เพราะอะไร?? “ผี”ควรดร็อป”RVP”แล้วส่ง”มาต้า”ลงตัวจริงพร้อมกับ”รูนี่ย์”
ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ หลุยส์ ฟาน กัล ควรดร็อป โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ เป็นตัวสำรอง แล้วส่ง เวนย์ รูนี่ย์ กับ ฆวน มาต้า ลงสนามเป็นตัวจริง??
บางทีการที่มีนักเตะฝีเท้าดีอยู่ในทีมมากเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก ซึ่งกรณีนี้กำลังเกิดขึ้นกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลนี้ หลังจากที่สโมสรดึงเหล่านักเตะแนวรุกฝีเท้าระดับโลกเข้ามาเสริมทีม ซึ่งทำให้นี่เป็นช่วงซัมเมอร์ที่น่าตื่นเต้นสำหรับแฟน ๆ แต่ในทางกลับกัน มันได้กลายเป็นเรื่องที่ทำให้ผู้จัดการทีมต้องลำบากใจ เมื่อมีกองหน้าตัวเป้าอยู่ในทีมถึง 3 คน จนดูเหมือนทีมจะเสียสมดุลในตำแหน่งกองหน้า
เวนย์ รูนี่ย์ ที่กำลังอยู่ระหว่างชดใช้โทษแบน 3 นัด ทำให้การเลือกนักเตะตัวจริงของ หลุยส์ ฟาน กัล ทำได้ง่ายขึ้น ด้วยการส่ง
ฆวน มาต้า ลงสนามเป็นตัวจริง และจากผลงานของเพลย์เมกเกอร์ทีมชาติสเปนในเกมกับ เอฟเวอร์ตัน ทำให้เขามีส่วนร่วมโดยตรงกับ 13 ประตูที่ทีมทำได้ จากการลงสนามในเกมลีก 21 นัด
นี่เป็นผลงานอันน่าประทับใจของ มาต้า แต่สิ่งหนึ่งที่หลายคนอาจมองข้ามไป นับตั้งแต่ที่เพลย์เมกเกอร์ทีมชาตสเปนย้ายมาค้าแข้งในถิ่น โอลด์แทรฟฟอร์ด เวนย์ รูนี่ย์ มีส่วนร่วมกับ 14 ประตู จากการลงสนามในเกมลีก 18 นัด ซึ่งเป็นผลมาจากการเล่นร่วมกับ มาต้า ทำให้สถิติส่วนตัวของ รูนี่ย์ ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด กองหน้าร่างตันมักถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงฟอร์มการเล่นของเขาอยู่เสมอ แต่เมื่อเรามองดูสิ่งที่สะท้อนออกมาจากสถิติดังกล่าว ก็พอจะพูดได้ว่า รูนี่ย์ ไม่สมควรที่จะถูกตำหนิ เพราะอย่างน้อยผลงานของเขากับสโมสรนั้นยังคงยอดเยี่ยมอยู่
ในตอนนี้ดูเหมือนว่า รูนี่ย์ และ มาต้า ต้องแย่งกันเป็นตัวจริงในตำแหน่งหมายเลข 10 ของทีม”ปีศาจแดง” แต่การทำแบบนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นการสูญเสียโดยใช่เหตุ ในเมื่อทีมมีนักเตะที่มีความสามารถในการสร้างสรรค์เกมอย่าง มาต้า และนักเตะที่มีพลังงานขับเคลื่อนเกมขึ้นมาจากแนวลึกอย่าง อังเคล ดิ มาเรีย ซึ่งในเกมกับ เอฟเวอร์ตัน นั้น ดาวเตะชาวอาร์เจนไตน์สัมผัสบอลทั้งหมด 88 ครั้ง มากกว่า มาต้า ถึง 37 ครั้ง ทำให้เขากลายเป็นนักเตะคนสำคัญของทีมในฤดูกาลนี้
ดูเหมือนว่า ฟาน กัล จะยึดระบบการเล่น 4-3-1-2 เป็นระบบการเล่นหลักของทีมในฤดูกาลนี้ หลังจากที่ทดลองใช้ระบบกองหลัง 3 ตัว ในช่วงก่อนหน้านี้แล้วได้ผลไม่ดีนัก และถ้าหากกุนซือชาวดัตช์ไม่ได้กำหนดตายตัวว่า รูนี่ย์ ต้องยืนอยู่หลังกองหน้าเท่านั้น คำถามที่จะตามมาก็คือ ตำแหน่งคู่กองหน้าระหว่าง ราดาเมล ฟัลเกา กับ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ อาจถูกเขานำมาพิจารณาว่าใครที่สมควรถูกดร็อปไว้บนม้านั่งสำรอง
แม้ว่า ฟาน เพอร์ซี่ จะครองตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดของพรีเมียร์ลีกมา 2 ฤดูกาลติดต่อกัน แต่จากฟอร์มของเขาในตอนนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่า ราดาเมล ฟัลเกา มีส่วนร่วมในเกมดีกว่ากัปตันทีมชาติฮอลแลนด์ และควรที่จะได้เป็นตัวหลักในตำแหน่งกองหน้าของทีม
ตอนที่ ฟาน เพอร์ซี่ ย้ายมาร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กองหน้าชาวดัตช์กำลังอยู่ในฟอร์มที่ยอดเยี่ยม ไม่ใช่แค่การยิงประตูเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสร้างโอกาสและมีส่วนร่วมกับเกมด้วยเช่นกัน แต่ดูเหมือนว่าอาการบาดเจ็บที่เขาได้รับในเกมกับ โอลิมเปียกอส เมื่อฤดูกาลที่แล้ว ส่งผลกระทบต่อการมีส่วนร่วมในเกมของเขา แม้ว่าค่าเฉลี่ยการยิงประตูของเขาจะน่าประทับใจก็ตามที
นับตั้งแต่ ฆวน มาต้า ย้ายมาร่วมทีมเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ มีส่วนร่วมกับ 8 ประตูที่ทีมทำได้ จากการลงสนามในเกมลีก 16 นัด แบ่งเป็นยิง 7 ประตู กับแอสซิสต์ 1 ครั้ง และนั่นเป็นการแอสซิสต์เพียครั้งเดียวของ ฟาน เพอร์ซี่ นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมในเกมที่ไม่ได้ใกล้เคียงในช่วง 4 เดือนแรกของเขากับทีม ซึ่งเขาแอสซิต์ไปถึง 6 ครั้ง
ในวัย 31 ปี ฟาน เพอร์ซี่ อาจเหมาะสำหรับเป็นอาวุธที่ทีมต้องการใช้ในยามฉุกเฉิน และในชั่วโมงนี้ต้องยอมรับว่า ฟัลเกา เป็นกองหน้าที่มีความครบเครื่องกว่าเขา หลุยส์ ฟาน กัล ต้องตัดสินใจว่าควรจะสละกองหน้าคนไหนเพื่อประโยชน์ของทีม ด้วยบทบาทกัปตันทีมทำให้ เวนย์ รูนี่ย์ ยึดตำแหน่งตัวจริงของทีมไว้อย่างแน่นอน และสิ่งที่เหมาะสมน่าจะเป็นการขยับเขาขึ้นไปเล่นกองหน้า แล้วส่ง มาต้า ลงมาสร้างสรรค์เกมในแดนกลาง ที่จะช่วยให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เล่นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด อีกทั้งจะทำให้พวกเขาได้รับผลตอบแทนอันสุดคุ้มค่าในการดึง ฟัลเกา มาร่วมทีม นี่อาจจะเป็นตัวเลือกที่ถูกต้องที่สุดสำหรับ หลุยส์ ฟาน กัล ในตอนนี้