สาระดีดี ตด ใครคิดว่าไม่สำคัญ
นักวิทยาศาสตร์บางคนสนใจพฤติกรรมด้านนี้ของมนุษย์มาก ซึ่งเขาได้พบว่า
คนปกติตดประมาณวันละ 10 ครั้ง ทำให้แก๊สที่ออกมามีปริมาณมากพอที่จะบรรจุลูกโป่งได้ 1 ลูก ถึงแม้จะมีการอ้างว่า ผู้ชายตดบ่อยกว่าผู้หญิง แต่การสำรวจและศึกษาเรื่องนี้อย่างเป็นระบบทำให้เรารู้แล้วว่า ชายและหญิงตดบ่อยพอๆ กัน
นอกจากนี้ นักโภชนาการยังได้พบอีกว่า คนที่อมลูกกวาดหรือเคี้ยวหมากฝรั่งเวลากลืนน้ำลายจะกลืนอากาศลงท้องด้วย เพราะหมากฝรั่งมี sorbitol ที่ทำให้อาหารมีรสหวาน ดังนั้น เวลาอยู่ในกระเพาะจุลินทรีย์จะย่อยสลาย sorbitol ทำให้เกิดแก๊สมาก ซึ่งจะมีผลทำให้ตดมาก ดังนั้น เวลาซื้อหมากฝรั่งหากอ่านฉลากแล้วพบว่า หมากฝรั่งนั้นมี sorbitol ก็ไม่ควรซื้อ เพราะจะทำให้คนบริโภคตดบ่อย ส่วนอาหารที่ค้างคืนหากนำออกจากตู้เย็นมาอุ่น นั่นคือการกระตุ้นจุลินทรีย์ที่มีในอาหารให้ทำงานผลิตแก๊ส ดังนั้น หากจำเป็นต้องกินอาหารเหลือ การกินมันในสภาพที่มีอุณหภูมิต่ำ จะไม่ทำให้ตดมาก การกินอาหารที่อุ่นซ้ำแล้วซ้ำอีก จะทำให้ตดบ่อย
อนึ่ง การกินเส้นใยเพื่อลดคอเลสเตอรอลในร่างกาย และป้องกันร่างกายมิให้เป็นมะเร็งนั้น ก็ควรกระทำในปริมาณที่พอเหมาะพอควร คือประมาณ 25 กรัม/วัน เพราะถ้ากินอาหารประเภทกะหล่ำ ถั่วและบรอกโคลีมากจะทำให้ตดมาก นอกจากนี้การลดอาหารประเภทไขมันและน้ำมัน ก็สามารถทำให้การตดลดปริมาณได้ ทั้งนี้เพราะไขมันเป็นสารที่ย่อยยากและถ่ายยาก จึงอาจอยู่ในกระเพาะได้นานถึง 2 ชั่วโมง และนี่ก็คืออาหารสำหรับจุลินทรีย์ในการสร้างแก๊สตด
วิธีหนึ่งที่อาจช่วยในการลดแก๊สในกระเพาะคือ กินขิง อบเชย หรือ peppermint เพื่อดูดซึมแก๊สไปได้บ้าง
คนเราควรจะผายลมให้หมด เพื่อจะได้กำจัดแก๊สที่เกิดขึ้นในตัว
การกลั้นเอาไว้อาจเป็นอันตรายกับลำไส้ การปล่อยให้มีลมอยู่ในกระเพาะจะทำให้เกิดอาการแสบร้อนกลางอก หรือกรดไหลย้อน ซึ่งอาจทำให้เกิดโรคมะเร็งหลอดอาหารได้ เช่นเดียวกับการเรอ ควรระบายออกหลังอาหารทุกมื้อ
ที่มาบทความ สมาคมนักกิจกรรมบำบัด อาชีวบำบัดแห่งประเทศไทย
รูปภาพ จาก manmon.in.th