rovers_no.9 พิมพ์ว่า:
seven พิมพ์ว่า:
rovers_no.9 พิมพ์ว่า:
seven พิมพ์ว่า:
rovers_no.9 พิมพ์ว่า:
กฏหมายจะศักดิ์สิทธิ์
หากผู้รักษากฏหมายบังคับใช้กฏหมายอย่างเป็นธรรม
การเพิ่มโทษก็อาจจะทำให้เกิดความเกรงกลัวในการทำความผิดมากขึ้น
แต่ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเหมือนดาบสองคมเสมอ มีขาวย่อมมีดำ
กฎหมายอิสลามมาจากพระเจ้าซึ่งเป็นผู้สร้าง ย่อมเข้าใจความรู้สึกนึกคิดต่อมนุษย์
ปล.คนไทยบางคนเคารพทุกอย่าง. ยกเว้นกติกา.
ผมไม่รู้เรื่องที่มาของกฏหมายอิสลามจริงๆครับ
มาจากพระเจ้าจริงหรือครับ น่าอัศจรรย์จริงๆ
บรรดาที่มาของกฎหมายอิสลามถูกเรียกว่า บรรดาหลักฐานทางศาสนบัญญัติ (อัลอะดิลละฮฺ อัชชัรฺอียะฮฺ) หรือ บรรดาหลักมูลฐาน (อัลอุซู้ล) ซึ่งนักกฎหมายอิสลามส่วนใหญ่มีความเห็นตรงกันว่ามี 4 ประการ คือ
1. อัลกุรฺอาน (อัลกิตาบ)
2. อัล-หะดีษ (อัส-สุนนะฮฺ)
3. อัล-อิจญ์มาอฺ (เรียกทั้ง 3 ประการนี้ว่า บรรดาหลักฐานอันเป็นตัวบทที่มีการรายงานถ่ายทอด (อัลอะดิลละฮฺ อันนักลียะฮฺ) และ
4. อัล-กิยาส (ประการที่ 4 นี้ถูกจัดอยู่ในหมวดบรรดาหลักฐานที่ใช้การวิเคราะห์ทางสติปัญญา (อัลอะดิลละฮฺ อัลอักลียะฮฺ) ซึ่งนักกฎหมายอิสลามได้ผนวกประเภทของบรรดาหลักฐานในหมวดนี้เอาไว้แตกต่างกัน อาทิเช่น อัลอิสติฮฺซาน, อัลอิสติสหาบฺ, อัลอุรฟ์ และอัลมะซอลิฮฺ อัลมุรซะละฮฺ เป็นต้น)
#ดังนั้นหลักคือดูตามอัลกุรอานกับอัลหะดิษก่อน. โดยกุรอานมาจากพระเจ้า. หะดิษมาจากนบี กฎหมายอิสลามอาจไม่ได้มีรายละเอียดทั้งหมด. แต่หลักๆจะมาจากข้อ1-2ครับ
ครับขอบคุณครับ สำหรับข้อมูล
คือมาจากนักกฏหมาย โดยเอาอัลกุรอานกับอัลหะดิษมาเป็นฐานใช่มั้ยครับ
ใช่ครับ ถ้าคุณลองศึกษาคัมภีร์กุรอ่าน สึ่งถูกประทานมาเกือบ1400ปี บอกไว้ทุกอย่างซึ่งตอนนี้นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นคว้าซึ่งมีที่มาจากอัลกุรอ่าน มีหลักฐานบางประการของอัลกุรอ่านกับวิทยาศาสตร์ ซึ่งย้ำว่าถูกประทานมา1400กว่าปีที่เเล้ว
1- การกำเนิดจักรวาล
ในปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ยอมรับใน ทฤษฎี Big Bang ที่เชื่อว่าก่อนกำเนิดจักรวาลนั้น ทุกอย่างเป็นเพียงกลุ่มเมฆหมอก ที่รวมตัวกัน อัดแน่นและมีอุณหภูมิสูงจัด จากนั้นก็เกิดการระเบิดขนาดมหึมา เป็นที่มาของการเกิดจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาลอย่างที่เราทราบกันในปัจจุบัน ในอัลกุรอานกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า
ثُمَّ اسْتَوَى إِلَى السَّمَاء وَهِيَ دُخَانٌ
แล้วพระองค์ทรงมุ่งสู่ฟากฟ้าขณะที่มันเป็นไอหมอก [44 : 10]
أَوَلَمْ يَرَ الَّذِينَ كَفَرُوا أَنَّ السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضَ كَانَتَا رَتْقًا فَفَتَقْنَاهُمَا وَجَعَلْنَا مِنَ الْمَاء كُلَّ شَيْءٍ حَيٍّ أَفَلَا يُؤْمِنُونَ
และ บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาเหล่านั้นไม่เห็นดอกหรือว่า แท้จริงชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินนั้นแต่ก่อนนี้รวมติดเป็นอันเดียวกัน แล้วเราได้แยกมันทั้งสองออกจากกัน และเราได้ทำให้ทุกสิ่งมีชีวิตมาจากน้ำ ดังนั้นพวกเขาจะยังไม่ศรัทธาอีกหรือ [21 : 30]
2- จักรวาลกำลังขยายตัวออกไปเรื่อยๆ
ภายหลังการระบิดที่เรียกว่า Bigbang จักรวาลอันประกอบด้วยหลายล้านแกแลกซี่ยังคงขยายตัวออกไปเรื่อยๆด้วยความเร็วสูงมาก จนปัจจุบันนี้ระยะห่างระหว่างกาแลกซี่ก็ยิ่งห่างออกจากกันมากขึ้นแสดงว่าจักรวาลกำลังขยายตัวออกไป ในอัลกุรอานกล่าวว่า
وَالسَّمَاء بَنَيْنَاهَا بِأَيْدٍ وَإِنَّا لَمُوسِعُونَ
และชั้นฟ้านั้น เราได้สร้างมันด้วยพลัง และแท้จริงเราได้แผ่ให้กว้างไพศาล [51 : 47]
คำว่า لموسعون มาจากคำว่า أوسع แปลว่า ทำให้กว้างออกไป ไม่ได้อยู่ในรูปกริยาอดีตกาล แต่อยู่ในรูปของนามประธาน اسم الفاعل ให้ความหมายครอบคลุมจากอดีตถึงปัจจุบัน จึงหมายความได้ว่า "และเราแน่นอนเป็นผู้ทำให้มันขยายออกไปเรื่อยๆ" ได้อีกด้วย
3- โลกไม่ได้นิ่งอยู่กับที่
แต่ก่อนมนุษย์คิดว่าโลกนิ่งอยู่กับที่ เป็นศูนย์กลางของจักรวาล ทั้งดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาวต่างโคจรรอบโลก แต่ความจริงที่ค้นพบในยุคหลังคือโลกไม่ได้อยู่กับที่ เพราะโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ด้วยความเร็วประมาณ 29.783 กิโลเมตรต่อวินาที ในอัลกุรอานกล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ว่า
وَتَرَى الْجِبَالَ تَحْسَبُهَا جَامِدَةً وَهِيَ تَمُرُّ مَرَّ السَّحَابِ صُنْعَ اللَّهِ الَّذِي أَتْقَنَ كُلَّ شَيْءٍ إِنَّهُ خَبِيرٌ بِمَا تَفْعَلُونَ
และเจ้าจะเห็นขุนเขาทั้งหลาย เจ้าจะคิดว่ามันติดแน่นอยู่กับที่ แต่มันล่องลอยไปเช่นการลอยล่อยของเมฆ (นั่นคือ)การงานของอัลลอฮ์ซึ่งพระองค์ทรงทำทุกสิ่งอย่างเรียบร้อย แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงตระหนักในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ [27 : 88]
4- ดวงอาทิตย์ไม่ได้นิ่งอยู่กับที่เช่นกัน
ดวงอาทิตย์ที่เป็นศูนย์กลางของระบบสุริยะก็ไม่ได้อยู่นิ่งกับที่ ความจริงที่ค้นพบคือดวงอาทิตย์ และทุกๆสิ่งในระบบสุริยะของเรา กำลังโคจรไปรอบๆ ศูนย์กลางของกาแลกซีทางช้างเผือก ด้วยความเร็วมากกว่า 220 km/s ด้วย
وَالشَّمْسُ تَجْرِي لِمُسْتَقَرٍّ لَّهَا ذَلِكَ تَقْدِيرُ الْعَزِيزِ الْعَلِيمِ
และดวงอาทิตย์โคจรตามวิถีของมัน นั่นคือ การกำหนดของพระผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงรอบรู้ [36 : 38]
5- สัณฐานของโลกกลม
โลกไม่ได้แบนเหมือนดังความเชื่อคนในสมัยก่อน แต่โลกมีลักษณะเป็นทรงวงรี โดยในแนวดิ่งเส้นผ่าศูนย์กลางยาว 12,711 กม. ในแนวนอน ยาว 12,755 กม. ต่างกัน 44 กม. มีพื้นน้ำ 3 ส่วน หรือ 71% และมีพื้นดิน 1 ส่วน หรือ 29% แกนโลกจะเอียง 23.5 องศา นานมาแล้วที่คนส่วนใหญ่บนโลกรวมถึงในไบเบิลเชื่อว่าโลกแบน แต่ในอัลกุรอานได้ยืนยันว่าโลกกลม
خَلَقَ السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضَ بِالْحَقِّ يُكَوِّرُ اللَّيْلَ عَلَى النَّهَارِ وَيُكَوِّرُ النَّهَارَ عَلَى اللَّيْلِ وَسَخَّرَ الشَّمْسَ وَالْقَمَرَ كُلٌّ يَجْرِي لِأَجَلٍ مُسَمًّى أَلَا هُوَ الْعَزِيزُ الْغَفَّارُ
พระองค์ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินด้วยความจริงอันชัดแจ้ง พระองค์ทรงให้กลางคืนคาบเกี่ยวเข้าไปในกลางวันและทรงให้กลางวันคาบเกี่ยว เข้าไปในกลางคืน และทรงให้ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เป็นประโยชน์ (แก่มนุษย์) ทุกสิ่งโคจรไปตามวาระที่ได้กำหนดไว้ พึงทราบเถิด พระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงอภัยอย่างมาก [39 : 5]
คำว่า يُكَوِّرُ แปลว่า ม้วนเข้าไป ในอายะห์หมายถึง พระองค์ทรงให้กลางคืนม้วนเข้าไปในกลางวัน และให้กลางวันม้วนเข้าไปในกลางคืน จึงเข้าใจได้อย่างชัดเจนว่าโลกกลม
6- โลกถูกปกป้องด้วยชั้นบรรยากาศ
โลกถูกห่อหุ้มด้วยชั้นบรรยากาศ ที่มีประโยชน์มากมายต่อสิ่งมีชีวิต และยังช่วยป้องกันอันตรายจากรังสีและอนุภาคต่างๆ ที่มาจากนอกโลก คอยดูดซับรังสีอุลตราไวโอเลตจากดวงอาทิตย์ ซึ่งเป็นรังสีอันตรายต่อผิวหนังของมนุษย์และพืช และทำให้อุกกาบาตเกิดการเผาไหม้แตกเป็นชิ้นเล็กๆ ก่อนจะตกลงสู่พื้นผิวโลก ในอัลกุรอานใช้คำว่า ชั้นฟ้าเป็นเสมือนหลังคา
وَجَعَلْنَا السَّمَاء سَقْفًا مَّحْفُوظًا وَهُمْ عَنْ آيَاتِهَا مُعْرِضُونَ
และเราได้ทำให้ชั้นฟ้าเป็นหลังคาที่ถูกรักษาไว้ และพวกเขาก็ยังผินหลังให้สัญญาณต่าง ๆ ของมัน [21 : 32]
7- ชั้นฟ้าที่หลั่งฝน
โทรโพสเฟียร์ (troposphere) เป็นชั้นบรรยากาศชั้นแรกที่อยู่สูงจากพื้นดินขึ้นไปประมาณ 15 กม. อุณหภูมิจะค่อยๆลดลงตามระดับความสูง เป็นชั้นที่เกี่ยวข้องกับภูมิสภาพอากาศ ส่วนหนึ่งคือทำให้ไอน้ำที่ระเหยขึ้นไปจนถึงบรรยากาศชั้นนี้จะเกิดการควบแน่นกลายเป็นหยดน้ำ เปลี่ยนไอน้ำให้กลับคืนไปเป็นฝน และเปลี่ยนความร้อนให้กลับคืนไปเป็นคาร์บอนไดออกไซด์ในตอนกลางคืน อัลกุรอานได้กล่าวถึงเรื่องนี้ไว้ว่า
وَالسَّمَاء ذَاتِ الرَّجْعِ
ขอสาบานด้วยชั้นฟ้าที่หลั่งน้ำฝน [86 : 11]
ในอายะห์นี้ใช้คำว่า الرجع มีความหมายว่า กลับคืน สามารถเข้าใจว่าหมายถึง คือชั้นฟ้าที่เปลี่ยนให้ไอน้ำกลับคืนไปเป็นฝน และเปลี่ยนความร้อนกลับไปเป็นคาร์บอนไดออกไซด์สู่พื้นโลกนั่นเอง
8- มนุษย์ยิ่งบินขึ้นสูง จะยิ่งอึดอัด และหายใจลำบาก
ความดันอากาศ มนุษย์เราหากยิ่งขึ้นไปที่สูงเท่าไหร่ อากาศก็ยิ่งเบาบาง ยิ่งหายใจลำบาก รู้สึกอึดอัด หายใจถี่ขึ้น หัวใจเต้นเร็วขึ้น ปริมาณเลือดที่ออกจากหัวใจต่อนาทีเพิ่มขึ้น ความดันโลหิตสูงขึ้น และการไหลเวียนของเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจก็เพิ่มขึ้นด้วย
فَمَن يُرِدِ اللّهُ أَن يَهْدِيَهُ يَشْرَحْ صَدْرَهُ لِلإِسْلاَمِ وَمَن يُرِدْ أَن يُضِلَّهُ يَجْعَلْ صَدْرَهُ ضَيِّقًا حَرَجًا كَأَنَّمَا يَصَّعَّدُ فِي السَّمَاء
ผู้ใดที่อัลลอฮ์ทรงต้องการจะแนะนำเขาก็จะทรงให้หัวอกของ เขาเบิกบาน เพื่ออิสลาม และผู้ใดที่พระองค์ทรงต้องการจะปล่อยให้เขาหลงทาง ก็จะทรงให้ทรวงอกของพวกเขาคับแคบ อึดอัด ประหนึ่งว่าเขากำลังขึ้นไปยังฟากฟ้า [6 : 125]
อัลกุรอานได้อธิบายว่า พวกที่หลงทาง หัวใจเขาจะรู้สึกอึดอัดกับอิสลามเหมือนกับคนที่ขึ้นไปบนฟ้าสูงๆ รู้สึกอึดอัด คนในยุคพันสี่ร้อยกว่าปียังไม่สามารถบินขึ้นไปบนฟ้าได้ ไฉนจึงรู้ได้ว่าอยู่บนฟ้าจะรู้สึกอึดอัด
9- ลมช่วยให้เกสรเกิดการผสมกัน
ลมมีบทบาทที่สำคัญหลายประการ หนึ่งในนั้นคือช่วยพัดพาเอาเกสรต้นไม้ดอกไม้ให้มาผสมกัน มีความจำเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะกับต้นไม้หลายหลายชนิดที่ไม่มีกลิ่นหอมยั่วยวนแมลงให้ทำหน้าที่นี้ หากไม่มีลมเหล่านี้แล้ว เกสรตัวผู้ก็ย่อมไม่สามารถผสมกับเกสรตัวผู้ตัวเมียได้
وَأَرْسَلْنَا الرِّيَاحَ لَوَاقِحَ
และเราได้ส่งลมผสมเกสร [15 : 22]
10- ภูเขาคือหมุดที่คอยตรึงเปลือกโลกเอาไว้
ภูเขาที่เราเห็นนั้นเกิดจากการเคลื่อนที่เข้าปะทะกันของแผ่นทวีปขนาดใหญ่ที่กลายเป็นผิวโลก แผ่นที่แข็งกว่าจะแทรกเข้าไปใต้อีกแผ่นหนึ่ง ชั้นที่อยู่ข้างบนจะมีการโค้งงอเกิดเป็นภูเขาขึ้น ชั้นที่อยู่ข้างใต้จะเป็นส่วนที่ลึกลงไปด้านล่าง นั่นหมายถึง จริงๆแล้วภูเขาที่เราเห็นว่าสูงตระหง่านเสียดฟ้านั้น มีส่วนที่ลึกลงไปใต้ดินพอๆกับส่วนที่เราเห็นบนผืนโลก ลักษณะที่ภูเขาฝังลึกลงไปในพื้นดินและยื่นขึ้นเหนือพื้นโลก ทำให้มีคุณสมบัติเหมือนหมุดที่ยึดผิวโลกเข้าไว้ด้วยกัน เปลือกโลกประกอบด้วยส่วนที่ยังคงมีการเคลื่อนตัวอย่างสม่ำเสมอ การยึดติดของภูเขานี้ช่วยป้องกันการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงของเปลือกโลกซึ่งมีโครงสร้างที่เคลื่อนไหวได้ อัลกุรอานกล่าวไว้ว่า
وَالْجِبَالَ أَوْتَادًا
และมิได้ให้เทือกเขาเป็นหลักตรึงไว้ดอกหรือ ? [78 : 7]
คำว่า أوتاد หมายถึงสมอบก หรือหมุดที่ตอกเข้าไปในดินเพื่อใช้ยึดเต้นท์หรือกระโจม
และอีกอายะห์หนึ่งกล่าวว่า
وَجَعَلْنَا فِي الْأَرْضِ رَوَاسِيَ أَن تَمِيدَ بِهِمْ
และเราได้ทำให้เทือกเขามั่นคงในแผ่นดินเพื่อมันจะมิได้หวั่นไหวไปกับพวกเขา [21 : 31]
11- พื้นที่ที่ต่ำที่สุดในโลก
พื้นที่ต่ำที่สุดในโลก คือบริเวณที่อยู่ใกล้ๆกับทะเลสาบเดดซี ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลราว 392 เมตร และเป็นบริเวณที่กองทัพโรมันพ่ายแพ้ต่อกองทัพเปอร์เซียในสมัยท่านนบี ปีค.ศ. 626
غُلِبَتِ الرُّومُ فِي أَدْنَى الْأَرْضِ
พวกโรมันถูกพิชิตแล้ว ในดินแดนอันใกล้นี้ [30 : 1-2]
คำว่า الأرض แปลว่า พื้นดิน และأدنى นอกจากความหมายว่าใกล้ที่สุดแล้ว ยังมีอีกความหมายหนึ่งคือต่ำที่สุดอีกด้วย ในสมัยก่อนไม่สามารถวัดความสูงจากน้ำทะเลของแผ่นดินได้จึงเข้าใจว่าหมายถึง ใกล้ที่สุด แต่ปัจจุบันมนุษย์สามารถวัดความสูงจากระดับน้ำทะเลได้แล้ว และพบว่าบริเวณนั้นเป็นพื่้นดินที่ต่ำที่สุดในโลก เมื่อกลับไปพิจารณาที่อายะห์นี้ จึงพบว่าสามารถเข้าใจได้ว่าหมายถึง "ในบริเวณพื้นดินที่ต่ำที่สุด"
12- เหล็กไม่ได้เกิดขึ้นมาพร้อมกับโลก
เหล็กเป็นธาติที่ไม่อาจก่อตัวขึ้นได้ในระบบสุริยะของเรา เพราะการก่อตัวของเหล็กต้องใช้พลังงานที่เกินกว่าที่ระบบสุริยะของเราจะให้ได้ นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบความจริงในข้อนี้เมื่อไม่นานมานี้ ว่าเหล็กก่อตัวขึ้นนอกระบบสุริยะของเราและถูกส่งมายังโลกในรูปของอุกาบาตดาวตกทั้งหลาย ในขณะที่อัลกุรอานได้กล่าวถึงเรื่องนี้มาพันสี่ร้อยกว่าปีมาแล้วว่า
وَأَنْزَلْنَا الْحَدِيدَ فِيهِ بَأْسٌ شَدِيدٌ وَمَنَافِعُ لِلنَّاسِ
และเราได้ประทานเหล็กลงมา ในนั้นมีความแข็งแกร่งมาก และมีประโยชน์มากมายสำหรับมนุษย์ [57 : 25]
ในอัลกุรอานใช้คำว่า أنزل มีความหมายว่า ส่งลงมา ได้อย่างเหมาะสม
หากอัลกุรอานมาจากการประดิษฐ์ของมนุษย์แล้วไซร้ ย่อมต้องมีข้อผิดพลาดมากมาย โดยเฉพาะเมื่อมีการกล่าวถึงวิทยาการต่างๆที่มนุษย์ยังไม่อาจพิสูจน์ได้