[บทความIT]อภิมวลมหาความเสี่ยงจากการใช้ Windows XP หลังวันหมดอายุ 8 เม.ย. 2014
อภิมวลมหาความเสี่ยงจากการใช้ Windows XP หลังวันหมดอายุ 8 เม.ย. 2014
Windows XP จะสิ้นอายุขัยอย่างสมบูรณ์แบบในวันที่ 8 เมษายน 2014 หรืออีกไม่ถึง 3 เดือนนับจากนี้
Blognone เขียนเตือนเรื่อง Windows XP มานับครั้งไม่ถ้วน ผลลัพธ์ที่ได้คือมีผู้ใช้กลุ่มหนึ่งตอบกลับมาว่า "ก็ฉันจะใช้ต่อไป ใครจะทำไม" (อ่านแล้วอยากเลิกทำเว็บเลยครับ)
บทความนี้เขียนขึ้นโดยมีจุดประสงค์ว่าต้องการ "ท้าชน" ผู้ใช้ Windows XP ทุกท่าน ถ้าอ่านแล้วยังไม่รู้สึกอะไรก็คงทำอะไรไม่ได้อีกแล้วล่ะครับ
Since 2001 เราอยู่กันมานานแล้วนะ
ปีนี้ปี 2014
Windows XP เปิดตัวและวางขายครั้งแรกในเดือนตุลาคม 2001
ย้ำว่า 2001
ลบเลขครับ
12 ขวบเกือบครึ่ง!
ถ้า XP เป็นคน ตอนนี้ก็คงเรียนอยู่ประถมปลายเตรียมขึ้นมัธยมต้นแล้ว
ในกรณีของ Windows XP จะไม่มีอัพเดตแพตช์ใดๆ หลังวันที่ 8 เมษายนนี้ แต่ Windows รุ่นอื่นๆ ที่ใหม่กว่าจะยังได้อัพเดตแพตช์ต่อไป
เมื่อ Windows เป็นระบบปฏิบัติการที่มีพื้นฐานเดียวกัน ชิ้นส่วนบางชิ้นก็ตกทอดสืบเนื่องกันมานานหลายชั่วคน ดังนั้นมีโอกาสสูงที่จะพบช่องโหว่สักแห่งมีผลกับ Windows ทุกรุ่น
ถ้าหากเกิดกรณีแบบนี้ขึ้น ไมโครซอฟท์จะอุดช่องโหว่บน Windows รุ่นใหม่ๆ แต่ไม่อุดรูเดียวกันบน Windows XP แบบนี้ก็เสร็จโจรสิครับ (ช่องโหว่แบบนี้เรียกว่า zero-day attack)
สิ่งที่แฮ็กเกอร์จะทำคือโหลดแพตช์ของ Windows รุ่นใหม่ๆ มาแกะดูว่า ไมโครซอฟท์อุดรูอย่างไร จากนั้นก็ reverse engineer เขียนมัลแวร์ที่อาศัยช่องโหว่เดียวกันไปเจาะ Windows XP ได้แบบง่ายๆ เลย (จากเดิมที่ต้องงมหาช่องโหว่เอง ก็เปลี่ยนเป็นลอกการบ้านไมโครซอฟท์แทน ง่ายกว่ากันเยอะ)
ผมขออ้างข้อมูลของไมโครซอฟท์เอง[(Microsoft Security Blog)] ที่บอกว่า Windows แต่ละรุ่นมีพัฒนาการด้านความปลอดภัยที่ดีขึ้นอย่างไร
และข้อมูลสถิติว่า Windows แต่ละรุ่นโดนเจาะหรือติดมัลแวร์-ไวรัสต่างกันมากน้อยแค่ไหน (มีถึงเฉพาะ Windows 7)
ช่างมันฉันไม่แคร์
ผู้ใช้ Windows XP จำนวนไม่น้อย (โดยเฉพาะกลุ่มที่ใช้ของเถื่อน) ปิดการอัพเดต Windows เพื่อป้องกันปัญหา Windows Genuine Advantage (WGA) และไม่ได้แคร์เรื่องความปลอดภัยของระบบปฏิบัติการอยู่แล้ว
แต่ถ้าเป็นคอมพิวเตอร์ขององค์กร ห้างร้าน หน่วยงานต่างๆ ความเสี่ยงพวกนี้ถือเป็นภาระความรับผิดชอบและ "หน้าที่" ของฝ่าย IT support ที่จะต้องป้องกันไม่ให้ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้น
คนใช้ Windows XP ยังมีเยอะแค่ไหนในไทย?
ในตลาดโลก สถิติล่าสุดจาก Net Applications ระบุว่ามีคนใช้ Windows XP อยู่ที่ 28.98% ของระบบปฏิบัติการของพีซี ซึ่งถือว่ายังเยอะมาก (นับเฉพาะเครื่องคอมที่ต่อเน็ต)
สำหรับในเมืองไทย ข้อมูลที่ผมหาได้มี 2 แหล่งที่มา
แห่งแรกคือ StatCounter บอกว่าสถิติล่าสุดของไทย มีคนใช้ Windows XP เหลืออยู่ 28.89% (มกราคม 2014) ส่วนกราฟสถิติช่วง 1 ปีย้อนหลังของผู้ใช้เน็ตไทย เห็นแนวโน้มชัดเจนว่า Windows XP ลดลงตลอดแต่ก็ยังเหลือผู้ใช้อยู่อีกเป็นจำนวนมาก
ผมเชื่อว่าของพวกนี้ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาครับ อีกไม่นานเราคงเห็น "การโจมตี Windows XP ครั้งใหญ่" ที่สร้างผลสะเทือนในวงกว้าง ซึ่งจะกลายเป็นจุดเปลี่ยน กระตุ้นให้หน่วยงานต่างๆ หันมาสนใจปัญหานี้ (แต่ระหว่างนั้นจะโดนลูกหลงด้วยหรือไม่ ก็ขึ้นกับความใส่ใจขององค์กรแล้ว)
ความเข้ากันได้ของซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์
นอกจากปัญหาเรื่องช่องโหว่ความปลอดภัยแล้ว เราก็คงรู้กันดีว่า ยังมีเรื่องความเข้ากันได้กับฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่ๆ ที่ไม่มีไดรเวอร์ของ XP แล้ว และซอฟต์แวร์ชื่อดังหลายตัวก็แทบไม่รองรับ XP แล้วเช่นกัน
ผมลองรวมข้อมูลแบบคร่าวๆ ดูว่า ซอฟต์แวร์อะไรบ้างที่รองรับหรือไม่รองรับ XP
- Chrome ใช้งานได้อีก 1 ปีไปจนถึงเดือนเมษายน 2015 (อ้างอิง)
- Firefox ยังไม่มีแผนที่จะเลิกรองรับ Windows XP (อ้างอิง) (แต่ทิ้ง XP SP1)
- Opera ยังไม่มีแผนที่จะเลิกรองรับ Windows XP (อ้างอิง)
- Office 2003 หมดอายุพร้อม Windows XP ในวันที่ 8 เม.ย. (อ้างอิง)
- Office 2007 บนระบบปฏิบัติการทุกตัว หมดอายุปี 2017 (อ้างอิง)
- อโดบีประกาศ Photoshop รุ่นถัดไปไม่สนับสนุน Windows XP แล้ว (CS6 เป็นรุ่นสุดท้าย)
- Microsoft Security Essentials จะหยุดอัพเดตพร้อม Windows XP
- Apple iCloud ไม่รองรับ XP แล้ว
ทางออก
คำตอบแบบกำปั้นทุบดินคือ อัพเกรดครับ เปลี่ยนไปใช้อะไรก็ได้ที่ใหม่กว่า Windows XP จะย้ายค่ายไปใช้แมคหรือลินุกซ์ก็ไม่มีปัญหา
คำตอบแบบละเอียดแยกตามกรณี
1. ผู้ใช้ตามบ้าน
สำหรับผู้ใช้ทั่วไปที่มีคอมพิวเตอร์ของตัวเองและรัน Windows XP แยกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ
1.1 ใช้ Windows XP เพราะคอมเก่า
ถึงแม้สเปกขั้นต่ำของ Windows แทบไม่เปลี่ยนแปลงเลยนับจาก Vista เป็นต้นมา แต่มันก็ยังมีช่องว่างของฮาร์ดแวร์ขั้นต่ำสำหรับ XP และ Vista ขึ้นไปอยู่
สำหรับคนกลุ่มที่ยังใช้คอมสเปกต่ำกว่า Vista (แต่ยังรัน XP ได้) ผมแนะนำว่าซื้อคอมใหม่สถานเดียวครับ คอมสมัยนี้ถูกกว่าเดิมมากแล้ว เงินหลักต่ำหมื่นก็ซื้อคอมสเปกดีๆ ได้สบาย แถมคอมตัวเก่าก็น่าจะคุ้มการลงทุนแล้ว ถ้ายังอยากเก็บไว้ใช้จริงๆ ก็แนะนำให้เปลี่ยนเป็นลินุกซ์แทน (แต่เอาจริงแล้วลินุกซ์ที่รันบนฮาร์ดแวร์ต่ำขนาดนั้นได้ก็ไม่ค่อยมีอีกเหมือนกัน)
สำหรับคนที่ไม่ชัวร์ว่าคอมของเราจะย้ายไปรัน Windows 7 ได้หรือไม่ (Windows 8.x ใช้สเปกเท่ากัน) ไมโครซอฟท์มีโปรแกรมช่วยวิเคราะห์ชื่อ Windows 7 Upgrade Advisor สามารถดาวน์โหลดมารันกันเล่นๆ ได้
1.2 ใช้ Windows XP เพราะคุ้นมือ
ผู้ใช้กลุ่มนี้มีคอมพิวเตอร์ที่สามารถเปลี่ยนไปใช้ Windows รุ่นใหม่กว่าได้ แต่ไม่เปลี่ยนด้วยเหตุผลที่ต่างๆ กันไป (ส่วนใหญ่เป็นเพราะคุ้นเคยกับ XP) คำแนะนำคือ "ถึงเวลาต้องอัพเกรด" แล้วครับ
ทางเลือกเดียวที่เด่นชัดในตอนนี้คือ ควักเงิน 5-6 พันบาทซื้อ Windows 8.1 ของแท้ จ่ายเงินทั้งทีก็ควรเลือกซอฟต์แวร์ใหม่ที่สุด (แต่ถ้ายังเลือกจะอยู่ในเส้นทางสายมืด อย่างน้อยอัพเกรดเป็น Windows 7 เถื่อนก็ยังดีกว่า XP เถื่อนอยู่ดีครับ)
การอัพเกรดจาก XP เป็นระบบปฏิบัติการใหม่ๆ อย่าง Windows 8.1 ไม่สามารถอัพเกรดได้ตรงๆ จำเป็นต้องแบ็คอัพข้อมูลแล้วลงโปรแกรมใหม่ ซึ่งมีต้นทุนเรื่องเวลาและทรัพยากรเพิ่มเข้ามา แต่มันก็เป็นเส้นทางที่ต้องข้ามผ่านครับ
2. ลูกค้าองค์กร
สำหรับลูกค้าองค์กรที่มักใช้ระบบปฎิบัติการที่ติดมากับพีซี ตรงนี้เป็นหน้าที่ของฝ่าย IT ในองค์กรที่จะต้องผลักดันให้ CIO/CEO ขององค์กรเห็นความสำคัญของการ "อัพเกรดฮาร์ดแวร์ใหม่" ครับ
ส่วนจะซื้อพีซี Windows 7 หรือ Windows 8.x คงขึ้นกับนโยบายของแต่ละหน่วยงาน (ไมโครซอฟท์เองก็เคยพูดไว้ว่า ถ้ายังไม่พร้อมสำหรับ Windows 8.x ก็ไม่เป็นไร แต่อย่างน้อยก็ควรรัน Windows 7 ขึ้นไป)
นอกจากนี้ในองค์กรที่มีความซับซ้อนของแอพพลิเคชันไม่เยอะ หรือแอพพลิเคชันส่วนใหญ่เป็นเว็บเบส จะเปลี่ยนไปใช้ระบบปฏิบัติการอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นแมค ลินุกซ์ หรือ Chrome OS ก็คงไม่เป็นปัญหาอะไรมากนัก
อีกประเด็นที่สำคัญสำหรับการอัพเกรดคือ แอพพลิเคชันขององค์กร (ที่เขียนกันมาตั้งนานแล้ว สมัยพีซีเอื้ออาทร) ยังใช้ได้เฉพาะบน Windows XP เท่านั้น อันนี้ไม่มีทางเลือกนอกจากการจ่ายเงินเพื่อปรับปรุงแก้ไขหรือเปลี่ยนแอพพลิเคชันใหม่ เป็นเรื่องของ mindset ผู้บริหารว่านี่คือการลงทุนเพื่อระบบไอทีที่ก้าวหน้าขึ้นในอนาคต ไม่เป็นคอขวดหรือภาระขององค์กร มันไม่ใช่การสิ้นเปลืองซื้อคอมใหม่สเปกแรงหรือระบบไอทีแพงๆ ตามแฟชั่นแต่อย่างใด
ผู้เชี่ยวชาญความปลอดภัยชี้ องค์กรยังไม่ตื่นตัวย้ายจาก Windows XP, มีความเสี่ยงอย่างมาก
ไมโครซอฟท์อ้างผลสำรวจ Windows XP มีค่าดูแลรักษาเยอะกว่า Windows 7 ถึงห้าเท่า
[RE: [บทความIT]อภิมวลมหาความเสี่ยงจากการใช้ Windows XP หลังวันหมดอายุ 8 เม.ย. 2014]
ผมก็มาจาก XP เปลี่ยนเป็น 7 64 bit คอมตัวแรกผม win 94 ละก็มาตัวที่สองเป็น xp ตัวสามก้ xp แต่หาแผ่นมาลง 7 32 bit ละก็ค่อยอัพมาเป็น 64 bit แทน เพราะ 32 bit ตอนนั้นเล่น FM2013 มีปัญหา พอลง 64 bit ไม่มีปัญหาเรื่องรันเกมอีกเลย
[RE: [บทความIT]อภิมวลมหาความเสี่ยงจากการใช้ Windows XP หลังวันหมดอายุ 8 เม.ย. 2014]
peetrobot พิมพ์ว่า:
ผมก็มาจาก XP เปลี่ยนเป็น 7 64 bit คอมตัวแรกผม win 94 ละก็มาตัวที่สองเป็น xp ตัวสามก้ xp แต่หาแผ่นมาลง 7 32 bit ละก็ค่อยอัพมาเป็น 64 bit แทน เพราะ 32 bit ตอนนั้นเล่น FM2013 มีปัญหา พอลง 64 bit ไม่มีปัญหาเรื่องรันเกมอีกเลย