BLOG BOARD_B
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email: sale@soccersuck.com
ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1, 2
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
แบบสำรวจ
ท่านเห็นด้วยกับกฎ "Financecial Fair Play" หรือไม่
เห็นด้วย
???
ไม่เห็นด้วย
???
คะแนนทั้งหมด: 30
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
ดาวซัลโวโอลิมปิก
Status: sutatS
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 19 May 2011
ตอบ: 13831
ที่อยู่: บนโลกจ้า
โพสเมื่อ: Tue Dec 02, 2014 13:04
[RE: [แตกกระทู้] ว่าด้วยเรื่องกฎ Financecial Fair Play !!!]
inugami พิมพ์ว่า:
NothinGolF พิมพ์ว่า:
inugami พิมพ์ว่า:
ผมว่าทีมใหญ่ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีกฏนี้ก็มีความแข็งแกร่งทางการเงินในระดับที่เหนือกว่าห่างจากทีมเล็กเยอะอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ ฉะนั้นจะมีกฏขึ้นมามันก็ไม่ได้ทำให้ช่องว่างเพิ่มขึ้นกว่าเดิมหรอก แถมพอมีขึ้นมาจะยังทำให้ทีมใหญ่ขยับตัวได้ยากขึ้น(นิดหน่อย)อีกด้วยซ้ำไป โดยเฉพาะทีมที่อยู่ในลักษณะมีกลุ่มทุนเข้ามาเทคโอเวอร์ใหม่ มันเป็นการป้องกันไม่ให้ทีมเหล่านี้เข้ามาทำลายตลาดโดยภาพรวมมากกว่าครับ เพราะทีมเหล่านี้พอขึ้นมาใหม่ๆก็จำเป็นต้องทุ่มเงินบ้าเลือดเพราะยังไม่มีแบ็คในการดึงดูดนักเตะก็ต้องใช้เงินเวอร์ๆสถานเดียวและนั่นทำให้ตลาดมันเฟ้อเหมือนทุกวันนี้ จำตอนที่แมนซิตี้ เปแอสเช โมนาโก หรือแม้แต่มาลาก้าถูกเทคได้ไหมละครับ สภาพแบบนั้นจะไม่เกิดขึ้นได้ง่ายๆอีกแล้ว(เกิดบ้างแต่ไม่มั่วซั่วเละเทะได้ขนาดนั้นแล้ว อย่างน้อยก็ต้องอ้างขายชื่อสนาม ขายสปอนเซอร์คาดหน้าอก ซึ่งมันมีราคาของมันอยู่ครับ ไม่ใช่ฉีดเข้ามาได้เป็นหลายๆร้อยล้านพันล้านตามใจชอบเหมือนเดิมแล้ว)

ส่วนผลของกฏนี้กับทีมเล็กๆ ผมเห็นว่ายังไงก็ไม่ได้ฆ่าทีมเล็กครับ จะฆ่ายังไงในเมื่อปัจจุบันที่ไม่มีกฏนี้ทีมใหญ่มันก็ทุ่มกันบ้าเลือดอยู่แล้ว ส่วนทีมเล็กก็ได้แต่บริหารกันไปตามอัตภาพอยู่แล้ว มันไม่ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรในด้านนั้นเลย ผมจึงไม่เห็นว่าเมื่อมีกฏนี้แล้วทีมเล็กๆจะเสียเปรียบมากขึ้นกว่าเดิมตรงไหน แต่กฏนี้ยังจะป้องกันไม่ให้ทีมเล็ก(และทีมใหญ่)ใช้เงินเกินตัวจนนำไปสู่การล้มละลายในอนาคตได้ด้วยครับ เช่นถ้าวันนึงชีคมันซูร์ต้องการถอนตัวจากแมนซิตี้ ถึงตอนนั้นก็ไม่ต้องห่วงว่าแมนซิตี้จะล้มละลายเหมือนกับที่มาลาก้าเคยเจอมาก่อนหน้านี้ เพราะเงินที่ใช้นั้นเป็นเงินหมุนเวียนในระบบของทีมผ่านช่องทางที่ถูกต้อง มีกฏหมายรองรับ นั่นทำให้การยักย้ายเข้าออกไม่สามารถทำได้โดยเสรี เท่ากับว่าเงินนั้นไม่ใช่เงินจากกระเป๋ามันซูร์โดยตรงอีกต่อไปแล้วแต่เป็นเงินของสโมสร จะจ่ายคืนได้ก็ต้องปันผลหรือไม่ก็ขายทิ้งทั้งสโมสรก่อนถึงจะได้เงินครับ เช่นเดียวกัน ทีมเล็กๆที่ถ้าไม่จ่ายเกินที่มีก็จะไม่มีวันล้มละลายไปเหมือนกับที่ทีมอย่างปอร์ทสมัท หรือเรอัล เบติสเคยเป็นครับ


เพิ่มเติมนิดหน่อยครับ เรื่องว่าเค้าลืมคิดเรื่องสปอนเซอร์ทีมใหญ่มากกว่าทีมเล็กผมว่าเค้าไม่ได้ลืมอยู่แล้วล่ะ เค้าก็ระบุชัดเจนว่าให้ใช้เท่าที่ตัวเองมี ทีมใหญ่เงินเยอะก็ใช้เยอะครับ ทีมเล็กก็ใช้น้อยไป อย่าลืมครับว่าฟุตบอลมันมีต้นทุนของมันอยู่แล้ว คุณเป็นทีมเล็กคุณก็ต้นทุนต่ำโดยอัตโนมัติเหมือนกันนะครับ ค่าเหนื่อย ค่าบริหารจัดการย่อมถูกกว่า จะซื้อใครก็ไม่โดนโก่งมากนัก ไม่เหมือนทีมใหญ่ ค่าบริหารจัดการสูงมาก ค่าเหนื่อยก็ต้องจ่ายแพงๆ จะซื้อใครก็โดนโก่งแล้วโก่งอีก ตรงนี้มันมีสมดุลของมันเองอยู่แล้วครับ เราไม่ต้องกังวลไป  


แต่โอกาสเติบโตของทีมเล็กมันเหมือนถูกกำจัดครับ ถ้าก่อนหน้านี้ยังอาจมีฟลุ๊คแบบเชลซี แมนซิ PSG ที่ได้เศรษฐีมาทุ่มให้สร้างแบรนด์ได้ในเวลารวดเร็ว แต่นี่เหมือนจำกัดไว้เลยว่า คุณมีเท่านี้ มีคนสนับสนุนเท่านี้ก็ได้แค่นี้ ต่อให้มีมหาเศรษฐีมาเทคโอเวอร์ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แล้วเศรษฐีที่ไหนจะมาเทค กับทีมที่โอกาสเติบโตน้อยมันไม่คุ้มไง ทีมพวกนี้ก็เลยต้องใช้ชีวิตแบบที่เป็นอยู่ในตอนนี้โอกาสเติบโตถ้าให้เทียบ ทีมใหญ่ 20เปอเซ็น ทีมเล็กมีแค่ 5 เปอเซ็น  


ถ้าอย่างนั้นก็เท่ากับว่าเอื้อประโยชน์ให้คนรวยรึเปล่า? แน่นอนว่ามีเศรษฐีอยากมาเทคสโมสรเรื่อยๆ แต่ยังไงก็เทคได้แค่ทีมเดียว แถมไม่มีอะไรรับประกันเลยว่าจะเป็นได้อย่างซิตี้ เปแอสเช หรือเละแบบมาลาก้า โมนาโก แต่ ณ จุดนั้นก็ได้ทำลายสมดุลในตลาดไปแล้ว ผลกระทบโดนกันทั้งยุโรปหรือทั้งโลก แต่ทีมได้ประโยชน์อาจจะมีแค่ทีมเดียวหรือไม่มีเลย ผมว่ามองภาพใหญ่ยังไงก็ไม่น่าคุ้มจริงไหมล่ะครับ  


ผมมองว่าการทุ่มมีความเสี่ยงนะ ไม่ใช่ว่ามีเศรษฐีทุ่มแล้วจะการันตีความสำเร็จ ดูอย่างโมนาโกตอนนี้ เชลซี แมนซิ ถือว่าโชคดีที่ทุ่มก่อนใครเพื่อนทำให้มันเหมือนเรื่องใหม่สำหรับคนตอนนั้น และทำทีมประสบความสำเร็จ

แต่กลับกัน ต่อให้มีเศรษฐีมาทุ่มแต่ทำทีมไม่ประสบความสำเร็จ ก็เท่านั้นนะครับ ยิ่งเศรษฐีถ้ามาทุ่มตอนนี้ผมว่ามันช้าแล้วเพราะราคานักเตะมันเปลี่ยนไปหมดแล้ว ไม่เหมือนสมัยแรกของเชลซี กับ แมนซิ ที่ตลาดนักเตะยังปรับตัวไม่ทัน

ผมคิดว่าน่าจะจำกัดให้สโมสรละ 70 ล้านปอนด์ ใช้ได้ไม่เกินสโมสรละ 120 ล้านปอนด์อะไรประมาณนี้ ส่วนต่าง 50 ล้านคือแล้วแต่ต้นทุนสโมสรเลยว่าใครมีต้นทุนดีสปอนเซอร์หนุนเยอะคุณก็ได้เปรียบตรงนี้ไป ผมว่าน่าจะแฟร์กว่า ความเห็นของผมนะ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ผู้เยี่ยมชม
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 Oct 2005
ตอบ: 3460
ที่อยู่: บ้านนอก
โพสเมื่อ: Tue Dec 02, 2014 13:07
ถูกแบนแล้ว
[RE: [แตกกระทู้] ว่าด้วยเรื่องกฎ Financecial Fair Play !!!]
3aHaMu5 พิมพ์ว่า:
inugami พิมพ์ว่า:
ผมว่าทีมใหญ่ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีกฏนี้ก็มีความแข็งแกร่งทางการเงินในระดับที่เหนือกว่าห่างจากทีมเล็กเยอะอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ ฉะนั้นจะมีกฏขึ้นมามันก็ไม่ได้ทำให้ช่องว่างเพิ่มขึ้นกว่าเดิมหรอก แถมพอมีขึ้นมาจะยังทำให้ทีมใหญ่ขยับตัวได้ยากขึ้น(นิดหน่อย)อีกด้วยซ้ำไป โดยเฉพาะทีมที่อยู่ในลักษณะมีกลุ่มทุนเข้ามาเทคโอเวอร์ใหม่ มันเป็นการป้องกันไม่ให้ทีมเหล่านี้เข้ามาทำลายตลาดโดยภาพรวมมากกว่าครับ เพราะทีมเหล่านี้พอขึ้นมาใหม่ๆก็จำเป็นต้องทุ่มเงินบ้าเลือดเพราะยังไม่มีแบ็คในการดึงดูดนักเตะก็ต้องใช้เงินเวอร์ๆสถานเดียวและนั่นทำให้ตลาดมันเฟ้อเหมือนทุกวันนี้ จำตอนที่แมนซิตี้ เปแอสเช โมนาโก หรือแม้แต่มาลาก้าถูกเทคได้ไหมละครับ สภาพแบบนั้นจะไม่เกิดขึ้นได้ง่ายๆอีกแล้ว(เกิดบ้างแต่ไม่มั่วซั่วเละเทะได้ขนาดนั้นแล้ว อย่างน้อยก็ต้องอ้างขายชื่อสนาม ขายสปอนเซอร์คาดหน้าอก ซึ่งมันมีราคาของมันอยู่ครับ ไม่ใช่ฉีดเข้ามาได้เป็นหลายๆร้อยล้านพันล้านตามใจชอบเหมือนเดิมแล้ว)

ส่วนผลของกฏนี้กับทีมเล็กๆ ผมเห็นว่ายังไงก็ไม่ได้ฆ่าทีมเล็กครับ จะฆ่ายังไงในเมื่อปัจจุบันที่ไม่มีกฏนี้ทีมใหญ่มันก็ทุ่มกันบ้าเลือดอยู่แล้ว ส่วนทีมเล็กก็ได้แต่บริหารกันไปตามอัตภาพอยู่แล้ว มันไม่ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรในด้านนั้นเลย ผมจึงไม่เห็นว่าเมื่อมีกฏนี้แล้วทีมเล็กๆจะเสียเปรียบมากขึ้นกว่าเดิมตรงไหน แต่กฏนี้ยังจะป้องกันไม่ให้ทีมเล็ก(และทีมใหญ่)ใช้เงินเกินตัวจนนำไปสู่การล้มละลายในอนาคตได้ด้วยครับ เช่นถ้าวันนึงชีคมันซูร์ต้องการถอนตัวจากแมนซิตี้ ถึงตอนนั้นก็ไม่ต้องห่วงว่าแมนซิตี้จะล้มละลายเหมือนกับที่มาลาก้าเคยเจอมาก่อนหน้านี้ เพราะเงินที่ใช้นั้นเป็นเงินหมุนเวียนในระบบของทีมผ่านช่องทางที่ถูกต้อง มีกฏหมายรองรับ นั่นทำให้การยักย้ายเข้าออกไม่สามารถทำได้โดยเสรี เท่ากับว่าเงินนั้นไม่ใช่เงินจากกระเป๋ามันซูร์โดยตรงอีกต่อไปแล้วแต่เป็นเงินของสโมสร จะจ่ายคืนได้ก็ต้องปันผลหรือไม่ก็ขายทิ้งทั้งสโมสรก่อนถึงจะได้เงินครับ เช่นเดียวกัน ทีมเล็กๆที่ถ้าไม่จ่ายเกินที่มีก็จะไม่มีวันล้มละลายไปเหมือนกับที่ทีมอย่างปอร์ทสมัท หรือเรอัล เบติสเคยเป็นครับ


เพิ่มเติมนิดหน่อยครับ เรื่องว่าเค้าลืมคิดเรื่องสปอนเซอร์ทีมใหญ่มากกว่าทีมเล็กผมว่าเค้าไม่ได้ลืมอยู่แล้วล่ะ เค้าก็ระบุชัดเจนว่าให้ใช้เท่าที่ตัวเองมี ทีมใหญ่เงินเยอะก็ใช้เยอะครับ ทีมเล็กก็ใช้น้อยไป อย่าลืมครับว่าฟุตบอลมันมีต้นทุนของมันอยู่แล้ว คุณเป็นทีมเล็กคุณก็ต้นทุนต่ำโดยอัตโนมัติเหมือนกันนะครับ ค่าเหนื่อย ค่าบริหารจัดการย่อมถูกกว่า จะซื้อใครก็ไม่โดนโก่งมากนัก ไม่เหมือนทีมใหญ่ ค่าบริหารจัดการสูงมาก ค่าเหนื่อยก็ต้องจ่ายแพงๆ จะซื้อใครก็โดนโก่งแล้วโก่งอีก ตรงนี้มันมีสมดุลของมันเองอยู่แล้วครับ เราไม่ต้องกังวลไป  


เห็นด้วยกับความเห็นส่วนใหญ่ครับ งั้นกฎนี้ก็มีมาเพื่อประกาศให้ทีมเล็กๆรู้ว่า พวกมึงไม่มีทางเติบโตเป็นทีมใหญ่ได้ ถ้าไม่มีปัญญาหาตังเข้ามาเองได้ ใช่ไหมครับ !? เพราะยังไงก็ตามทีมเล็กก็ได้สปอนเซอร์น้อยกว่าทีมใหญ่ ทีมเล็กๆได้แต่ซื้อตัวถูกๆมาปั้น เล่นดีก็โดนทีมใหญ่ดึงไป วนลูปแบบนี้ไปเรื่อยๆ แล้วเมื่อไรจะขึ้นมาเทียบกะ ทีมใหญ่ๆที่มีประวัติยาวนาน สปอนเซอร์สนับสนุนเยอะๆ ได้ละครับ ?

แทนที่จะจำกัดให้ใช้ได้ไม่เกินรายรับ เปลี่ยนเป็นระบุไปเลยว่าใช้ได้ปีละ 100 ล้าน 150 ล้าน แบบนี้ จะดูดีกว่าไหม ยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดๆคือ ลิเวอร์พูลฮะ !! ตกไปอยู่กลางตารางตั้งกี่ปีแต่ชื่อเสียงเก่าๆยังขายได้ สปอนเซอร์ก็ยังมาสนับสนุนอยู่เรื่อยๆ ก็ยังใช้ตังได้เยอะเหมือนเดิม ผมเข้าใจถูกไหมครับ  



ความจริงมันก็โหดร้ายแบบนี้แหละครับ แต่ประเด็นก็คือจะมีกฏหรือไม่มีมันก็เป็นแบบนั้นอยู่ดีไงครับ ฉะนั้นกฏนี้ก็ไม่ทำให้โลกมันโหดร้ายขึ้น ก็ร้ายเท่าเดิมแหละ ส่วนเรื่องกำหนดว่าให้ใช้ปีละ 100 ล้านนี่ทีมใหญ่คงล้มละลายหมดครับ เพดานค่าเหนื่อยแทบทุกทีมก็เกินหมดแหละครับ ทางออกระยะยาวอาจจะทำได้ แต่ประกาศใช้เปรี้ยงทันทีเป็นไปไม่ได้ครับ
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1, 2
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel