นักเตะอบต.
Status:
: 0 ใบ
: 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 499
ที่อยู่: 221b Baker Street
โพสเมื่อ: Thu Jan 09, 2014 21:44
เมื่อตายแล้ว อีกกี่ปีจะเกิดเป็นคนอีกครั้ง
แตกกระทู้จาก
http://www.soccersuck.com/boards/topic/975202
จากกระทู้ วิญญาณ-การระลึกชาติ-กฎแห่งกรรม
มีคำถามมากมายที่ไม่สามารถหาคำตอบได้ในทางวิทยาศาสตร์ เช่น
เราตายแล้วไปไหน หรือถ้าเรื่องภพชาติมีจริง ชาติที่แล้วเราเกิดเป็นอะไร
แต่มี 1คำถาม "มนุษย์ระลึกชาติได้หรือไม่"
ที่เราอาจจะพอสามารถพิสูจน์ได้
ความสงสัย มีคนกล่าวว่าเป็นสิ่งที่อยู่ในDNAของมนุษย์ทุกคน ไม่ว่าจะมีชาติพันธุ์ใด หรือนับถือศาสนาใด ความสงสัยเรื่องการระลึกชาติ จึงนำมาสู่การพิสูจน์อันจะกล่าวถึงต่อไป ดังนี้
อีกเรื่องที่อยากจะกล่าวถึงคือ เรื่องภพชาติ เรื่องอดีตชาติของหมออาจินต์ในสมัยรัชกาลที่3 บางท่านอาจเห็นว่าเป็นแค่เรื่องเล่า จะพิสูจน์อะไรได้นักหนา มันต้องเป็นการวิจัย ต้องพิสูจน์ให้เห็นได้จริงๆสิ ขอบอกว่าพิสูจน์ได้จริงๆ
ชาวต่างชาติเองก็สนใจ อยากรู้เหมือนกันว่าภพชาติมีจริงไหม เขาจึงทำงานวิจัยขึ้นมาชิ้นหนึ่ง คนที่ทำไม่ใช่ใครอื่นเลย เรารู้จักกันดี Discovery Channel
เขาพิสูจน์ด้วยการไปสืบหาคนที่อ้างว่า ตนเองระลึกชาติได้ ไม่ว่าอยู่ที่มุมไหนของโลก ดิสคัฟเวอรี่จะส่งทีมงานเข้าไปหาทันที ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 2 ขวบขึ้นไป ไม่เกิน 12 ปี เพราะหลังจากนั้น การระลึกชาติจะเลือนรางหายไปเองโดยธรรมชาติ
ตัวอย่างที่ดิสคัฟเวอรี่เข้าไปสำรวจมีประมาณ 100 คนทั่วโลก ประเทศอินเดียมีเด็กระลึกชาติได้มากที่สุด ที่เหลือก็เป็นอเมริกา ยุโรป และแอฟริกา ประเทศไทยก็มีอยู่ 2 คน อย่างไรก็ตาม ดิสคัฟเวอรรี่ทำให้เราได้รู้ว่า คนที่ระลึกชาติได้มีอยู่ในทุกชาติทุกศาสนาทั่วโลก
วันที่ผม(คุณประเสริฐ อุทัยเฉลิม - ผู้เขียน)ได้ดูรายการ คนที่มาออกอากาศเป็นเด็กชายชาวอินเดียอายุ 12 ปี อ้างว่าตนเองอาศัยอยู่ในเมืองเมืองหนึ่งที่เขาไม่รู้จัก แต่ก็ได้บรรยายลักษณะสิ่งแวดล้อมให้ฟังว่าเป็นเช่นไร
เด็กชายบอกว่าตัวเองเป็นเจ้าของร้านขายยา มีภรรยา และอยู่กับพ่อแม่ ทางทีมงานจึงพยายามไปหาว่าเมืองที่เด็กชายพูดถึงนั้นคือเมืองอะไร จนกระทั่งแน่ใจแล้วว่าน่าจะเป็นเมืองหนึ่งที่เด็กคนนี้ไม่เคยไปมาก่อน
ดิสคัฟเวอรี่ก็ส่งทีมงานทั้งหมดไปที่เมืองนั้น สืบเสาะจนกระทั่งเจอร้านขายยาที่อ้างถึง เข้าไปสอบถามข้อมูลในเบื้องต้นก็ตรงตามที่เด็กชายพูดไว้ทุกประการ แต่เพราะเป็นดิสคัฟเวอรรี่ จะให้ใช้การสัมภาษณ์อย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีเอกสารชิ้นสำคัญเป็นพยานหลักฐาน
ทีมงานจึงตามต่อไปจนได้เจอกับหนังสือพิมพ์ท้องถื่นฉบับที่ลงข่าวเรื่องเจ้าของร้านขายยาถูกยิงเอาไว้ โดยวันที่โดนยิงตายนั้นก็ตรงกับวันที่เด็กชายอ้างว่าตนเสียชีวิต แถมบริเวณที่ถูกยิงตรงท้ายทอยก็เป็นตำแหน่งเดียวกับแผลเป็นที่ท้ายทอยของเด็กคนนั้นพอดี เป็นอันว่ากรณีนี้ ทีมงานดิสคัฟเวอรี่ขอฟันธงว่าเป็นความจริงทุกประการ
ใน 100 ตัวอย่างที่ดิสคัฟเวอรี่ส่งทีมงานเข้าไปสำรวจ 84 กรณี ฟันธงว่าเป็นความจริง มีเอกสารยืนยัน ส่วนอีก 16 กรณีไม่ได้บอกว่าไม่จริง แต่ยังหาหลักฐานที่เป็นเอกสารยืนยันได้ไม่เพียงพอ
ต่อมาดิสคัฟเวอรี่ก็ตั้งสมมติฐานขึ้นอีกว่า หากการตายเมื่อชาติที่แล้วจบสิ้นลงเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม (สมมติ) การเกิดใหม่ก็ควรจะเริ่มต้นในวันที่ 1 มกราคม ถ้าเกิดเป็นคนก็น่าจะคลอด 9 เดือนหลังจากนั้น บวกลบไม่เกิน 2 เดือน
แต่สิ่งที่ค้นพบกลับไม่ใช่ พวกเขาพบว่า ระหว่างการตายเมื่อชาติที่แล้วจนถึงการเกิดใหม่ มีค่าเฉลี่ยของช่องว่างที่หายไปอยู่ที่ 43 ปี ดิสคัฟเวอรี่เองก็ไม่เข้าใจว่า 43 ปีนี้มาจากไหน และในระหว่าง 43 ปีนี้ หากตายไปเราจะไปอยู่ที่ไหนกัน...เป็นคำถามที่ตั้งเอาไว้ ไม่มีข้อสรุปใดๆทั้งสิ้น
สำหรับผู้ที่ศึกษาพุทธศาสนา หรือเรื่องของภพชาติมาก่อน จะทราบดีว่าในพระไตยปิฎกได้พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว ภพภูมิที่มนุษย์จะต้องเวียนว่ายตายเกิดมีทั้งสิ้น 31 ภพภูมิ กว่าจะมาถึงวันนี้ พระพุทธเจ้ายืนยันว่า ทุกคนเดินทางผ่านทุกภพภูมิมาหมดแล้วทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นสัตว์โลกหรือพรหมก็ตาม
เพราะฉะนั้นในอีก 43 ปีที่ว่า ก็อาจจะไปเกิดเป็นสุนัขสักครั้ง เป็นแมวสักครั้ง ไส้เดือนอีก 3 ที กิ้งกืออีก 2 รอบ แล้วค่อยไปบินอยู่บนฟ้าสักหน่อย เป็นเปรตอีกสักพัก ไม่ก็อยู่ในช่วงพักอย่างพิมพวดี รอจนกว่าจะถึงวันที่ได้เกิดใหม่
มีภพภูมิตั้งมากมายให้เราได้ไป แต่แน่นอนที่สุด การจบในภพชาติหนึ่งๆนั้น ไม่เกิน 2 ขณะจิต ปฏิสนธิวิญญาณก็จะเกิดขึ้น พูดง่ายๆก็คือ เมื่อเราตายลงปุ๊บ ไม่เกิน 2 ขณะจิต เราก็ได้เกิดใหม่
หลายคนมักถามผม(ผู้เขียน)ว่า "แล้วพิมพวดีล่ะ" เพราะมีคนชอบคิดว่าผีจะไม่เกิด แต่ที่แท้จริงแล้ว ผีก็เป็นผีก็เป็นภพหนึ่ง ถึงจะเรียกว่าผี แต่จริงๆมีภพภูมิที่ละเอียดไปกว่านั้น อาจเป็นเทวดา เป็นอสุรกาย เป็นอะไรก็ได้ แต่ถึงอย่างไร การเกิดการตายย่อมมีหมุนเวียนอยู่ตลอดเวลา
การตายไม่ได้ทำให้เราหายไปไหนเลย
ขอขอบคุณเนื้อหา จากหนังสือ "ดูจิตชั่วพริบตา" เขียนโดย คุณประเสริฐ อุทัยเฉลิม หน้า 66-68
แก้ไขล่าสุดโดย Michael Connelly เมื่อ Mon Feb 03, 2014 08:50, ทั้งหมด 3 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ