ท่องเที่ยว 555 ชื่อคิดเองเท่ห์มากมาย
เริ่มต้นทริปนี้ก็ต้องเดินทางจาก Newcastle เพื่อไปขึ้นเครื่องที่ Edinburgh ก่อน เพราะไฟลท์ไป Iceland จากนิวคาสเซิลไม่มี ตอนไปนี่หฤหรรษ์ มากครับ เพราะต้องแบบ car seat กระเป๋า buggy สรรพสิ่ง กว่าจะถึงสนามบิน ลำบากมาก 555 ด้วยความงกของพ่อ ทำลูกเมียลำบาก รู้สึกผิดอย่างแรง
Photo นั่งรอสถานีรถไฟ
บินด้วย easy jet ราคาไม่แพง ที่สนามบิน edinburgh - revkjavik
อย่างที่รู้ๆ กันครับว่า จะไปถ่ายออโรร่าเนี่ย ต้องลุ้นให้ฟ้าเปิดเป็นใจ และระดับแสงที่ต้องสว่างระดับนึงเลย ผมไปถึงสนามบิน ก็ไปรับรถก่อนเป็นอันดับแรก เค้าเขียนเลยครับ ช่วงนี้พายุเข้า....ผมเลยเช็คโอกาสเห็นออโรร่าจากมือถือ ซึ่งระดับแสงอยู่แค 3 ซึ่งถือว่าต่ำมาก แล้วดูจากแผนที่คืนแรกที่ผมพักตรง Kirkjufell นี่ยิ่งแล้วใหญ่ ฟ้าปิดสนิท เรียกได้ว่าวันแรกโอกาศเห็นออโรร่า “เป็นไปไม่ได้”....
ทำใจสักพักก็ไปซื้อออกไปรับรถ ซื้อซิม เรียบร้อย ยังไม่ทันออก พายุก็มาพอดีตามที่พยากรณ์บอกไว้ครับ มาเป็นลูกเห็บเลยทีเดียว ตอนนั้นก็ 5-6 โมงเย็นละครับ ต้องขับอีก 3-4 ชม ไป Kirkjufell ตอนขับก็มีแต่พายุหิมะ บางช่วงมองไม่เห็นทาง ถือได้ว่าอันตรายมาก ถึงมากที่สุด ตอนแรกผมแทบจะถอดใจไม่ไป แล้วหาที่พักใหม่ใกล้ๆ เลยทีเดียว...T_T สุดท้าย ที่ทำได้ตอนนั้น ก็ได้แต่นั่งอธิษฐาน ขอให้ฟ้าเปิด พายุหยุดไปตลอดทาง (ผมเป็นคริสต์ครับ)
เสร็จแล้วไปถึงประมาณ 4 ทุ่ม.... ขอบคุณพระเจ้า อยู่ๆ หิมะหยุดจริงๆ ครับตอนนั้นก็โทรเพื่อนัดเจอกับเจ้าของบ้าน AirBnB ไว้ พอเจอที่จุดนัดพบ แกก็ขับรถนำพาไปที่กระท่อมตรงตีนเขา Kirkjufell พอจอดรถเสร็จผมลงจากรถปุ๊ป เจ้าของบ้านก็ชี้ไปบนฟ้า แล้วบอกผมว่าโชคดีจริงๆ ผมก็หันไปดู เพิ่งสังเกตว่าฟ้าเปิดออกแล้ว และบนฟ้าก็มองเห็นออโรร่าอยู่ข้างๆ กระท่อมเลยครับ ตื่นเต้นดีใจกันมาก แต่ตอนนั้นลูกสาวง่วงมากจริงๆ เพราะเล่นมาตลอดทางที่ขับเลย.... ผมก็พยายามเซตกล้องถ่ายๆ จะเพราะว่าไม่เคยถ่ายภาพประเภทนี้ด้วย ตั้งเสร็จก็เรียกให้แฟนพาลูกออกมาถ่ายรูปกัน ใช้เวลาไม่ถึงนาที ถ่ายได้ไม่กี่ชอต (shutter speed 10 วิ ได้ครับ ต้องทำเป็นยืนนิ่งกันนานๆ เลย) ตอนนั้นลูกก็เริ่มงอแง แต่ไม่ใช่เพราะหนาวนะครับ แต่แกง่วง อยากจะนอนครับ ... ภาพก็เลยเป็นอย่างที่เห็น 55555 รู้สึกผิดกับลูกมาก
ใช้ LR ช่วยปรับแสง แต่ใส่เขียวมากไปหน่อย
ถ่ายเสร็จก็เข้านอนกันละครับ เพราะเหนื่อยมาก การเที่ยวกับลูกนั้น สำคัญมากเรื่องเวลา เพราะถ้าลูกนอน คือต้องให้แกพักผ่อน ฉะนั้น แม้ตอนนั้นจะเห็น ออโรร่า และพร้อมจะถ่ายภาพได้ แต่เมื่อลูกจะนอน ก็ต้องยอม (ถึงแม้จะลำบากลำบนมาไกลขนาดนี้ ซึ่งหลังจากวันแรก อยู่อีก 4-5 วัน ไม่ได้เห็นออโรร่าอีกเลย T_T) แต่รูปที่ได้มาก็ถือเป็นความทรงจำที่ดี และตลกไปพร้อมๆ กันเลย คิดถึงกี่ครั้งก็ยังทำให้ “ยิ้มได้” ตลอดเวลา
ก้าวผ่านวันแรกที่ยากลำบากไป พร้อมกันได้เห็นออโรร่าสมใจอยาก วันต่อๆ มาเลยเที่ยวกันได้อย่างสบายใจ เพราะไม่ต้องมากังวลใจว่าจะเห็น หรือ “คุ้ม” มั้ย ที่ได้มา
ฝากติดตามได้ที่เพจ
www.facebook.com/notalonedad หรือ #พาลูกเมียเที่ยวครับ
วันที่สองตื่นมา หิมะเต็มไปหมด ฝนตกปรอยๆ แทบไม่มีรูปในบัานให้เห็น แอบถ่ายรูปแป๊ปๆ ก่อนออก ที่ต้องรีบออก เพราะเจ้าของบ้านแจ้งไว้ว่าถ้าไม่รีบออกเดิมทางให้พ้นเขตตรงนี้ก่อนเที่ยงจะมีพายุใหญ่เข้า และจะทำติดแหง็กจนไม่สามารถเดิมทางต่อได้ครับ
ตื่นมาก็ป้อนข้าวลูกเล่นกับลูกตามปกติแล้วก็ทำเป็นถ่ายรูปดูวิว Kirkjufel กัน 55
ออกมานอกระเบียงแม้จะมีฝนตก แต่เห็นว่าวิวสวยดีก็เลยถ่ายเก็บไว้ก่อนออก
หลังจากออกก็ขับรถออกไป Golden Circle ต่อเลย แต่อากาศวันนั้นแย่มาก ฝนตกทั้งวัน แถมหนาวมาก แต่ไปถึงก็ยังอุตส่าห์ลงไปเดินสักนิด ลูกผมหนาว เลยเปิดระบบ Auto Sleep Pilot ทันที คุณพ่อก็แบกไป เดินไปสิครับ คิดว่าจะมีอะไรสวย ก็ไม่มีเลย เพราะฝนตก เดินไปกลับแบกลูกแบกเป้น้ำหนักรวม 15 กิโล พร้อมระยะทาง 5 กิโลเมตร ได้ ลูกหนาวก็คอยช่วยกันเอาผ้าปิดหน้าปิดตาลูกเพื่อความปลอดภัย เดี๋ยวเป็นหวัด (จะมาห่วงอะไรตอนนี้ พามาซะ 55)
ขึ้นรถมาปุ๊ป ไม่ต้องสืบ ด้วยความเป็นเด็กฉลาด ได้รับความอบอุ่นปุ๊ป ปิดระบบ Sleep Pilot ลุกขึ้นมายิ้มทันที พ่อจะเหนื่อยแค่ไหน แต่ก็นะ เห็นแบบนี้ บอกได้คำเดียว "หายเหนื่อย" ครับ
อยู่ที่ไอซ์แลนด์นี่ ก็อย่างที่พี่ๆ ทั้งหลายรีวิวกันไว้ ระหว่างทางเนี่ย จะมีม้าแคระแคระให้พบให้เห็นตลอด ผมก็ดูๆ ตัวไหนสะอาดสีสวยๆ ค่อยลงไปถ่าย แต่จะจอดข้างทางก็ระวังกันด้วยนะครับ ของผมแวะจอดตรง slope ลงไปนิดนึง ก็ถอยหลังจอดไว้ พอจะขึ้น เหมือนติดหล่ม เกือบเอาไม่ขึ้น เสียวกันไปทั้งครอบครัว
เดินทางไปต่อก็มีแวะน้ำตก กิน Fish and Chip ถ่ายรูปอะไรก็ถ่ายๆ ไปเรื่อยๆ ครับ คงไม่มีรูปวิวสวยๆ เหมือนพี่ๆ คนอื่น แต่มีความอบอุ่นของครอบครัวเต็มล้น (เมียมาเห็นคงบอกอีเว่อรรรร่ 55)
อยู่ Iceland นี่ก็แค่ขับรถไปเรื่อยๆๆๆ น้ำตกอะไรจำชื่อไม่ได้หรอกครับ จำได้แต่ตัวท้าย Fall Fall ทั้งหลาย
เที่ยว Glacier walk แบบไม่ได้เข้าไปลึก น้ำแข็งละลายไปบ้างแล้ว เหนื่อยมาก อุ้มลูก แบกเป้ 555 แต่ได้เห็นลูกได้นั่งเล่นกับน้ำแข็งกับหิมะ แล้วชอบมาก ผมก็สุขมากเช่นกัน
ไปต่อกันที่ Jokulsalon ผมว่าที่นี่สวยมากครับ แล้ววันนั้น (น่าจะวันที่ 3) แล้ว ท้องฟ้าก็ปลอดโปร่งมาก ทุกอย่างสวยไปหมด
ภาพระหว่างทาง
โบสถ์
ท่าเรือ
ตบท้ายด้วยการแช่น้ำร้อนที่ไม่ได้แช่ เพราะคิดว่ามาแล้วเข้าได้เลย แต่จริงๆ ต้องจองเวลาไว้ เศร้ามากครับ ทะเลาะกับแฟน แฟนงอนไปเป็น ชม 55
ต้องขอบคุณประเทศ iceland จริงๆ เป็นประเทศที่ถ่ายรูปยังไงก็สวย ขนาดผมเป็นตากล้องมือใหม่ เน้นแค่ตั้งๆ กล้องให้ได้ระดับน้ำ แล้วก็ใช้รีโมทถ่ายรัวๆ กระโดดเด้งๆ อุ้มลูกไปพร้อมเมีย และพยายามตะโกนพร้อมชี้ให้ลูกมองไปที่กล้อง ก็ยังได้ภาพที่มีความทรงจำเต็มแน่นขนานี้
จริงๆ อุปสรรคกับการถ่ายรูปครอบครัวแบบเซลฟี่ก็มีข้อจำกัดเยอะมาก แต่เดี๋ยวไว้ผมจะมาเล่าต่ออีกทีกระทู้เป็นตอนๆ ไปละกันครับ จะได้ไม่ยามเกินไป
สำหรับ พ่อๆ แม่ๆ ท่านไหน ไม่อยากเดียวดายอยู่นอกเฟรมอีกต่อไป ก็ใช้วิธีของผมเลยครับ เอาอุปกรณ์ไป ตั้งขาแปปๆ หาวิวดีๆ ไม่ต้องคิดมาก ถือรีโมต แล้วก็เล่นกับลูกบ้าง ป้อนนมลูกบ้าง ดูแลลูกบ้าง เน้นรัวๆ ไว้ก่อน ลุ้นว่าลูกจะมองกล้อง เท่านั้นก็ได้ภาพครอบครัวในฝัน พร้อมความทรงจำที่ลืมไม่ลงแน่นอนครับ ผม CONFIRM
ไว้เดี๋ยวงวดหน้าผมจะมารีวิว เที่ยวสวิสเซอร์แลนด์ ต่อพร้อมแทรกเรื่องราวของการพาลูกเล็กเที่ยวต่างประเทศด้วย พ่อแม่หลายๆ คนคงกังวล แต่ผมจะมารีวิวให้ดูว่า ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลจริงๆ แถมลูกเราเนี่ย ถึงแม้เราจะคิดว่าเค้าไม่รู้เรื่อง แต่จริงๆ เค้าได้รับประสบกาณณ์มากมายในช่วงเวลาที่เที่ยว เช่นการปรับตัวเข้ากับเครื่องบิน เดี่ยวนี้เวลาขึ้นก็ไม่ร้องไห้ การนั่งในรถนานๆ ตอนเดินทาง ก็จะฝึกความอดทน และการที่ได้ความทรงจำเป็นรูปถ่ายกลับบ้าน ตอนนี้ลูกผมจะ 2 ขวบ เห็นรูปตอนเด็กๆ ที่ตัวเองอยู่กับพ่อแม่ก็จะยิ้ม หัวเราะ และทำท่าทางตามในรูปไปด้วย เราก็สอนเค้านี่ภูเขา นี่ทะเล นี่ต้นไม้ เค้าเห็นสิ่งเหล่านี้ในรูปพร้อมกับตัวเค้า สอนครั้งเดียวจำได้เลยครับ (แนะนำพ่อแม่ทั้งหลายไปลองทำดู) แถมลูกเราเนี่ย ผมกล้าพูดเลย น่ารักสุดๆ พีคสุดๆ ก็ตอน 8-12 เดือนเนี่ยล่ะครับ กำลังกลมๆ ยังไม่ยืด ถ่ายออกมาจะน่ารักเป็นพิเศษ :*
ทุกวันนี้สำหรับผม ให้ไปเที่ยวคนเดียว ผมไม่อยากไปเลยครับ ถ้าไม่มีลูกเมียผมไปด้วย ไปแล้วไม่มีความสุขเท่ากับได้อยู่กับไปกับครอบครัวตัวเองจริงๆ สนับสนุนให้ผู้ชายทุกท่าน #รักเมีย #รักลูก #รักครอบครัว มากๆ ครับ
กระทู้นี้ก็จบเพียงเท่านี้ ใครสนใจก็ฝากไลค์ ฝากติดตามได้ที่เพจ
www.facebook.com/notalonedad หรือ #พาลูกเมียเที่ยวครับ
ผมยังมีภาพไปเที่ยวที่ยังไม่ได้รีวิวอีกเยอะเลยครับ สวิส ฝรั่งเศษ กรีซ เยอรมัน ออสเตรีย อังกฤษ และแน่นอนครับประเทศไทย
ปล แถมภาพนัดสุดท้าย leicester v chelsea ปีที่เลสเตอร์ได้แชมป์ครับ ได้ตั๋วฟรี เพราะตอนนั้นพี่ที่ไทยฝากซื้อตั๋วแต่วีซ่าไม่ผ่าน เลยได้ตั๋วมา 6 ใบ ขายไปสามใบมาเช่ารถเพื่อเดิมทาง
[/img]