ขอยกหน้าที่ขยายขอบเขตความรู้ของมนุษย์ให้ผู้คงแก่เรียนทั้งหลาย

เพื่อนผมจบ ป.โทกันหลายคน บางคนจบถึง ป.เอก

ส่วนผมจบ ป.ตรีได้นี้ น้ำตาจะไหล

เค้าเรียนยิ่งสูง จะยิ่งลึก ลึกไปในสิ่งที่คุณตั้งใจจะวิจัย ซึ่งงานพวกนี้ จะเหมาะสำหรับ บริษัทต่างๆ ที่เค้าอยากจะพัฒนาบริษัทครับ

บางงาน เอางานวิจัย ไปเสนอให้บริษัท เค้ายินดีจะสนับสนุนตั้งแต่เริ่มวิจัย เผลอๆมีค่าจ้างให้ด้วยครับ เป็นจ็อป

ถ้าคุณทำงานวิจัยแล้ว สำเร็จเป็นไปตามที่เค้าต้องการ ก็ยินดีจะซื้องานของคุณ

ไปจดทะเบียน คุณก็ได้ทั้งการทำวิจัย ได้ทั้งเงิน

Win-win

เห็นด้วยครับ

ขอบคุณที่ร่วมแชร์ข้อมูลครับ ป.ตรีว่ายากแล้ว แต่เรียนให้จบโท เอก ยากกว่าจริงๆ

ป.โท แค่ผมทำสารนิพนธ์ ผมยังอ้วกเลย

นึกถึงตอนนั้นที่ทำ ใช้เวลา 4-5 เดือน

อาจารย์ที่ปรึกษาให้แก้ เกือบ ๆ 10 รอบ

ขับรถมันส์เลย ช่วงนั้น

ส่วนเพื่อนที่เลือกทำวิทยานิพนธ์ อ้วกกว่าผมหลายเท่าตัวนัก

MBA ป่าวคับ


ผมก็ยังลังเลอยู่ว่าจะเรียนดีหรือป่าว


ส่วนใหญ่เค้าบอก เหมือนเรียนเอาวุฒิ

MBA ครับ
ไม่รู้ว่า IS กับ Theses ต่างกันยังไง

ไอ่ความรู้นี่ละน่ากลัว รู้ว่าตนเองรู้เยอะกว่าใครก็จะมีความเชื่อว่าทัศนคติของตนเองถูกต้อง

คนที่รู้น้อยกว่าเราเลยกลายเป็นทัศนคติที่ผิด ประมาณว่า "กูจบสูงเรียนมาเยอะกูถูกเสมอ"

เช่น พ่อ,แม่ไม่รู้อะไรหรอกผมจบด็อกเตอร์มานะ (ควาย!!เขาเลี้ยงมึงจนโตจนได้ดีก็ยังอวดดีอยู่นะ)

IS คล้ายๆ วิทยานิพนธ์แต่เรื่องและเนื้อหาเข้มข้นน้อยกว่าวิทยานิพนธ์
IS ไม่ต้องทำเนื้อหาให้สามารถยื่นส่งไป conference หรือตีพิมพ์ (ไม่แน่ใจแต่ละ มหาลัยเหมือนกันหรือเปล่า)

ผมจะไปสู่จุดมุ่งหมายนั้น ป.เอก

MBA หลายที่อาจจะเอาวุฒิ แต่ถ้าต้องการความรู้

อัญเชิญ ม.ชั้นนำของประเทศครับ แล้วจะรู้ว่า รวยให้ตาย

ก็ไม่ช่วยให้จบ ไม่มีปล่อยผ่าน

เพราะฉะนั้นผมว่าการจบ MBA มันเฉยๆ ขึนกับไปจบที่ไหนมา

โอ้ว ว ว ว ว

สำหรับผมนะ กะเรียนป.ตรีให้จบ ถ้าได้ทุนก็ต่อโท ถ้าไม่ได้ก็ทำงานแล้วต่อโทที่ตรงสายงาน

ตอนทำงานเนี่ยแหละ ถ้าหัวหน้าไม่สนับสนุน จะเรียนต่อคงลำบาก แต่ถ้าได้เรียน ท่านต้องขยันสุดๆ เหนื่อยเพิ่ม ทั้งงานทั้งเรียน แต่ผมนับถือคนแบบนี้นะ สุดๆจริงๆ

ขอบคุณครับ