Jurgen Klopp - The Normal One
แนวทางการทำทีมของ เจอร์เกน คลอปป์ จากปากคำของคนรอบข้างที่เคยร่วมงาน
แพทริค โอโวโมเยลา อดีตปราการหลังดอร์ทมุนด์ ซึ่งปัจจุบันเป็นนักวิเคราะห์ฟุตบอลให้สกาย ของเยอรมัน เปรียบเปรยนายเก่า เจอร์เกน คลอปป์ ว่าในเยอรมัน ถ้าคุณได้ทำงานกับเขา จะขโมยทั้งม้า พร้อมกับอาหารของมันก็ยังทำได้ อาจเป็นสำนวนของพวกชาวดอยท์ชที่เข้าใจยาก แต่โดยรวมความหมายของมันคือ การทำได้งานกับ เจอร์เกน คลอปป์ ไม่ว่าคุณตั้งเป้าหมายไว้ขนาดไหน มีโอกาสสำเร็จได้ทั้งหมด โอโวโมเยลา มาอยู่ดอร์ทมุนด์ในปี 2008 ซึ่งก็เป็นฤดูกาลแรกของ คลอปป์ กับ ดอร์ทมุนด์ ยังเผยว่า “การได้ทำงานร่วมกับ คลอปป์ มันรู้สึกเหมือนกับว่า เพื่อนกำลังสอนและบอกบางอย่างในสิ่งที่คุณต้องรู้ บรรยากาศการฝึกซ้อมจึงค่อนข้างผ่อนคลาย” นอกจากนี้ โอโวโมเยลา ยังเผยอีกว่า “มันเป็นความรู้สึกที่แตกต่างกัน โค้ชคนอื่นๆ ไม่ค่อยมีใครมาแนะนำคุณแบบตัวต่อตัว แต่กับ คลอปป์ แตกต่างสิ้นเชิง เขาเปิดใจคุยกับทุกคนอย่างเต็มที่ และยินดีหากนักเตะต้องการปรึกษาปัญหาเกี่ยวกับฟอร์มการเล่น”
อดีตกองหลังซึ่งเคยลงเล่นให้ทีมอินทรีเหล็ก 11 นัด เล่าย้อนให้ฟังอีกว่า ครั้งหนึ่งเขาเคยจับกลุ่มคุยกับบรรดาเจ้าหน้าที่ทีม ภายหลังเสร็จสิ้นการซ้อมได้มีการพูดถึง เจอร์เก้น คลอปป์ ซึ่งทุกคนมีความเห็นเหมือนกันๆว่า แม้ คลอปป์ จะมีอาการฉุนเฉียวหรือโมโหบ้างในการคุมทีม แต่เขาเป็นคนที่จริงใจ ไม่ใช่พวกตี 2 หน้า
สไตล์คลอปป์ สไตล์วิ่งสู้ฟัด
ทิม ฮุกแลนด์ กองหลังซึ่งเคยร่วมงานกับ เจอร์เกน คลอปป์ ในสมัยที่ยังคุมไมนซ์ 05 เล่าย้อนประสบการณ์เมื่อปี 2007 เมื่อกุนซือบอกกับเขาว่า “คุณต้องวิ่ง เพราะแนวทางการทำทีมของผมคือนักเตะต้องช่วยกันวิ่งไล่บอล และต้องวิ่งรวมกันเป็นระยะให้ได้ 120 กิโลเมตรเป็นอย่างน้อยในแต่ละเกม”
ปีถัดมา เจอร์เกน คลอปป์ ย้ายมาคุมดอร์ทมุนด์ และเขาได้นำแนวทางนี้มาใช้กับทีมเสือเหลือง ขณะเดียวกัน โอโวโมเยลา ซึ่งย้ายมาร่วมทีมในปีนั้นเช่นกัน บอกว่าตอนที่ คลอปป์ มาอยู่กับทีม เขาบอกกับนักเตะว่าคงรับประกันไม่ได้ว่าผลจะเป็นอย่างไร เมื่อทีมของเราวิ่ง วิ่ง แล้วก็วิ่งกันมากขึ้น แต่สิ่งที่รู้แน่ๆคือทีมเราจะไม่แพ้ใครง่ายๆ”
ขณะเดียวกัน เจมส์ ฮุกแลนด์ อดีตลูกทีมที่ไมนซ์ พูดถึงรูปแบบการฝึกซ้อมของ คลอปป์ ที่เน้นเรื่องการวิ่งไล่บอลเพื่อเป็นการบีบพื้นที่ แต่เขาจะย้ำเสมอว่าความสำคัญจริงๆของการวิ่งไล่คือการต้องแย่งบอลกลับคืนมาให้เร็วที่สุด ด้านโอโวโมเยลา เสริมว่า การซ้อมแต่ละครั้งของ คลอปป์ จะเน้นเรื่องการเล่นกับบอล เราซ้อมกันหนักมากทั้งเรื่องการวางบอล,การเปิดบอล รวมถึงการยิงประตู บางครั้งก็แบ่งทีมดวลกัน 5 ต่อ 5 หรือไม่ก็เต็มรูปแบบ 11 ต่อ 11 ซึ่งการซ้อมทั้งหมดสามารถนำมาปรับใช้กับการแข่งขันได้จริงๆ
อีกทั้ง คลอปป์ จะมีการฝึกซ้อมรูปแบบใหม่ๆที่ไม่เคยเห็นมาก่อน นอกจากนี้เขายังมีวิสัยทัศน์ รู้ว่าลูกทีมของเขายังขาดอะไร และมีจุดไหนต้องเพิ่มเติมลงไป
สร้างความเป็นทีมเวิร์ค
“เทรนเนอร์ของเราสามารถจัดการได้ทุกเรื่อง ทั้งเรื่องภายในและภายนอก, ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการฝึกซ้อม อันจะนำมาซึ่งความมั่นใจให้กับ 11 คนแรก รวมทั้งเหล่าผู้เล่นบนม้านั่งสำรอง” นั่นคือสิ่งที่ แกรีกอร์ดอน หนุ่มใหญ่อังกฤษ ซึ่งเป็นผู้ฝึกสอนทีมเยาวชนดอร์ทมุนด์ กล่าวชื่นชมการทำงานของ คลอปป์ ว่าสมัยอยู่กับทีมเสือเหลือง กุนซือรายนี้มีคุณสมบัติของความเป็นยอดกุนซือครบถ้วน อันจะทำให้นักเตะงัดฝีเท้าออกมาได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะนักเตะบางคนที่อาจจะเริ่มต้นได้ไม่ดีนัก แต่การที่ คลอปป์ แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่น ทำให้นักเตะเหล่านั้นยกระดับการเล่นดีขึ้นผิดหูผิดตา
นอกจากนี้ โอโวโมเยลา ยังบอกกับ FFT อีกว่า “แน่นอนว่าการแข่งขันแต่ละแมตช์ คู่แข่งที่ต้องเจอย่อมแตกต่างกัน แต่สิ่งสำคัญคือการแผนการเล่นที่เขาถ่ายทอดให้กับสตาฟฟ์โค้ช และความเชื่อมั่นว่าทีมของเราจะเอาชนะได้ แต่สิ่งสำคัญที่เขายึดถือคือเรื่องของปรัชญาการทำทีม ซึ่งเป็นสิ่งที่เน้นย้ำมากที่สุด” ซึ่งนั่นอาจมาจากการที่ คลอปป์ เป็นคนที่ใฝ่เรียนรู้ เขาเป็นเทรนเนอร์ที่ดูฟุตบอลเยอะมาก และสนใจศึกษาแนวทางของกุนซือดังคนอื่นๆ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ โอโวโมเยลา เชื่อว่า คลอปป์ จะประสบความสำเร็จกับต้นสังกัดใหม่ในอังกฤษแน่นอน
กุนซือผู้สร้างแรงจูงใจ
คลอปป์ เป็นเทรนเนอร์ที่ขึ้นชื่อเรื่องสร้างแรงจูงใจให้นักเตะสามารถงัดฟอร์มเก่ง นั่นเป็นเครื่องมือและวิธีการที่ทำให้นักเตะโชว์ศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่ เรื่องนี้ ฮุกแลนด์ พูดถึงเจ้านายเก่าว่า “คำพูดของ คลอปป์ เปรียบเหมือนการกล่าวสุนทรพจน์ ทำให้เราฮึกเหิมและอยากลงเล่นเพื่อเขาและเพื่อทีม คลอปป์คือเทรนเนอร์ที่เก่งที่สุดในเรื่องการสร้างแรงจูงใจ นอกจากนี้เวลาคุมทีม เรามักจะได้เห็นเขาออกแอคชั่นแปลกๆ แต่นั่นมันมีส่วนสำคัญขับเคลื่อนให้ลูกทีมเล่นได้ตามแผนที่เขาต้องการ
ด้านโอโวโมเยลา พูดถึง คลอปป์ ในเรื่องนี้ว่า เขามีวิธีการเลือกใช้คำพูดให้เหมาะกับแต่ละสถานการณ์ ไม่แน่ใจว่ามันเกิดจาการที่เขาเป็นคนอ่านหนังสือ หรือชอบเรียนรู้ แต่สิ่งที่เขาพูดมันปรากฏภาพชัดเจนในหัว ไม่ต้องเสียเวลาทำความเข้าใจให้ยุ่งยาก และทำให้เราเชื่อถือโดยไม่ลังเล ย้อนไปในปี 2008 เมื่อ คลอปป์ เข้ามาคุมทีมดอร์ทมุนด์ เขาเปลี่ยนโฉมดอร์ทมุนด์อย่างเห็นได้ชัดเมื่อเปรียบเทียบกับฤดูกาลก่อนหน้า ผลงานของทีมดีขึ้นเป็นลำดับ เก็บชัยชนะต่อเนื่อง โดยไม่ต้องใช้เวลาปรับจูนนานมาก กระทั่งทีมชุดนั้นค่อยๆเติบโต การสร้างทีมในแนวทางที่ถูกต้อง ทำให้ทีมเสือเหลืองก้าวขึ้นไปคว้าถาดแชมป์ 2 สมัยติดในปี 2011 และ 2012
คลอปป์ ปั้นเยาวชนขึ้นเป็นยอดนักเตะ
เจอร์เก้น คลอปป์ ได้รับคำชื่นชมอย่างมาก หลังมีส่วนสำคัญสร้างให้นักเตะดาวรุ่งที่เป็นคนดอร์ทมุนด์แท้ๆ อย่าง มาร์เซล ชเมลเซอร์ และเควิน โกรสท์ครอยท์ ขึ้นมาเป็นตัวหลักของสโมสร ขณะที่ มัทส์ ฮุมเมิล แม้จะเป็นเด็กจากบาเยิร์น มิวนิค เช่นเดียวกับ อิลคาย กุนโดกาน ที่มาจากเนิร์นแบร์ก แต่เมื่อได้รับการขัดเกลาจาก คลอปป์ ทำให้ทั้งคู่ก้าวขึ้นเป็นยอดนักเตะทั้งของดอร์ทมุนด์ และทีมอินทรีเหล็ก แฟนบอลลิเวอร์พูล คงหวังว่า คลอปป์ จะมาเจียระไนฝีเท้าของ โจ โกเมซ,จอร์ดอน ไอบ์ และ จอร์แดน รอสซิเตอร์ 3 ดาวรุ่งของหงส์แดง ให้ก้าวขึ้นเป็นนักเตะชั้นยอดได้เหมือนกันบ้าง
แกรี กอร์ดอน ผู้ฝึกสอนทีมเยาวชนดอร์ทมุนด์ พูดถึงเรื่องนี้ว่า คลอปป์ ชอบที่ได้เห็นนักเตะจากอคาเดมี ก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีม เพราะการทุ่มเงินซื้อนักเตะเข้าสู่ทีมเพียงอย่างเดียว ไม่ใช่แนวทางของเขา นอกจากนี้ คลอปป์ ชอบที่จะพัฒนาและแก้ไขจุดอ่อนให้นักเตะเป็นรายๆ ทั้งเรื่องสปีดความเร็ว หรือไม่ก็เรื่องของเทคนิคการเล่น และอีกสิ่งสำคัญคือเขาชอบนักเตะที่กระหายที่จะลงสนาม กระหายที่จะลงเล่นให้กับทีม
ด้านโอโวโมเยลา เห็นด้วยอย่างมากในเรื่องนี้ “คลอปป์ ให้ความรักกับนักเตะเยาวชนของทีม หลายครั้งที่เขามักจะหยอกล้อกับนักเตะ ถือเป็นเรื่องดีที่ช่วยให้นักเตะหนุ่มรู้สึกผ่อนคลาย และปรับตัวเข้ากับทีมได้ง่าย ขณะเดียวกันกับกลุ่มนักเตะประสบการณ์สูง คลอปป์ ก็มีวิธีการที่ต่างออกไปในการสร้างความสันพันธ์ ซึ่งจะเรียกฟอร์มของนักเตะกลุ่มนี้ออกมาเช่นกัน เพราะในความเป็นจริง คุณลักษณะนักเตะภายในทีมย่อมมีความแตกต่างกัน กลุ่มนักเตะดาวรุ่ง,กลุ่มมากประสบการณ์ ,กลุ่มนักเตะที่มีสไตล์ขยันทุ่มเท รวมทั้งกลุ่มมันสมองสร้างสรรค์เกม ดังนั้นวิธีการ หรือปฏิสัมพันธ์ก็ต้องแตกต่างกันไปด้วย
โครงสร้างของทีมสตาฟฟ์โค้ช
โค้ชทีมชุดใหญ่ของ ลิเวอร์พูล ประกอบด้วย ฌอน โอดริสคอล,แกรี่ แม็คอัลลิสเตอร์,เกลน ดริสคอล และคริส เดวีส์ ถูกปลดจากตำแหน่งเช่นเดียวกับนายใหญ่ แบรนเดน รอดเจอร์ส ขณะเดียวกันคาดว่า เจอร์เกน คลอปป์ จะใช้ทีมงานเก่าทั้ง เซลจ์โก้ บูวัค ผู้ช่วย และ ปีเตอร์ คราเวียตซ์ นักวิเคราะห์ มาช่วยงานในถิ่นแอนฟิลด์
กอร์ดอน พูดถึงวิธีการทำงานของ คลอปป์ ว่าเขาเป็นเทรนเนอร์ที่ไม่ชอบกดดันทีมงานให้ทำตามคำสั่งทุกขั้นตอน วิสัยทัศน์ของเขาชัดเจน แต่ยืดหยุ่น โดยสมัยที่เขาเคยร่วมงานด้วย คลอปป์ มีการปรึกษากับทีมงานว่าสไตล์การเล่นของนักเตะแต่ละคนเป็นอย่างไร ระบบไหนที่เหมาะกับทีม รูปแบบไหนจะเหมาะกับเกมแต่ละนัด แล้วค่อยกำหนดผังและแนวทางการเล่น สิ่งสำคัญคือเขาเชื่อมั่นในฝีมือของทีมงานแต่ละคน ขณะเดียวกัน คลอปป์ ไม่ใช่เทรนเนอร์สไตล์ที่คอยสั่งว่าใครต้องทำอะไร หรือต้องทำแบบไหน แต่การทำงานร่วมกันที่ผ่านมาทำให้ต่างคนต่างรู้ว่าใครมีหน้าที่อย่างไร และต้องทำอะไรบ้าง
ขณะเดียวกัน กอร์ดอน เชื่อว่า คลอปป์ คงยังไม่เข้าไปเปลี่ยนแปลงหรือเข้าไปศึกษาระบบทีมเยาวชนของ ลิเวอร์พูลได้มากนัก เพราะภาระการเตรียมทีมสำหรับชุดใหญ่ก็หนักเอาการ ที่สำคัญคือ หงส์แดง ต้องให้ข้อมูลกับเขาว่า นักเตะจากอคาเดมี่หรือทีมเยาวชนคนใดที่พอมีแวว สมควรได้โอกาสก้าวขึ้นมาฝึกซ้อมกับทีมชุดใหญ่ เพราะบางครั้งนักเตะเหล่านี้ก็ต้องการแค่แรงบันดาลใจ ในการพิสูจน์ว่าเขามีดีพอจะก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีมในอนาคต
คลอปป์ ผู้ยึดมั่นในกฏเกณฑ์
บางครั้ง จอร์เกน คลอปป์ ก็วางตัวเป็นเพื่อนกับนักเตะ เนื่องจากเขาเป็นคนอัธยาศัยดี แต่ในทางตรงข้าม ถ้าวิธีการให้ใจและความสนิทสนมกับลูกทีม ไม่ส่งผลต่อฟอร์มการเล่น เขาก็เป็นเทรนเนอร์ที่เคร่งเครียดคนหนึ่งก็ว่าได้ คลอปป์ ค่อนข้างเอาจริงเอาจัง ไม่ค่อยล้อเล่นกับลูกทีมระหว่างฝึกซ้อม แต่หลังเสร็จสิ้น ความสันพันธ์ทุกอย่างก็กลับไปเหมือนเดิม เขาแบ่งแยกว่าเวลาไหนควรจริงจัง เวลาไหนควรผ่อนคลาย และหากนักเตะทำหน้าที่เต็มที่ สู้ด้วยหัวใจเกินร้อย นั่นทำให้ คลอปป์ ยิ่งเปิดและให้ใจกับลูกทีมมากขึ้น
โอโวโมเยลา พูดถึงเรื่องความเคร่งครัดในสมัยเป็นลูกทีมของ คลอปป์ เช่นเรื่องการมาสาย ครั้งแรกคุณอาจถูกปรับเงิน , สายครั้งที่ 2 อาจมีการพูดคุยเพื่อฟังเหตุผล แต่ คลอปป์ จะมีมาตรการเข้มข้มเพื่อไม่ให้มีครั้งที่ 3 เกิดขึ้น เขามีวิธีการใช้คำพูดที่ในเชิงปรัชญาให้นักเตะเข้าใจบทบาทและหน้าที่ของตัวเอง ซึ่งมันก็ได้ผลเป็นอย่างดี อีกทั้งลูกทีมปฏิบัติตามกฏของเขาอย่างเคร่งครัด
มีเรื่องเล่ามากมายสมัยที่ โอโวโมเยลา เฝ้าหลังบ้านให้ดอร์ทมุนด์ บางครั้ง คลอปป์ ก็แกล้งออกนอกลู่นอกทางบ้างเช่น อนุญาตให้กินแฮมเบอเกอร์ก่อนลงแข่ง ซึ่งปกติมันไม่ใช่เรื่องดีเพราะร่างกายไม่ได้ใช่ประโยชน์จากพลังงานเต็มที่ แต่ถ้าผลออกมาตามที่หวังเขาก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร ตรงกันข้าม หากบางนัดฟอร์มการเล่นไม่ดี กฏกติบางข้อก็ถูกปรับให้เข้มงวดขึ้น นอกจากนี้ ครั้งหนึ่ง โอโวโมเยลา เคยสั่งให้ควบคุมอาหารช่วงปิดฤดูกาล เพราะโดยปกติเป็นพวกที่กินเก่ง ซึ่ง คลอปป์ มาบอกกับเขาว่าไม่ลดน้ำหนัก ก็ต้องเจอกับการฝึกซ้อมที่แตกต่างและอาจหนักกว่าคนอื่นๆ หรือไม่ก็อาจจะหลุดจากตัวจริงก็ได้”
เดินหน้าเรียกศรัทธาแฟนบอล
ในสมัยเป็นนักเตะ เจอร์เกน คลอปป์ เล่นอาชีพให้ ไมนซ์ 05 สโมสรเดียว ระหว่างปี 1989-2001 ลงเล่น 337 นัดทำได้ 52 ประตู ก่อนจะผันตัวเองมาเป็นกุนซือในปี 2001 ให้ต้นสังกัด ไม่ต้องสงสัยว่าความสัมพันธ์ระหว่าง คลอปป์ กับแฟนบอลไมนซ์เหนียวแน่นขนาดไหน ขณะเดียวกันสถานการณ์ที่ ดอร์ทมุนด์ แม้ว่าเขาจะอำลาทีมหลังจบฤดูกาลที่แล้ว แต่ความสัมพันธ์กับแฟนบอลเสือเหลืองก็แทบจะไม่เปลี่ยนไป
โอโวโมเยลา พูดถึง คลอปป์ ว่าเขาทำให้บรรยากาศในสนามน่าติดตาม สร้างเสน่ห์ให้ทีมในแต่ละเกมทำให้แฟนบอลมีความศรัทธาและเชียร์อย่างเต็มที่ นอกจากนี้เขามักจะบอกกับแฟนบอลเสมอว่าเขารู้สึกดีขนาดไหนที่ได้คุมทีมต่อหน้าแฟนบอลที่ยอดเยี่ยมอย่างดอร์ทมุนด์ ทำให้แฟนเสือเหลือรักเขามากเข้าไปอีก
ส่วนบทบาทใหม่ที่อังกฤษ โอโวโมเยลา เชื่อว่าแฟนบอลเดอะ ค็อป จะรัก คลอปป์ ไม่ว่าเหตุผลจะมาจากการที่เขาพาทีมเก็บชัยชนะ , ปฏิกิริยาของเขาที่อยู่ข้างสนาม และทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาจะนำมาสู่ถิ่นแอนฟิลด์ เพราะผู้ชายคนนี้คือคนที่บ้าฟุตบอลเข้าขั้น ไม่เคยย่อท้อต่ออุปสรรค
ขณะที่ ฮุกแลนด์ เสริมความเห็นของ โอโวโมเยลา ว่า คลอปป์ เป็นคนที่คลั่งไคล้เกมลูกหนังมากๆ และกับหน้าที่กุนซือหงส์แดง เขาจะนำความแปลกใหม่มาสู่ชาวเมืองลิเวอร์พูล ด้วยความที่เขาเป็นคนสบายๆ มนุษยสัมพันธ์ดี ปรับตัวได้ง่าย เชื่อว่าทุกคนที่ลิเวอร์พูล และอังกฤษ จะรักเขาเหมือนกับที่คนเยอรมันรักเขา