เมื่อลูกๆของผมไม่ได้อยู่ในโลกของเกมส์ By นพ.อิทธิฤทธิ์
บทความนี้ไม่ได้ต้องการมานั่งเถียงว่า เล่มเกมส์มีประโยชน์อย่างไร? นั่นเรื่องของคุณ
ผมต้องการ “ปกป้อง” ครอบครัวที่ลูกยังไม่ได้เข้าสู่โลกของเกมส์
ครอบครัวของผมสามารถจัดการทุกเรื่องได้ง่าย เพราะว่าในบ้าน ผมและภรรยาใหญ่ที่สุด ไม่มีปู่ย่า ตายาย ญาติ หรือใครอื่นเข้ามาก้าวล่วงได้แม้แต่นิดเดียว
และทุกเรื่อง เราเห็นพ้องต้องกัน ทำให้ทิศทางของบ้านไม่สับสน มีจุดหมายชัดเจน
ซึ่งรวมถึงเรื่องการเล่นเกมส์
ตัวผมเองมีประสบการณ์ตรง จากการที่ป๊าของผมช่วยปกป้องผมไว้ด้วยสติปัญญา ไม่ยอมให้ผมซื้อเกมส์
ขอเล่าสั้นๆนะครับ
ตอน ป.5 ลูกน้องป๊าเอาเกมส์นินเท็นโด้มาให้เล่น ใหม่เอี่ยมแกะกล่อง หวังให้หัวหน้าเลื่อนขั้นเงินเดือน 2 ขั้นตอนปลายปี หลังจากนั้นพ่อลูก(ผมกับป๊า)ติดกันงอมแงมได้ประมาณ 2 สัปดาห์ ป๊าก็เอาเกมส์ไปคืน
ผมใจหายวาบ ยังอยากเล่นสุดๆ เลยเกิดความตั้งใจแรงกล้าว่า จะเก็บเงินเพื่อซื้อเองหลังจากได้ที่เรียน ม.1
ผมเก็บเงินได้เยอะมาก 6 พันกว่าบาท และเมื่อทราบว่ามีที่เรียน ม.1 ผมก็ขอเบิกเงินเพื่อไปซื้อ แต่ได้รับการปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใยภายในเวลา 2 วินาที
โกรธนะครับ แต่ทำอะไรไม่ได้ และผมต้องขอบคุณวันนั้น ที่ป๊าผมไม่ “โง่เขลา” เหมือนพ่อแม่ทั่วไป ที่ยอมให้มีเกมส์ในบ้าน
ถ้าไม่มีวันนั้น ไม่มี “นายแพทย์อิทธิฤทธิ์” ในวันนี้แน่นอน เพราะตอนเป็นนักศึกษาแพทย์ ผมมีช่วงติดเกมส์อยู่พักนึง ทำให้รู้ว่า สมองของผม “ติดเกมส์” ง่ายมาก
ก็ทำมาซะสนุกเร้าใจขนาดนั้น เล่นแล้วก็ติดสิคร้าบ
ส่วนหมอสาริณี ก็เติบโตมากับบ้านที่ไม่มีเกมส์ และยิ่งได้ทำงานเป็นจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น ทำให้เห็นว่าปัญหาติดเกมส์ สร้างความเสียหายอย่างยิ่ง
ดังนั้นบ้านของผมเลยง่ายมากในเรื่องนี้ เพราะไม่มีใครที่ “เห็นดีเห็นงาม” กับการให้ลูกเล่นเกมส์
ยังไม่นับเรื่องง่ายๆ คือ หมอ 2 คนไม่เขลาพอ ที่จะปล่อยให้ลูกติดเกมส์ แล้วค่อยมานั่งแก้ไข ซึ่งแก้ยากมาก
นี่ขนาดว่าฝีมือและทักษะเลี้ยงลูกที่หมอ 2 คนมี คงไม่น้อยกว่าคนทั่วๆไป แต่เราก็ไม่ประมาทเลย
ตั้งแต่ลูกๆเติบโตมา ผมรู้ว่าเด็กๆมีอะไรให้ทำเยอะแยะไปหมด ซึ่งส่วนใหญ่แล้วทำให้ผู้ใหญ่ต้องยอมเหนื่อย
ผมไม่อยากเห็นลูกของตัวเอง กลายเป็นเด็กหลังงอๆ นั่งหน้าทีวีเล่นเกมส์
หรือเป็นเด็กนั่งติดโต๊ะคอมพิวเตอร์ส่วนตัว แล้วก็นั่งเล่นเกมส์ทั้งวัน
ผมไม่ยอมให้ลูกตั้งเป้าเป็นแชมป์เกมส์ เพราะการไปถึงจุดที่สำเร็จมีน้อยคนมาก แปลว่าคนที่ไม่ถึงจุดหมาย ชีวิตจะแย่มาก เพราะทำอย่างอื่นไม่เป็น นอกจากเล่นเกมส์
ผมไม่ต้องการให้ลูกผมกลายเป็นเด็กก้าวร้าว ไม่เชื่อฟัง เพียงเพราะว่าสมองติดเกมส์อย่างหนัก
และไม่อยากเห็นลูกทนทุกข์ทรมาน กับการเรียนไม่ดีเท่าที่ควรจะเป็น ทั้งๆที่เค้าสามารถทำได้ดีกว่านั้น เพราะว่าต้องแบ่งเวลาไปกับการเล่นเกมส์
ผมไม่ต้องการฝึกเค้า ให้โตไปเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูงผิดปกติ เพราะขาดทักษะทางสังคมที่ดี
ผมอยากเห็นลูกๆของผม เป็นคนที่เข้าใจเพื่อนมนุษย์ รู้ว่าคนอื่นคิดอย่างไร หรือรู้สึกอย่างไร
ลูกๆของผม ควรต้องมีทักษะทางสังคมที่ดี และสามารถช่วยเหลือผู้คนได้เป็นอันมาก โดยที่ตัวเค้าเองก็มีชีวิตดีๆในแบบที่ต้องการ
ผมอยากให้ลูกๆของผมมีความแตกต่าง เพราะคนส่วนใหญ่ของโลกกำลังเล่นเกมส์ เพียงแค่ลูกๆของผมไม่ได้เล่นเกมส์ เค้าก็ต่างแล้ว
ผมรู้ว่าการสร้างเนื้อสร้างตัว จำเป็นต้องมีการศึกษาที่ดี และผมต้องปกป้องลูกๆ ไม่ให้เจอตุ้มถ่วงหน่วงรั้งจากเกมส์ ทำให้ไปได้ไม่ไกลเท่าที่ควรในการศึกษา
ยังไม่นับว่า เกมส์ดึงเวลาที่เค้าสามารถเอาไปทำอย่างอื่นที่ดีกว่า เช่น อ่านหนังสือ ออกไปพูดคุยกับคนเก่งๆ ไปฝึกทำงานให้เก่งๆ
ผมอยากให้เค้าได้เรียนรู้โลกแห่งความเป็นจริง ได้ลองทำสิ่งต่างๆรอบตัวจริงๆ เล่นกับเพื่อนจริงๆ ได้แก้ปัญหาในชีวิตจริง ได้เรียนภาษาจากชีวิตจริง
ผมต้องการให้ลูกๆของผม ได้เล่าให้ลูกๆของเค้าฟังว่า “โห..ถ้าไม่ได้คุณปู่คุณย่าที่มีสติปัญญาและวิสัยทัศน์ แล้วปล่อยให้พ่อเล่นเกมส์เหมือนเด็กบ้านอื่น ป่านนี้พ่อไม่สามารถสำเร็จได้มากแบบนี้หรอก”
ผมอยากให้สิ่งดีๆ ซึ่งเรียกว่า “การอวยพร” ที่ผมและภรรยาตั้งใจในการเลี้ยงลูก ถูกส่งต่อลงไปให้กับลูกหลาน รุ่นต่อๆไปเค้าก็จะได้รับการเลี้ยงดูจากพ่อแม่ของเค้า กลายเป็นเด็กที่มีคุณภาพทั้งทางกาย ทางใจ ทางอารมณ์
*****
มีคนถามมาเยอะว่า ถ้าไม่ให้ลูกเล่นเกมส์ เดี๋ยวลูกเข้ากับเพื่อนไม่ได้ หรือเดี๋ยวลูกจะหนีไปเล่นที่อื่น แล้วจะทำยังไง?
โอ..คนเขลาเอ๋ย ลูกถูกฝึกอย่างไร ก็จะเติบโตเป็นอย่างนั้น
ผมยืนยันว่า ลูกๆผมไม่เคยมีความคิดแบบนี้เลย ผมถามเด็กๆหลายรอบแล้ว
ที่สำคัญ พ่อแม่ที่ไม่หนักแน่นพวกนั้น จริงๆผมขอเรียกว่าพ่อแม่ "หน่อมแน้ม" จะกลัวในสิ่งที่ไม่ควรกลัว เมื่อกลัว ทำให้แก้ปัญหาผิดๆ
ผมเลือกเป็นพ่อแม่ที่หนักแน่น ไม่หน่อมแน้ม ไม่โง่เขลา เพราะผมรักลูกจริงๆ
เมื่อลูกยังอยู่ในความปกครองของผม เค้าจะต้องอยู่ภายใต้กติกาที่พ่อแม่วางไว้ แต่ถ้าเค้าโตแล้วอยากทำอะไร นั่นเป็นสิ่งที่เค้าต้องรับผิดชอบตัวเอง และผมคงยุ่งไม่ได้แล้ว
*****
ใครอยากให้ลูกเล่นเกมส์ นั่นเป็นการตัดสินใจของคุณ ไม่ต้องมาโน้มน้าวหรืออภิปราย เพราะผมหนักแน่นกับเรื่องนี้มาก
ใครที่มีปัญหากับลูกเล่นเกมส์ ผมจะไม่ตอบคำถาม เพราะว่าเรื่องนี้จะแก้ไขได้หรือไม่ ขึ้นกับความเห็นพ้องของ “ผู้ใหญ่ทุกคน” ในบ้าน ถ้ามีใครสักคนรู้สึกว่า ก็ไม่เห็นเป็นปัญหาอะไรนี่ คงช่วยยากมาก
โปรดจูงมือกันไปพบจิตแพทย์เด็กที่ท่านสะดวก เพื่อรับการช่วยเหลืออย่างจริงจัง
ส่วนใครที่ลูกยังไม่ได้เล่นเกมส์ รวมทั้งเกมส์มือถือด้วย คุณคือเป้าหมายของบทความนี้ ผมอยากช่วยปกป้องลูกๆของคุณไม่ให้ผิดพลาดเหมือนคนอีกนับล้านๆ ที่กำลังกุมขมับอยู่
ผมภาวนาให้เด็กๆที่ยังไม่ได้เข้าสู่โลกของเกมส์ ได้รอดพ้นจากแรงดึงดูดมหาศาลจากโลกของเกมส์นะครับ
https://www.facebook.com/ittiritsarinee/photos/a.1612857775623290.1073741828.1538233426419059/1839092776333121/?type=3