BLOG BOARD_B
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email: sale@soccersuck.com
ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1, 2
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
แบบสำรวจ
ท่านเห็นด้วยกับกฎ "Financecial Fair Play" หรือไม่
เห็นด้วย
???
ไม่เห็นด้วย
???
คะแนนทั้งหมด: 30
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
ผู้เยี่ยมชม
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Nov 2014
ตอบ: 705
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Dec 02, 2014 02:54
ถูกแบนแล้ว
[แตกกระทู้] ว่าด้วยเรื่องกฎ Financecial Fair Play !!!
หลังจากได้อ่านข่าว ที่มูริญโญ่ ได้วิจารณ์กฎ "Financecial Fair Play" ไป จากข่าว
http://www.ssballthai.in.th/boards/topic/1156920
เลยเกิดความสงสัยว่ากฎนี้มันดีจริงหรือ ? โดยความเข้าใจของผม กฎนี้ตีความออกมาได้ว่า

1. การซื้อนักเตะ ต้องมาจากการทำธุรกิจของทีม ถ้าธุรกิจทีมดี รายได้เยอะ จะซื้อมาก ซื้อเยอะก็ไม่ว่ากัน (ขายเสื้อ ตั๋วเข้าชม สปอร์เซอร์ ลิขสิทธิ์ถ่ายทอด ส่วนแบ่งไรก็ว่าไป)

2. ประมาณควมคุม สมดุล รายรับ รายจ่ายให้ดี ค่าตัวนักเตะ ค่าเหนื่อย บลาๆ คือทีมต้องชี้แจง บัญชี ได้ว่ามีรายรับ รายได้มาจากไหนบ้าง กันเอาเงินเจ้าของทีมมาอัดฉีดให้

แล้วถ้ากฎออกมาแบบนี้ เท่ากับว่าฆ่าทีมเล็กๆเลยสิครับ
ทำกฎออกมาเพื่อลดช่องว่าระหว่างทีมใหญ่และทีมเล็ก แต่กลับลืมคิดไปว่าทีมใหญ่หลายๆทีม
มีประวัติศาสตร์มากกว่า มีสปอนเซอร์และรายได้สนับสนุนมากกว่า
ทำให้ทีมใหญ่สามารถซื้อตัวได้มากกว่า ทุ่มค่าเหนื่อยให้ได้มากกว่า
ในขณะที่ทีมเล็กๆอย่าง วีแกน ซันเดอร์แลนด์ รึ เซาท์แทมตัน ฯลฯ [ขออภัยที่พาดพิง]
จะซื้อนักเตะแต่ละคน ต้องเจียดเงินรายรับที่มีอยู่น้อยนิด
เพื่อจะซื้อใครสักคน เจียดรายได้เล็กๆน้อยๆเพื่อจะเพิ่มค่าเหนื่อยให้นักเตะ
ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว การที่นักเตะสักคนที่เป็นตัวหลักหรือเล่นได้อย่างโดดเด่นในทีมเล็กๆ
ก็ต้องโดนทีมใหญ่ๆ ดึงตัวไปด้วยค่าตัวที่ค่อนข้างสูง ค่าเหนื่อยที่เพิ่มมากขึ้นหลายเท่า
ด้วยกฎ "Financecial Fair Play" กลายเป็นว่าทีมเล็กๆ จะโดนกดยิ่งกว่าเก่า คล้ายๆเป็นแค่ทีมปั้นนักเตะส่งออกให้ทีมใหญ่ๆเท่านั้นสิครับ

2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
ออนไลน์
คอมเมนเตเตอร์
Status:
: 1 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 15 Oct 2009
ตอบ: 70772
ที่อยู่: Juventus Stadium
โพสเมื่อ: Tue Dec 02, 2014 03:01
[RE: [แตกกระทู้] ว่าด้วยเรื่องกฎ Financecial Fair Play !!!]
ใช้กฎเมกาเลย http://en.wikipedia.org/wiki/2014_NBA_draft

เวลาซื้อตัว
แก้ไขล่าสุดโดย DelZaa เมื่อ Tue Dec 02, 2014 03:01, ทั้งหมด 1 ครั้ง
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 11 Jan 2014
ตอบ: 101
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Dec 02, 2014 03:50
[RE: [แตกกระทู้] ว่าด้วยเรื่องกฎ Financecial Fair Play !!!]
ไม่ค่อยรู้เรื่องการ draft ตัวเท่าไร แต่มี หนังอยู่เรื่องที่เกี่ยวกับการ draft ตัวนัก อเมริกันฟุตบอล รู้สึกมันตื่นเต้นดีครับ แบบว่าลุ้นดี แต่วงการฟุตบอลคงยาก นักเตะเยอะเกิ๊น

0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวเตะพรีเมียร์ลีก
Status: แฟนคลับ IU
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 5770
ที่อยู่: Stamford Bridge
โพสเมื่อ: Tue Dec 02, 2014 04:07
[RE: [แตกกระทู้] ว่าด้วยเรื่องกฎ Financecial Fair Play !!!]
คำว่า Fair Play มันหมดความขลังไปตั้งแต่ PSG ทุ่มซื้อนักเตะค่าตัวกับค่าเหนื่อยโคตรเวอร์แล้วครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ข.
Status: เมพ
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 09 Jan 2010
ตอบ: 4878
ที่อยู่: ฝั่งตรงข้ามแอนฟิลด์
โพสเมื่อ: Tue Dec 02, 2014 08:46
[RE: [แตกกระทู้] ว่าด้วยเรื่องกฎ Financecial Fair Play !!!]
3aHaMu5 พิมพ์ว่า:
หลังจากได้อ่านข่าว ที่มูริญโญ่ ได้วิจารณ์กฎ "Financecial Fair Play" ไป จากข่าว
http://www.ssballthai.in.th/boards/topic/1156920
เลยเกิดความสงสัยว่ากฎนี้มันดีจริงหรือ ? โดยความเข้าใจของผม กฎนี้ตีความออกมาได้ว่า

1. การซื้อนักเตะ ต้องมาจากการทำธุรกิจของทีม ถ้าธุรกิจทีมดี รายได้เยอะ จะซื้อมาก ซื้อเยอะก็ไม่ว่ากัน (ขายเสื้อ ตั๋วเข้าชม สปอร์เซอร์ ลิขสิทธิ์ถ่ายทอด ส่วนแบ่งไรก็ว่าไป)

2. ประมาณควมคุม สมดุล รายรับ รายจ่ายให้ดี ค่าตัวนักเตะ ค่าเหนื่อย บลาๆ คือทีมต้องชี้แจง บัญชี ได้ว่ามีรายรับ รายได้มาจากไหนบ้าง กันเอาเงินเจ้าของทีมมาอัดฉีดให้

แล้วถ้ากฎออกมาแบบนี้ เท่ากับว่าฆ่าทีมเล็กๆเลยสิครับ
ทำกฎออกมาเพื่อลดช่องว่าระหว่างทีมใหญ่และทีมเล็ก แต่กลับลืมคิดไปว่าทีมใหญ่หลายๆทีม
มีประวัติศาสตร์มากกว่า มีสปอนเซอร์และรายได้สนับสนุนมากกว่า
ทำให้ทีมใหญ่สามารถซื้อตัวได้มากกว่า ทุ่มค่าเหนื่อยให้ได้มากกว่า
ในขณะที่ทีมเล็กๆอย่าง วีแกน ซันเดอร์แลนด์ รึ เซาท์แทมตัน ฯลฯ [ขออภัยที่พาดพิง]
จะซื้อนักเตะแต่ละคน ต้องเจียดเงินรายรับที่มีอยู่น้อยนิด
เพื่อจะซื้อใครสักคน เจียดรายได้เล็กๆน้อยๆเพื่อจะเพิ่มค่าเหนื่อยให้นักเตะ
ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว การที่นักเตะสักคนที่เป็นตัวหลักหรือเล่นได้อย่างโดดเด่นในทีมเล็กๆ
ก็ต้องโดนทีมใหญ่ๆ ดึงตัวไปด้วยค่าตัวที่ค่อนข้างสูง ค่าเหนื่อยที่เพิ่มมากขึ้นหลายเท่า
ด้วยกฎ "Financecial Fair Play" กลายเป็นว่าทีมเล็กๆ จะโดนกดยิ่งกว่าเก่า คล้ายๆเป็นแค่ทีมปั้นนักเตะส่งออกให้ทีมใหญ่ๆเท่านั้นสิครับ

 


ใช่ครับ พูดง่ายๆคือ ทีมที่เป็นแชมป์ก็จะวนอยู่แค่หน้าเดิมๆ 5-6 ทีมท็อปในลีก
ไม่มีโอกาสที่จะมีทีมแชมป์ชื่อใหม่ๆหน้าใหม่ๆ
นอกจากว่าจะมียอดมนุษย์เกิดมาเล่นให้กับทีมเล็กอ่านะ
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
นักบอลไทยพรีเมียร์ลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 10 Jul 2010
ตอบ: 3908
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Dec 02, 2014 09:17
[RE: [แตกกระทู้] ว่าด้วยเรื่องกฎ Financecial Fair Play !!!]
ทีมใหญ่ ทีมเล็ก เกิดมาจากอะไรล่ะครับ
ทุกทีมเริ่มต้นมาจากจุดเดียวกัน ถ้าเปรียบเป็นต้นไม้ สโมสรทุกสโมสรก็เติบโตมาจากเมล็ดเหมือนๆกันหมด
ความต่างคือ ความสามารถของสโมสรในการหาทางเจริญเติบโต (ด้วยตัวเอง)
แมนยู ลิเวอร์พูล ใช่ว่ารวยมาตั้งแต่เริ่ม แต่เพราะพวกเขา สร้างผลงาน สร้างฐานแฟนบอล
ด้วยชัยชนะ ด้วยสไตล์การเล่นที่สวยงาม ใช้เวลาเป็นสิบๆปีกว่าจะมาถึงจุดนี้ที่เป็นสโมสรที่มีชื่อเสียง
ต้องใช้เงินทุนทำการตลาดเอง ต้องคำนึงถึงการขาดทุนในการดำเนินธุรกิจ (ในขณะที่สโมสรที่มีเจ้าของรวยไม่จำเป็นต้องสนใจว่าจะขาดทุน)
แต่กลับมีสโมสรอื่นใช้เวลาเพียงชั่วข้ามคืน

คำถามคือ มันก็ไม่ต่างกับคนที่เล่นเกมออลไลน์
คนนึงพยายามเก็บเลเวล สะสมเงิน สะสมอาวุธ ใช้เวลาเล่นเป็นวันๆเป็นเดือนๆด้วยตัวเอง ด้วยสมอง
แต่เพื่อนอีกคนใส่สูตร 1 นาทีเสร็จ แล้วก็ออกมาตีกุตาย

ประเด็นคือ ทุกสโมสรควรจะเติบโตด้วยตัวเอง
ถ้ายกตัวอย่าง เซาท์แธมตัน ทีมซึ่งไม่ได้มีเงินทองมากมาย แต่เริ่มทำผลงานได้ดี ถ้ายืนระยะได้สักหน่อย
ไม่แน่อีก 2-3 ปี ทีมเค้าอาจจะมีชื่อเสียงมากขึ้น มีแฟนมากขึ้น มีรายได้มากขึ้น
ถ้าสู้กันอย่างยุติธรรม ไม่มีคนรวยมาเทคโอเวอร์ บางทีตอนนี้ เซาแธมตัน อาจจะมีชื่อเสียงกว่า แมนซิตี้ ก็ได้
แก้ไขล่าสุดโดย MeVa11 เมื่อ Tue Dec 02, 2014 09:41, ทั้งหมด 1 ครั้ง
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status: www.mcfc.in.th
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 10 Nov 2014
ตอบ: 339
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Dec 02, 2014 09:40
[RE: [แตกกระทู้] ว่าด้วยเรื่องกฎ Financecial Fair Play !!!]
ใช่ครับ เห็นด้วยอยางยิ่ง
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวซัลโวโอลิมปิก
Status: sutatS
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 19 May 2011
ตอบ: 13831
ที่อยู่: บนโลกจ้า
โพสเมื่อ: Tue Dec 02, 2014 10:14
[RE: [แตกกระทู้] ว่าด้วยเรื่องกฎ Financecial Fair Play !!!]
ผมเห็นด้วยกับกฎนะ แต่ว่ามันต้องทำอะไรสักอย่างกับช่องว่างตรงนี้ ไม่งั้นมันก็เหมือนกับการผูกขาดแบบที่มูพูด ไม่ว่าจะเป็น แมนยู เชลซี น่อล แมนซิ ลิเวอร์ ห้าทีมหลักๆนี้แน่นอนว่าได้รับผลกระทบเต็มๆ แต่นั่นมันคือในกรณีที่มีเงินแต่ใช้ไม่ได้ มันต่างจากสโมสรน้องใหม่หรือสโมสรที่อยู่กลางตาราง อันนี้คือเค้าเงินก็พอมีใช้แต่มันไม่ได้เหลือแบบทีมใหญ่ จะซื้อใครก็ต้องมานั่งคำนวณอีกทั้งๆที่เงินมีให้ใช้ก็ไม่ได้มากมาย

จะถามผมงั้นควรใช้กฎไหนดีผมก้ตอบไม่ได้หรอก แต่สำหรับผมแบบเก่าก็ถือว่าดี แบบ ffp มันก็มีข้อดีตรงจำกัดความห่างชั้นระหว่างทีมได้แต่มันก็ทำให้เกิดความต่างชั้นของทีมเช่นกัน

ถ้าแบบเก่าเชลซีมีเศรษฐีมาซื้อ แม่งทุ่มแหลกในปีแรกๆเพื่อสร้างแบรนด์ ไม่ว่าจะเชลซี แมนซิ โมนาโก PSG อะไรพวกนี้คือทุ่มแหลก แต่แบรนด์มันก็สร้างได้ทำให้ทีมสู้กับทีมหลักๆในสมัยก่อนได้ ส่งผลให้เริ่มมีสปอนเซอร์เข้ามาสนับสนุน แฟนบอลก็เริ่มหลั่งไหลมาเชียร์

ซึ่งถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับทีมน้องใหม่หรือกลางตารางผมว่าก็ทำให้บอลน่าสนุกขึ้นแต่มันก็จะเกิดภาวะราคานักเตะมันโอเวอร์เกินความเป็นจริง ตลาดนักเตะโลกวุ่นวายหมด

ไม่ว่าจะอันไหนมันก็มีข้อเสียหมดแหละ นอกจากจะให้กำหนดมาเลยปีนึงทุกทีมจะได้รับ 100ล้านปอนด์ และใช้จ่ายได้ 150 ล้านปอนด์ เท่านั้นอะไรแบบนี้
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวซัลโวโอลิมปิก
Status: sutatS
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 19 May 2011
ตอบ: 13831
ที่อยู่: บนโลกจ้า
โพสเมื่อ: Tue Dec 02, 2014 10:24
[RE: [แตกกระทู้] ว่าด้วยเรื่องกฎ Financecial Fair Play !!!]
MeVa11 พิมพ์ว่า:
ทีมใหญ่ ทีมเล็ก เกิดมาจากอะไรล่ะครับ
ทุกทีมเริ่มต้นมาจากจุดเดียวกัน ถ้าเปรียบเป็นต้นไม้ สโมสรทุกสโมสรก็เติบโตมาจากเมล็ดเหมือนๆกันหมด
ความต่างคือ ความสามารถของสโมสรในการหาทางเจริญเติบโต (ด้วยตัวเอง)
แมนยู ลิเวอร์พูล ใช่ว่ารวยมาตั้งแต่เริ่ม แต่เพราะพวกเขา สร้างผลงาน สร้างฐานแฟนบอล
ด้วยชัยชนะ ด้วยสไตล์การเล่นที่สวยงาม ใช้เวลาเป็นสิบๆปีกว่าจะมาถึงจุดนี้ที่เป็นสโมสรที่มีชื่อเสียง
ต้องใช้เงินทุนทำการตลาดเอง ต้องคำนึงถึงการขาดทุนในการดำเนินธุรกิจ (ในขณะที่สโมสรที่มีเจ้าของรวยไม่จำเป็นต้องสนใจว่าจะขาดทุน)
แต่กลับมีสโมสรอื่นใช้เวลาเพียงชั่วข้ามคืน

คำถามคือ มันก็ไม่ต่างกับคนที่เล่นเกมออลไลน์
คนนึงพยายามเก็บเลเวล สะสมเงิน สะสมอาวุธ ใช้เวลาเล่นเป็นวันๆเป็นเดือนๆด้วยตัวเอง ด้วยสมอง
แต่เพื่อนอีกคนใส่สูตร 1 นาทีเสร็จ แล้วก็ออกมาตีกุตาย

ประเด็นคือ ทุกสโมสรควรจะเติบโตด้วยตัวเอง
ถ้ายกตัวอย่าง เซาท์แธมตัน ทีมซึ่งไม่ได้มีเงินทองมากมาย แต่เริ่มทำผลงานได้ดี ถ้ายืนระยะได้สักหน่อย
ไม่แน่อีก 2-3 ปี ทีมเค้าอาจจะมีชื่อเสียงมากขึ้น มีแฟนมากขึ้น มีรายได้มากขึ้น
ถ้าสู้กันอย่างยุติธรรม ไม่มีคนรวยมาเทคโอเวอร์ บางทีตอนนี้ เซาแธมตัน อาจจะมีชื่อเสียงกว่า แมนซิตี้ ก็ได้
 


ตามท่านเลยครับ แต่มันก็จะเกิดเหตุการณ์ สมมติ ในตอนนี้ แมนยู(120) เชลซี(100) แมนซิ(80) น่อล(80) ลิเวอร์(80) และมีน้องใหม่ไฟแรงอย่างเซาท์(40)

ถ้าเซาท์สามารถยืนระยะได้ แต่ต้องทำให้ได้นานอย่างน้อยก็ 6 ปีขึ้นไป เพราะเชลซีขนาดทุ่มแหลกยังต้องทุ่มแทบตายเพื่อให้ทีมยืนระยะได้ขนาดนี้ แต่ถ้าเซาท์ทำได้ แน่นอนจะได้รับเงินสนับสนุนจากสปอนเซอร์เพิ่มมา อาจจะเป็น เซาท์(60) และในขณะที่ผ่านไป 6 ปี ค่าเงินมันต่ำลงทุกปี แถมรายได้อะไรมันก็ต้องเพิ่มขึ้นตามปกติ แมนยูกก็อาจเป็น (150) เชลซี (120) ..... อะไรพวกนี้ ถึงถามว่าจะต้องทำยังไง ทีมน้องใหม่หรือทีมกลางตารางจะใช้เวลาเท่าไหร่เพื่อให้ได้มีเงินใช้จ่ายเท่าสโมสรหลัก

ใช่ว่าทุกสโมสรต่างมีช่องทางของตัวเองทุกคนปั้นสโมสรมาด้วยน้ำพักน้ำแรง แต่หลังจากกฎนี้ออกมา ย้ำว่าหลังจากกฎออกมา มันทำให้เกิดความต่างเกินไป

มีกรณีเดียวที่จะทำให้ทีมน้องใหม่เติบโตได้ คือใช้นักเตะที่มี คว้าแชมป์ตัดหน้าทีมใหญ่และยืนระยะบนหัวตารางได้อย่างน้อย 4-5 ปีและต้องคว้าถ้วยรางวัลในประเทศได้พอสมควร

จึงถามว่าด้วยความต่างชั้นของทีมตอนนี้ ทีมน้องใหม่หรือทีมกลางตาราง จะทำตามกรณีข้างบนได้หรือไม่ เพราะถ้าทำได้แสดงว่ากฎก็ไม่มีผลเพราะนักเตะสู้ได้แม้จะไม่มีเงินใช้ ผมว่าปาฎิหาริย์
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
UzE
นักเตะเทศบาล
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 10 Sep 2009
ตอบ: 4056
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Dec 02, 2014 10:36
[RE: [แตกกระทู้] ว่าด้วยเรื่องกฎ Financecial Fair Play !!!]
DelZaa พิมพ์ว่า:
ใช้กฎเมกาเลย http://en.wikipedia.org/wiki/2014_NBA_draft

เวลาซื้อตัว  


เห็นด้วยสุดๆ ความสนุกมันจะมากขึ้นอีกเยอะเลย

0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ผู้เยี่ยมชม
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 Oct 2005
ตอบ: 3460
ที่อยู่: บ้านนอก
โพสเมื่อ: Tue Dec 02, 2014 12:17
ถูกแบนแล้ว
[RE: [แตกกระทู้] ว่าด้วยเรื่องกฎ Financecial Fair Play !!!]
ผมว่าทีมใหญ่ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีกฏนี้ก็มีความแข็งแกร่งทางการเงินในระดับที่เหนือกว่าห่างจากทีมเล็กเยอะอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ ฉะนั้นจะมีกฏขึ้นมามันก็ไม่ได้ทำให้ช่องว่างเพิ่มขึ้นกว่าเดิมหรอก แถมพอมีขึ้นมาจะยังทำให้ทีมใหญ่ขยับตัวได้ยากขึ้น(นิดหน่อย)อีกด้วยซ้ำไป โดยเฉพาะทีมที่อยู่ในลักษณะมีกลุ่มทุนเข้ามาเทคโอเวอร์ใหม่ มันเป็นการป้องกันไม่ให้ทีมเหล่านี้เข้ามาทำลายตลาดโดยภาพรวมมากกว่าครับ เพราะทีมเหล่านี้พอขึ้นมาใหม่ๆก็จำเป็นต้องทุ่มเงินบ้าเลือดเพราะยังไม่มีแบ็คในการดึงดูดนักเตะก็ต้องใช้เงินเวอร์ๆสถานเดียวและนั่นทำให้ตลาดมันเฟ้อเหมือนทุกวันนี้ จำตอนที่แมนซิตี้ เปแอสเช โมนาโก หรือแม้แต่มาลาก้าถูกเทคได้ไหมละครับ สภาพแบบนั้นจะไม่เกิดขึ้นได้ง่ายๆอีกแล้ว(เกิดบ้างแต่ไม่มั่วซั่วเละเทะได้ขนาดนั้นแล้ว อย่างน้อยก็ต้องอ้างขายชื่อสนาม ขายสปอนเซอร์คาดหน้าอก ซึ่งมันมีราคาของมันอยู่ครับ ไม่ใช่ฉีดเข้ามาได้เป็นหลายๆร้อยล้านพันล้านตามใจชอบเหมือนเดิมแล้ว)

ส่วนผลของกฏนี้กับทีมเล็กๆ ผมเห็นว่ายังไงก็ไม่ได้ฆ่าทีมเล็กครับ จะฆ่ายังไงในเมื่อปัจจุบันที่ไม่มีกฏนี้ทีมใหญ่มันก็ทุ่มกันบ้าเลือดอยู่แล้ว ส่วนทีมเล็กก็ได้แต่บริหารกันไปตามอัตภาพอยู่แล้ว มันไม่ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรในด้านนั้นเลย ผมจึงไม่เห็นว่าเมื่อมีกฏนี้แล้วทีมเล็กๆจะเสียเปรียบมากขึ้นกว่าเดิมตรงไหน แต่กฏนี้ยังจะป้องกันไม่ให้ทีมเล็ก(และทีมใหญ่)ใช้เงินเกินตัวจนนำไปสู่การล้มละลายในอนาคตได้ด้วยครับ เช่นถ้าวันนึงชีคมันซูร์ต้องการถอนตัวจากแมนซิตี้ ถึงตอนนั้นก็ไม่ต้องห่วงว่าแมนซิตี้จะล้มละลายเหมือนกับที่มาลาก้าเคยเจอมาก่อนหน้านี้ เพราะเงินที่ใช้นั้นเป็นเงินหมุนเวียนในระบบของทีมผ่านช่องทางที่ถูกต้อง มีกฏหมายรองรับ นั่นทำให้การยักย้ายเข้าออกไม่สามารถทำได้โดยเสรี เท่ากับว่าเงินนั้นไม่ใช่เงินจากกระเป๋ามันซูร์โดยตรงอีกต่อไปแล้วแต่เป็นเงินของสโมสร จะจ่ายคืนได้ก็ต้องปันผลหรือไม่ก็ขายทิ้งทั้งสโมสรก่อนถึงจะได้เงินครับ เช่นเดียวกัน ทีมเล็กๆที่ถ้าไม่จ่ายเกินที่มีก็จะไม่มีวันล้มละลายไปเหมือนกับที่ทีมอย่างปอร์ทสมัท หรือเรอัล เบติสเคยเป็นครับ


เพิ่มเติมนิดหน่อยครับ เรื่องว่าเค้าลืมคิดเรื่องสปอนเซอร์ทีมใหญ่มากกว่าทีมเล็กผมว่าเค้าไม่ได้ลืมอยู่แล้วล่ะ เค้าก็ระบุชัดเจนว่าให้ใช้เท่าที่ตัวเองมี ทีมใหญ่เงินเยอะก็ใช้เยอะครับ ทีมเล็กก็ใช้น้อยไป อย่าลืมครับว่าฟุตบอลมันมีต้นทุนของมันอยู่แล้ว คุณเป็นทีมเล็กคุณก็ต้นทุนต่ำโดยอัตโนมัติเหมือนกันนะครับ ค่าเหนื่อย ค่าบริหารจัดการย่อมถูกกว่า จะซื้อใครก็ไม่โดนโก่งมากนัก ไม่เหมือนทีมใหญ่ ค่าบริหารจัดการสูงมาก ค่าเหนื่อยก็ต้องจ่ายแพงๆ จะซื้อใครก็โดนโก่งแล้วโก่งอีก ตรงนี้มันมีสมดุลของมันเองอยู่แล้วครับ เราไม่ต้องกังวลไป
แก้ไขล่าสุดโดย inugami เมื่อ Tue Dec 02, 2014 12:22, ทั้งหมด 2 ครั้ง
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวซัลโวโอลิมปิก
Status: sutatS
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 19 May 2011
ตอบ: 13831
ที่อยู่: บนโลกจ้า
โพสเมื่อ: Tue Dec 02, 2014 12:35
[RE: [แตกกระทู้] ว่าด้วยเรื่องกฎ Financecial Fair Play !!!]
inugami พิมพ์ว่า:
ผมว่าทีมใหญ่ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีกฏนี้ก็มีความแข็งแกร่งทางการเงินในระดับที่เหนือกว่าห่างจากทีมเล็กเยอะอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ ฉะนั้นจะมีกฏขึ้นมามันก็ไม่ได้ทำให้ช่องว่างเพิ่มขึ้นกว่าเดิมหรอก แถมพอมีขึ้นมาจะยังทำให้ทีมใหญ่ขยับตัวได้ยากขึ้น(นิดหน่อย)อีกด้วยซ้ำไป โดยเฉพาะทีมที่อยู่ในลักษณะมีกลุ่มทุนเข้ามาเทคโอเวอร์ใหม่ มันเป็นการป้องกันไม่ให้ทีมเหล่านี้เข้ามาทำลายตลาดโดยภาพรวมมากกว่าครับ เพราะทีมเหล่านี้พอขึ้นมาใหม่ๆก็จำเป็นต้องทุ่มเงินบ้าเลือดเพราะยังไม่มีแบ็คในการดึงดูดนักเตะก็ต้องใช้เงินเวอร์ๆสถานเดียวและนั่นทำให้ตลาดมันเฟ้อเหมือนทุกวันนี้ จำตอนที่แมนซิตี้ เปแอสเช โมนาโก หรือแม้แต่มาลาก้าถูกเทคได้ไหมละครับ สภาพแบบนั้นจะไม่เกิดขึ้นได้ง่ายๆอีกแล้ว(เกิดบ้างแต่ไม่มั่วซั่วเละเทะได้ขนาดนั้นแล้ว อย่างน้อยก็ต้องอ้างขายชื่อสนาม ขายสปอนเซอร์คาดหน้าอก ซึ่งมันมีราคาของมันอยู่ครับ ไม่ใช่ฉีดเข้ามาได้เป็นหลายๆร้อยล้านพันล้านตามใจชอบเหมือนเดิมแล้ว)

ส่วนผลของกฏนี้กับทีมเล็กๆ ผมเห็นว่ายังไงก็ไม่ได้ฆ่าทีมเล็กครับ จะฆ่ายังไงในเมื่อปัจจุบันที่ไม่มีกฏนี้ทีมใหญ่มันก็ทุ่มกันบ้าเลือดอยู่แล้ว ส่วนทีมเล็กก็ได้แต่บริหารกันไปตามอัตภาพอยู่แล้ว มันไม่ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรในด้านนั้นเลย ผมจึงไม่เห็นว่าเมื่อมีกฏนี้แล้วทีมเล็กๆจะเสียเปรียบมากขึ้นกว่าเดิมตรงไหน แต่กฏนี้ยังจะป้องกันไม่ให้ทีมเล็ก(และทีมใหญ่)ใช้เงินเกินตัวจนนำไปสู่การล้มละลายในอนาคตได้ด้วยครับ เช่นถ้าวันนึงชีคมันซูร์ต้องการถอนตัวจากแมนซิตี้ ถึงตอนนั้นก็ไม่ต้องห่วงว่าแมนซิตี้จะล้มละลายเหมือนกับที่มาลาก้าเคยเจอมาก่อนหน้านี้ เพราะเงินที่ใช้นั้นเป็นเงินหมุนเวียนในระบบของทีมผ่านช่องทางที่ถูกต้อง มีกฏหมายรองรับ นั่นทำให้การยักย้ายเข้าออกไม่สามารถทำได้โดยเสรี เท่ากับว่าเงินนั้นไม่ใช่เงินจากกระเป๋ามันซูร์โดยตรงอีกต่อไปแล้วแต่เป็นเงินของสโมสร จะจ่ายคืนได้ก็ต้องปันผลหรือไม่ก็ขายทิ้งทั้งสโมสรก่อนถึงจะได้เงินครับ เช่นเดียวกัน ทีมเล็กๆที่ถ้าไม่จ่ายเกินที่มีก็จะไม่มีวันล้มละลายไปเหมือนกับที่ทีมอย่างปอร์ทสมัท หรือเรอัล เบติสเคยเป็นครับ


เพิ่มเติมนิดหน่อยครับ เรื่องว่าเค้าลืมคิดเรื่องสปอนเซอร์ทีมใหญ่มากกว่าทีมเล็กผมว่าเค้าไม่ได้ลืมอยู่แล้วล่ะ เค้าก็ระบุชัดเจนว่าให้ใช้เท่าที่ตัวเองมี ทีมใหญ่เงินเยอะก็ใช้เยอะครับ ทีมเล็กก็ใช้น้อยไป อย่าลืมครับว่าฟุตบอลมันมีต้นทุนของมันอยู่แล้ว คุณเป็นทีมเล็กคุณก็ต้นทุนต่ำโดยอัตโนมัติเหมือนกันนะครับ ค่าเหนื่อย ค่าบริหารจัดการย่อมถูกกว่า จะซื้อใครก็ไม่โดนโก่งมากนัก ไม่เหมือนทีมใหญ่ ค่าบริหารจัดการสูงมาก ค่าเหนื่อยก็ต้องจ่ายแพงๆ จะซื้อใครก็โดนโก่งแล้วโก่งอีก ตรงนี้มันมีสมดุลของมันเองอยู่แล้วครับ เราไม่ต้องกังวลไป  


แต่โอกาสเติบโตของทีมเล็กมันเหมือนถูกกำจัดครับ ถ้าก่อนหน้านี้ยังอาจมีฟลุ๊คแบบเชลซี แมนซิ PSG ที่ได้เศรษฐีมาทุ่มให้สร้างแบรนด์ได้ในเวลารวดเร็ว แต่นี่เหมือนจำกัดไว้เลยว่า คุณมีเท่านี้ มีคนสนับสนุนเท่านี้ก็ได้แค่นี้ ต่อให้มีมหาเศรษฐีมาเทคโอเวอร์ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แล้วเศรษฐีที่ไหนจะมาเทค กับทีมที่โอกาสเติบโตน้อยมันไม่คุ้มไง ทีมพวกนี้ก็เลยต้องใช้ชีวิตแบบที่เป็นอยู่ในตอนนี้โอกาสเติบโตถ้าให้เทียบ ทีมใหญ่ 20เปอเซ็น ทีมเล็กมีแค่ 5 เปอเซ็น
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ผู้เยี่ยมชม
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Nov 2014
ตอบ: 705
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Dec 02, 2014 12:52
ถูกแบนแล้ว
[RE: [แตกกระทู้] ว่าด้วยเรื่องกฎ Financecial Fair Play !!!]
inugami พิมพ์ว่า:
ผมว่าทีมใหญ่ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีกฏนี้ก็มีความแข็งแกร่งทางการเงินในระดับที่เหนือกว่าห่างจากทีมเล็กเยอะอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ ฉะนั้นจะมีกฏขึ้นมามันก็ไม่ได้ทำให้ช่องว่างเพิ่มขึ้นกว่าเดิมหรอก แถมพอมีขึ้นมาจะยังทำให้ทีมใหญ่ขยับตัวได้ยากขึ้น(นิดหน่อย)อีกด้วยซ้ำไป โดยเฉพาะทีมที่อยู่ในลักษณะมีกลุ่มทุนเข้ามาเทคโอเวอร์ใหม่ มันเป็นการป้องกันไม่ให้ทีมเหล่านี้เข้ามาทำลายตลาดโดยภาพรวมมากกว่าครับ เพราะทีมเหล่านี้พอขึ้นมาใหม่ๆก็จำเป็นต้องทุ่มเงินบ้าเลือดเพราะยังไม่มีแบ็คในการดึงดูดนักเตะก็ต้องใช้เงินเวอร์ๆสถานเดียวและนั่นทำให้ตลาดมันเฟ้อเหมือนทุกวันนี้ จำตอนที่แมนซิตี้ เปแอสเช โมนาโก หรือแม้แต่มาลาก้าถูกเทคได้ไหมละครับ สภาพแบบนั้นจะไม่เกิดขึ้นได้ง่ายๆอีกแล้ว(เกิดบ้างแต่ไม่มั่วซั่วเละเทะได้ขนาดนั้นแล้ว อย่างน้อยก็ต้องอ้างขายชื่อสนาม ขายสปอนเซอร์คาดหน้าอก ซึ่งมันมีราคาของมันอยู่ครับ ไม่ใช่ฉีดเข้ามาได้เป็นหลายๆร้อยล้านพันล้านตามใจชอบเหมือนเดิมแล้ว)

ส่วนผลของกฏนี้กับทีมเล็กๆ ผมเห็นว่ายังไงก็ไม่ได้ฆ่าทีมเล็กครับ จะฆ่ายังไงในเมื่อปัจจุบันที่ไม่มีกฏนี้ทีมใหญ่มันก็ทุ่มกันบ้าเลือดอยู่แล้ว ส่วนทีมเล็กก็ได้แต่บริหารกันไปตามอัตภาพอยู่แล้ว มันไม่ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรในด้านนั้นเลย ผมจึงไม่เห็นว่าเมื่อมีกฏนี้แล้วทีมเล็กๆจะเสียเปรียบมากขึ้นกว่าเดิมตรงไหน แต่กฏนี้ยังจะป้องกันไม่ให้ทีมเล็ก(และทีมใหญ่)ใช้เงินเกินตัวจนนำไปสู่การล้มละลายในอนาคตได้ด้วยครับ เช่นถ้าวันนึงชีคมันซูร์ต้องการถอนตัวจากแมนซิตี้ ถึงตอนนั้นก็ไม่ต้องห่วงว่าแมนซิตี้จะล้มละลายเหมือนกับที่มาลาก้าเคยเจอมาก่อนหน้านี้ เพราะเงินที่ใช้นั้นเป็นเงินหมุนเวียนในระบบของทีมผ่านช่องทางที่ถูกต้อง มีกฏหมายรองรับ นั่นทำให้การยักย้ายเข้าออกไม่สามารถทำได้โดยเสรี เท่ากับว่าเงินนั้นไม่ใช่เงินจากกระเป๋ามันซูร์โดยตรงอีกต่อไปแล้วแต่เป็นเงินของสโมสร จะจ่ายคืนได้ก็ต้องปันผลหรือไม่ก็ขายทิ้งทั้งสโมสรก่อนถึงจะได้เงินครับ เช่นเดียวกัน ทีมเล็กๆที่ถ้าไม่จ่ายเกินที่มีก็จะไม่มีวันล้มละลายไปเหมือนกับที่ทีมอย่างปอร์ทสมัท หรือเรอัล เบติสเคยเป็นครับ


เพิ่มเติมนิดหน่อยครับ เรื่องว่าเค้าลืมคิดเรื่องสปอนเซอร์ทีมใหญ่มากกว่าทีมเล็กผมว่าเค้าไม่ได้ลืมอยู่แล้วล่ะ เค้าก็ระบุชัดเจนว่าให้ใช้เท่าที่ตัวเองมี ทีมใหญ่เงินเยอะก็ใช้เยอะครับ ทีมเล็กก็ใช้น้อยไป อย่าลืมครับว่าฟุตบอลมันมีต้นทุนของมันอยู่แล้ว คุณเป็นทีมเล็กคุณก็ต้นทุนต่ำโดยอัตโนมัติเหมือนกันนะครับ ค่าเหนื่อย ค่าบริหารจัดการย่อมถูกกว่า จะซื้อใครก็ไม่โดนโก่งมากนัก ไม่เหมือนทีมใหญ่ ค่าบริหารจัดการสูงมาก ค่าเหนื่อยก็ต้องจ่ายแพงๆ จะซื้อใครก็โดนโก่งแล้วโก่งอีก ตรงนี้มันมีสมดุลของมันเองอยู่แล้วครับ เราไม่ต้องกังวลไป  


เห็นด้วยกับความเห็นส่วนใหญ่ครับ งั้นกฎนี้ก็มีมาเพื่อประกาศให้ทีมเล็กๆรู้ว่า พวกมึงไม่มีทางเติบโตเป็นทีมใหญ่ได้ ถ้าไม่มีปัญญาหาตังเข้ามาเองได้ ใช่ไหมครับ !? เพราะยังไงก็ตามทีมเล็กก็ได้สปอนเซอร์น้อยกว่าทีมใหญ่ ทีมเล็กๆได้แต่ซื้อตัวถูกๆมาปั้น เล่นดีก็โดนทีมใหญ่ดึงไป วนลูปแบบนี้ไปเรื่อยๆ แล้วเมื่อไรจะขึ้นมาเทียบกะ ทีมใหญ่ๆที่มีประวัติยาวนาน สปอนเซอร์สนับสนุนเยอะๆ ได้ละครับ ?

แทนที่จะจำกัดให้ใช้ได้ไม่เกินรายรับ เปลี่ยนเป็นระบุไปเลยว่าใช้ได้ปีละ 100 ล้าน 150 ล้าน แบบนี้ จะดูดีกว่าไหม ยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดๆคือ ลิเวอร์พูลฮะ !! ตกไปอยู่กลางตารางตั้งกี่ปีแต่ชื่อเสียงเก่าๆยังขายได้ สปอนเซอร์ก็ยังมาสนับสนุนอยู่เรื่อยๆ ก็ยังใช้ตังได้เยอะเหมือนเดิม ผมเข้าใจถูกไหมครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ผู้เยี่ยมชม
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Nov 2014
ตอบ: 705
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Dec 02, 2014 12:57
ถูกแบนแล้ว
[RE: [แตกกระทู้] ว่าด้วยเรื่องกฎ Financecial Fair Play !!!]
MeVa11 พิมพ์ว่า:
ทีมใหญ่ ทีมเล็ก เกิดมาจากอะไรล่ะครับ
ทุกทีมเริ่มต้นมาจากจุดเดียวกัน ถ้าเปรียบเป็นต้นไม้ สโมสรทุกสโมสรก็เติบโตมาจากเมล็ดเหมือนๆกันหมด
ความต่างคือ ความสามารถของสโมสรในการหาทางเจริญเติบโต (ด้วยตัวเอง)
แมนยู ลิเวอร์พูล ใช่ว่ารวยมาตั้งแต่เริ่ม แต่เพราะพวกเขา สร้างผลงาน สร้างฐานแฟนบอล
ด้วยชัยชนะ ด้วยสไตล์การเล่นที่สวยงาม ใช้เวลาเป็นสิบๆปีกว่าจะมาถึงจุดนี้ที่เป็นสโมสรที่มีชื่อเสียง
ต้องใช้เงินทุนทำการตลาดเอง ต้องคำนึงถึงการขาดทุนในการดำเนินธุรกิจ (ในขณะที่สโมสรที่มีเจ้าของรวยไม่จำเป็นต้องสนใจว่าจะขาดทุน)
แต่กลับมีสโมสรอื่นใช้เวลาเพียงชั่วข้ามคืน

คำถามคือ มันก็ไม่ต่างกับคนที่เล่นเกมออลไลน์
คนนึงพยายามเก็บเลเวล สะสมเงิน สะสมอาวุธ ใช้เวลาเล่นเป็นวันๆเป็นเดือนๆด้วยตัวเอง ด้วยสมอง
แต่เพื่อนอีกคนใส่สูตร 1 นาทีเสร็จ แล้วก็ออกมาตีกุตาย

ประเด็นคือ ทุกสโมสรควรจะเติบโตด้วยตัวเอง
ถ้ายกตัวอย่าง เซาท์แธมตัน ทีมซึ่งไม่ได้มีเงินทองมากมาย แต่เริ่มทำผลงานได้ดี ถ้ายืนระยะได้สักหน่อย
ไม่แน่อีก 2-3 ปี ทีมเค้าอาจจะมีชื่อเสียงมากขึ้น มีแฟนมากขึ้น มีรายได้มากขึ้น
ถ้าสู้กันอย่างยุติธรรม ไม่มีคนรวยมาเทคโอเวอร์ บางทีตอนนี้ เซาแธมตัน อาจจะมีชื่อเสียงกว่า แมนซิตี้ ก็ได้
 


ประเด็นมันอยู่ที่ กฏนี้เพิ่งออกมาใหม่ไงครับ เปรียบเทียบง่ายๆก็ เหมือนเล่นเกมส์ออนไลน์ คนนึงเก็บเวลไปจนเวลสูงมากแล้ว อีกคนนึงเพิ่งเริ่มเก็บเวล ไอ้คนหลังก็อยากจะเทพเหมือนคนแรกมั่งก็เลยไปซื้อทรูมาเติม แต่จีเอ็มก็ออกกฎมาดักไว้ว่า "ห้ามเติมทรู ถ้าอยากเทพก็ต้องตีมอนหาของใส่เองไปเรื่อยๆจนกว่าจะเทพได้ด้วยตัวเอง" แล้วแบบนี้ไอ้คนที่เริ่มเก็บเวลทีหลังมันจะหาอะไรไปสู้กะอีกคนได้ละครับ เพราะยิ่งเล่นระดับมันก็จะยิ่งห่างออกไปเรื่อยๆ ผมเข้าใจถูกไหมครับ !?
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ผู้เยี่ยมชม
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 Oct 2005
ตอบ: 3460
ที่อยู่: บ้านนอก
โพสเมื่อ: Tue Dec 02, 2014 12:59
ถูกแบนแล้ว
[RE: [แตกกระทู้] ว่าด้วยเรื่องกฎ Financecial Fair Play !!!]
NothinGolF พิมพ์ว่า:
inugami พิมพ์ว่า:
ผมว่าทีมใหญ่ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีกฏนี้ก็มีความแข็งแกร่งทางการเงินในระดับที่เหนือกว่าห่างจากทีมเล็กเยอะอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ ฉะนั้นจะมีกฏขึ้นมามันก็ไม่ได้ทำให้ช่องว่างเพิ่มขึ้นกว่าเดิมหรอก แถมพอมีขึ้นมาจะยังทำให้ทีมใหญ่ขยับตัวได้ยากขึ้น(นิดหน่อย)อีกด้วยซ้ำไป โดยเฉพาะทีมที่อยู่ในลักษณะมีกลุ่มทุนเข้ามาเทคโอเวอร์ใหม่ มันเป็นการป้องกันไม่ให้ทีมเหล่านี้เข้ามาทำลายตลาดโดยภาพรวมมากกว่าครับ เพราะทีมเหล่านี้พอขึ้นมาใหม่ๆก็จำเป็นต้องทุ่มเงินบ้าเลือดเพราะยังไม่มีแบ็คในการดึงดูดนักเตะก็ต้องใช้เงินเวอร์ๆสถานเดียวและนั่นทำให้ตลาดมันเฟ้อเหมือนทุกวันนี้ จำตอนที่แมนซิตี้ เปแอสเช โมนาโก หรือแม้แต่มาลาก้าถูกเทคได้ไหมละครับ สภาพแบบนั้นจะไม่เกิดขึ้นได้ง่ายๆอีกแล้ว(เกิดบ้างแต่ไม่มั่วซั่วเละเทะได้ขนาดนั้นแล้ว อย่างน้อยก็ต้องอ้างขายชื่อสนาม ขายสปอนเซอร์คาดหน้าอก ซึ่งมันมีราคาของมันอยู่ครับ ไม่ใช่ฉีดเข้ามาได้เป็นหลายๆร้อยล้านพันล้านตามใจชอบเหมือนเดิมแล้ว)

ส่วนผลของกฏนี้กับทีมเล็กๆ ผมเห็นว่ายังไงก็ไม่ได้ฆ่าทีมเล็กครับ จะฆ่ายังไงในเมื่อปัจจุบันที่ไม่มีกฏนี้ทีมใหญ่มันก็ทุ่มกันบ้าเลือดอยู่แล้ว ส่วนทีมเล็กก็ได้แต่บริหารกันไปตามอัตภาพอยู่แล้ว มันไม่ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรในด้านนั้นเลย ผมจึงไม่เห็นว่าเมื่อมีกฏนี้แล้วทีมเล็กๆจะเสียเปรียบมากขึ้นกว่าเดิมตรงไหน แต่กฏนี้ยังจะป้องกันไม่ให้ทีมเล็ก(และทีมใหญ่)ใช้เงินเกินตัวจนนำไปสู่การล้มละลายในอนาคตได้ด้วยครับ เช่นถ้าวันนึงชีคมันซูร์ต้องการถอนตัวจากแมนซิตี้ ถึงตอนนั้นก็ไม่ต้องห่วงว่าแมนซิตี้จะล้มละลายเหมือนกับที่มาลาก้าเคยเจอมาก่อนหน้านี้ เพราะเงินที่ใช้นั้นเป็นเงินหมุนเวียนในระบบของทีมผ่านช่องทางที่ถูกต้อง มีกฏหมายรองรับ นั่นทำให้การยักย้ายเข้าออกไม่สามารถทำได้โดยเสรี เท่ากับว่าเงินนั้นไม่ใช่เงินจากกระเป๋ามันซูร์โดยตรงอีกต่อไปแล้วแต่เป็นเงินของสโมสร จะจ่ายคืนได้ก็ต้องปันผลหรือไม่ก็ขายทิ้งทั้งสโมสรก่อนถึงจะได้เงินครับ เช่นเดียวกัน ทีมเล็กๆที่ถ้าไม่จ่ายเกินที่มีก็จะไม่มีวันล้มละลายไปเหมือนกับที่ทีมอย่างปอร์ทสมัท หรือเรอัล เบติสเคยเป็นครับ


เพิ่มเติมนิดหน่อยครับ เรื่องว่าเค้าลืมคิดเรื่องสปอนเซอร์ทีมใหญ่มากกว่าทีมเล็กผมว่าเค้าไม่ได้ลืมอยู่แล้วล่ะ เค้าก็ระบุชัดเจนว่าให้ใช้เท่าที่ตัวเองมี ทีมใหญ่เงินเยอะก็ใช้เยอะครับ ทีมเล็กก็ใช้น้อยไป อย่าลืมครับว่าฟุตบอลมันมีต้นทุนของมันอยู่แล้ว คุณเป็นทีมเล็กคุณก็ต้นทุนต่ำโดยอัตโนมัติเหมือนกันนะครับ ค่าเหนื่อย ค่าบริหารจัดการย่อมถูกกว่า จะซื้อใครก็ไม่โดนโก่งมากนัก ไม่เหมือนทีมใหญ่ ค่าบริหารจัดการสูงมาก ค่าเหนื่อยก็ต้องจ่ายแพงๆ จะซื้อใครก็โดนโก่งแล้วโก่งอีก ตรงนี้มันมีสมดุลของมันเองอยู่แล้วครับ เราไม่ต้องกังวลไป  


แต่โอกาสเติบโตของทีมเล็กมันเหมือนถูกกำจัดครับ ถ้าก่อนหน้านี้ยังอาจมีฟลุ๊คแบบเชลซี แมนซิ PSG ที่ได้เศรษฐีมาทุ่มให้สร้างแบรนด์ได้ในเวลารวดเร็ว แต่นี่เหมือนจำกัดไว้เลยว่า คุณมีเท่านี้ มีคนสนับสนุนเท่านี้ก็ได้แค่นี้ ต่อให้มีมหาเศรษฐีมาเทคโอเวอร์ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แล้วเศรษฐีที่ไหนจะมาเทค กับทีมที่โอกาสเติบโตน้อยมันไม่คุ้มไง ทีมพวกนี้ก็เลยต้องใช้ชีวิตแบบที่เป็นอยู่ในตอนนี้โอกาสเติบโตถ้าให้เทียบ ทีมใหญ่ 20เปอเซ็น ทีมเล็กมีแค่ 5 เปอเซ็น  


ถ้าอย่างนั้นก็เท่ากับว่าเอื้อประโยชน์ให้คนรวยรึเปล่า? แน่นอนว่ามีเศรษฐีอยากมาเทคสโมสรเรื่อยๆ แต่ยังไงก็เทคได้แค่ทีมเดียว แถมไม่มีอะไรรับประกันเลยว่าจะเป็นได้อย่างซิตี้ เปแอสเช หรือเละแบบมาลาก้า โมนาโก แต่ ณ จุดนั้นก็ได้ทำลายสมดุลในตลาดไปแล้ว ผลกระทบโดนกันทั้งยุโรปหรือทั้งโลก แต่ทีมได้ประโยชน์อาจจะมีแค่ทีมเดียวหรือไม่มีเลย ผมว่ามองภาพใหญ่ยังไงก็ไม่น่าคุ้มจริงไหมล่ะครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1, 2
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel