BLOG BOARD_B
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email: sale@soccersuck.com
ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
ซุปตาร์ยูโร
Status: Extreme Of Life
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 3310
ที่อยู่: ขนำท้ายไร่
โพสเมื่อ: Thu Nov 07, 2013 17:06
ขุนพลในตำนานบัสบี้ เบบส์ ปะทะคลาส ออฟ 99 ของเฟอร์กี้
ความยิ่งใหญ่ของขุนพลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชุดบัสบี้ เบบส์ ถูกกล่าวขวัญถึงมาเป็นเวลากว่า 50 ปีแล้ว มันเกิดขึ้นมาตั้งแต่ก่อนเกิดโศกนาฏกรรมที่มิวนิคในปี 1958 ก่อนที่ทีมจะสานต่อความสำเร็จมาเรื่อยๆ จนถึงกระทั่งคว้าแชมป์ยุโรปได้เป็นสมัยที่ 3 ในปี 2008

ในช่วงศตวรรษที่ 20 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้มีทีมชุดที่เกรียงไกรอยู่ 3 ชุด เซอร์ แมตต์ บัสบี้ คุมอยู่ 2 ชุด ส่วนชุดที่ 3 เป็นของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน

ในปี 1999 ที่คว้าทริปเปิ้ลแชมป์ก็เป็นนักเตะอย่าง รอย คีน, เดวิด เบ็คแฮม, ไรอัน กิ๊กส์ และ พอล สโคลส์ ส่วนทีมชุดคว้าแชมป์ยุโรปสมัยแรกปี 1968 ก็เป็น จอร์จ เบสต์, เดนิส ลอว์ และ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน แน่นอน นี่คือทีมชุดที่เรียกว่าบัสบี้ เบบส์

ตอนนี้เราจะมาดูกันว่าทั้ง 3 ทีมที่ว่านั้นเป็นอย่างไรกันบ้าง โดยมาจากการพูดคุยกับผู้ที่ได้สัมผัสความสนุกตื่นเต้นจากการเชียร์ทีมในช่วงเวลาดังกล่าว ตั้งแต่การคัมแบ็คสุดเร้าใจของเฟอร์กี้ ไปจนถึง 2 ทีมระดับตำนานของบัสบี้...



อันดับ 3 สามนักเตะศักดิ์สิทธิ์ (1962-1969)
แผนการเล่น 4-3-3 อเล็กซ์ สเต็ปนี่ย์; โทนี่ ดันน์, บิลล์ โฟล์คส, เดวิด แซดเลอร์, ฟรานซิส เบิร์นส; น็อบบี้ สไตล์ส, เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน, แพ็ดดี้ ครีแรนด์; จอร์จ เบสต์, ไบรอัน คิดด์, เดนิส ลอว์

นักเตะคนอื่นๆ ที่น่าจดจำ เชย์ เบรนแนน, จอห์น แอสตัน, จอห์น ฟิตซ์แพทริค

ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชุดประสบความสำเร็จในรายการยุโรปเป็นครั้งแรกนั้นมีนักเตะ 3 คนที่ได้รับการเชิดชูมากที่สุดเล่นอยู่ในทีมด้วย

เดนิส ลอว์, เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน และ จอร์จ เบสต์ หรือที่เรียกรวมๆ กันว่าสามนักเตะศักดิ์สิทธิ์ เป็นนักเตะ 3 คนที่สามารถผลิตสกอร์ สร้างสรรค์เกม และช่วยให้ทีมคว้าชัยชนะได้อยู่เสมอๆ

ทั้ง 3 คนที่ว่าสามารถคว้ารางวัลบัลลง ดอร์ ได้ทั้งหมดเลย นี่เป็นทีมที่สร้างเกมรุกได้เร้าใจที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของเซอร์ แมตต์ รวมถึงในตำแหน่งมิดฟิลด์ และนักเตะริมเส้นด้วย

แม้ว่าพวกเขาจะโดดเด่นกว่าใครเพื่อน แต่นักเตะที่เหลือในทีมก็มีส่วนสำคัญเช่นกันที่ทำให้ทีมประสบความสำเร็จในปี 1968 บ็อบบี้ ชาร์ลตัน และ น็อบบี้ สไตล์ส เพิ่งคว้าแชมป์โลกกับทีมชาติอังกฤษมาได้ในปี 1966 และทั้งคู่ก็ได้มาเป็นกำลังสำคัญให้กับสโมสรในอีก 2 ปีต่อมา

สไตล์สเป็นผู้เล่นมิดฟิลด์ตัวรับในแบบฉบับที่บู๊สู้ไม่ถอย บทบาทของเขาลงตัวเหลือเกินในทีมแผน 4-4-2 ของ เซอร์ อัลฟ์ แรมซี่ย์ และเขาก็ได้รับบทบาทเดียวกันในแผงมิดฟิลด์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

เขายืนในแดนกลางคู่กับ แพ็ดดี้ ครีแรนด์ ซึ่งเป็นมิดฟิลด์จอมลุย และนั่นก็ช่วยสร้างสรรค์โอกาสให้กับนักเตะอย่างลอว์ และเบสต์ในแดนหน้า รวมถึงชาร์ลตันที่เป็นเพลย์เมคเกอร์ของทีมในตอนนั้นด้วย

ไบรอัน คิดด์ ซึ่งรับบทศูนย์หน้าคู่กับลอว์ต้องยืนค้ำหน้าคนเดียวในนัดชิงชนะเลิศยูโรเปี้ยน คัพ 1968 เนื่องจากลอว์ไม่สามารถลงเล่นได้ และคิดด์ก็สามารถยิงประตูในเกมดังกล่าวได้ด้วย

ก่อนที่จะเป็น ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล มันก็เป็นยุคของ อเล็กซ์ สเต็ปนี่ย์ มาก่อน เขายืนเฝ้าเสาให้กับทีมชุดนี้ และก็พร้อมที่จะตะโกนสั่งการแผงหลังที่ยืนข้างหน้าเขาอยู่ตลอดเวลา

ในส่วนของฟูลแบ็คนั้นเป็น โทนี่ ดันน์ และ ฟรานซิส เบิร์นส และเซ็นเตอร์ฮาล์ฟทั้ง 2 คนก็คือ บิลล์ โฟล์คส และ เดวิด แซดเลอร์

โฟล์คสเป็นส่วนหนึ่งของทีมที่หลงเหลือมาจากบัสบี้ เบบส์ ยุคก่อน เช่นเดียวกับตัวของบัสบี้เอง และชาร์ลตัน เขารอดชีวิตจากเหตุการณ์ที่มิวนิค และก็ได้รับปลอกแขนกัปตันทีมลงเตะในฤดูกาล 1958 ที่เหลือในครั้งนั้นด้วย

กองหลังอีกคนที่น่าจดจำของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 1968 ก็คือฟูลแบ็คชาวไอริชที่มีชื่อว่า เชย์ เบรนแนน เขาถูกผลักดันขึ้นมาโดย จิมมี่ เมอร์ฟี่ หลังจากเกิดโศกนาฏกรรม และก็ได้เล่นเป็นแบ็คขวาตัวจริงให้กับทีมในนัดชิงชนะเลิศศึกยุโรปที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าชัยไป 4-1 ด้วย

ย้อนกลับไปในศตวรรษก่อนหน้านั้น มันยากที่จะเชื่อว่าเซอร์ แมตต์ จะสามารถพาทีมขึ้นมาครองความยิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง โดยเฉพาะกับชัยชนะศึกยูโรเปี้ยน คัพ 1968

แต่นี่ก็ไม่ใช่ทีมเดียวที่เขาสร้างขึ้นมาได้อย่างยิ่งใหญ่ ยังคงมีนักเตะอยู่กลุ่มหนึ่งได้เริ่มต้นงานของพวกเขามาแล้วก่อนหน้านี้ตั้งแต่ปี 1956



อันดับ 2 ทีมชุดคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ (1998-2001)
แผนการเล่น 4-4-2 ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล; เดนิส เออร์วิน, ยาป สตัม, รอนนี่ ยอห์นเซ่น, แกรี่ เนวิลล์; ไรอัน กิ๊กส์, รอย คีน, พอล สโคลส์, เดวิด เบ็คแฮม; แอนดี้ โคล, ดไวท์ ยอร์ค

นักเตะคนอื่นๆ ที่น่าจดจำ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์, เท็ดดี้ เชอริงแฮม, นิคกี้ บัตต์, ฟิล เนวิลล์, เยสเปอร์ บลอมควิสต์, เวส บราวน์, เฮนนิ่ง เบิร์ก, ไรมอนด์ ฟาน เดอร์ ฮาว

ทีมชุดคว้า 3 แชมป์ของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ชุดนี้ถูกนำไปเปรียบเทียบกับบัสบี้ เบบส์ มานับครั้งไม่ถ้วน เมื่อย้อนกลับไปในปี 1958 ก่อนที่ทีมจะบินกลับมาจากเบลเกรด ทีมของบัสบี้กำลังไล่ล่าแชมป์ดิวิชั่น 1 เอฟเอ คัพ และยูโรเปี้ยน คัพ อยู่เช่นกัน

จากนั้นคลาส ออฟ 99 ก็มาเติมเต็มความฝันนั้นให้กับแฟนๆ ที่ยังเชื่อมั่นว่าทีมจะสานต่อความมหัศจรรย์จากทีมของบัสบี้ในครั้งนั้นได้

แม้จะไม่มีนักเตะคนไหนที่โดดเด่นขึ้นมาอย่างในทีมชุดคว้าแชมป์ยุโรปปี 1968 แต่ทีมชุดทริปเปิ้ลแชมป์ก็มีดีตรงที่ความสมดุลภายในทีม และการผสมผสานในแต่ละตำแหน่งที่ลงตัว นอกจากนี้ยังมีทีมสปิริตยอดเยี่ยมจนทำให้ทีมคัมแบ็คกลับมาเอาชนะได้อยู่บ่อยครั้ง

ไรอัน กิ๊กส์, รอย คีน, พอล สโคลส์ และ เดวิด เบ็คแฮม คือแผงมิดฟิลด์ที่สมบูรณ์แบบ แถมมองไปในแดนหน้า แอนดี้ โคล กับ ดไวท์ ยอร์ค ก็ประสานงานกันได้อย่างไร้ที่ติ

ที่ม้านั่งสำรองยังมีนักเตะอย่าง โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ และ เท็ดดี้ เชอริงแฮม ที่พร้อมลงมาพลิกสถานการณ์ให้กับทีมได้อยู่เสมอ เช่นเดียวกับ ฟิล เนวิลล์ และ นิคกี้ บัตต์ ที่เป็นอะไหล่ชั้นดี ซึ่งพร้อมทำหน้าที่แทนนักเตะตัวจริงได้ทุกเมื่อที่ทีมต้องการ

และก็เช่นเดียวกับแผงมิดฟิลด์ ในแนวรับของทีมก็ยังมีทั้ง เดนิส เออร์วิน, ยาป สตัม, รอนนี่ ยอห์นเซ่น และ แกรี่ เนวิลล์ เมื่อทั้ง 4 คนลงเล่นในแผงหลังพร้อมกันก็ทำให้ทีมมีทั้งทักษะ ความแข็งแกร่ง ความเฉลียวฉลาด และสมาธิ แถมด้านหลังของพวกเขายังมีนายประตูยักษ์เดนส์อย่าง ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล เฝ้าเสาอีกต่างหาก

ถือว่าทีมชุดปี 1999 เป็นทีมชุดที่สมบูรณ์แบบที่สุดชุดหนึ่งในโลกของฟุตบอลเลยทีเดียว มันมาจากทั้งการซื้อตัวนักเตะเข้ามาเสริมทีม และการพัฒนานักเตะเยาวชนของเฟอร์กี้เองอย่างพี่น้องเนวิลล์, เบ็คแฮม, สโคลส์, กิ๊กส์ และบัตต์ และทีมชุดนี้ก็ช่วยให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก ได้ 3 สมัยติดต่อกันจนถึงปี 2001 ด้วย

เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน เคยพูดถึงทีมชุดนี้เอาไว้กับสื่อมวลชนในปี 1999 ว่า "ทีมของเราตอนนี้มีการเตรียมพร้อมเป็นอย่างดีในหลายๆ ด้าน เราไม่ได้ฝึกซ้อมกันแบบนี้ในสมัยก่อน แต่ถึงกระนั้น ผมก็ยังเชื่อว่านักเตะจากทีมชุดปี 1968 นั้นดีเพียงพอที่จะสามารถลงเตะในเกมฟุตบอลทุกวันนี้เช่นกัน"

นอกจากนี้เขายังได้กล่าวเอาไว้กับบีบีซีหลังจากที่ทีมเอาชนะยูเวนตุสในรอบรองชนะเลิศปี 1999 เอาไว้ด้วยว่า "เชื่อได้เลยว่าผู้คนจะต้องเอาทีมชุดนี้ไปเปรียบเทียบกับทีมชุดคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ ปี 1968 รวมถึงนักเตะบางคนในทีมด้วยเช่นกัน ที่ผมบอกได้ตอนนี้ก็คือผมไม่เคยนั่งชมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำผลงานได้ดีขนาดนี้มาก่อนเลย"

ทีมของเฟอร์กี้ในปี 1999 เป็นทีมที่มีพละกำลังล้นเหลือ และมีทัศนคติที่ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ นั่นทำให้ทีมชุดนั้นถูกนำมาเปรียบเทียบกับทีมชุดคว้าแชมป์ยุโรป 1968 อยู่บ่อยๆ แม้ว่าในตอนนั้นจะไม่มีนักเตะสักคนในทีมที่โดดเด่นเท่ากับลอว์, เบสต์ และชาร์ลตันก็ตาม



อันดับ 1 เดอะ บัสบี้ เบบส์ (1955-1958)
แผนการเล่น 2-3-5 แฮร์รี่ เกร็กก์; โรเจอร์ เบิร์น, บิลล์ โฟล์คส; ดันแคน เอ็ดเวิร์ดส, มาร์ค โจนส์, เอ็ดดี้ โคลแมน; เดวิด เพ็กก์, เลียม "บิลลี่" วีแลน, ทอมมี่ เทย์เลอร์, เดนนิส ไวโอเล็ต, จอห์นนี่ เบอร์รี่

นักเตะคนอื่นๆ ที่น่าจดจำ แจ็คกี้ บลันช์ฟลาวเวอร์, เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน, อัลเบิร์ต สคันลอน, เคนนี่ มอร์แกนส์, เจฟฟ์ เบนท์, เรย์ วู้ด

จากการที่ทีมชุดปี 1958 และ 1999 ติดอันดับ 3 และ 2 ไปแล้วตามลำดับ ทำให้ทีมชุดบัสบี้ เบบส์ ได้กลายเป็นทีมอันดับ 1 ไปโดยปริยาย

หากจะบอกว่าทีมชุดที่ 2 ของบัสบี้นั้นเต็มไปด้วยนักเตะชั้นยอด และทีมชุดคว้าทริปเปิ้ลแชมป์นั้นเป็นการผสมผสานในทีมที่สมบูรณ์แบบ ทีมชุดบัสบี้ เบบส์ นี้ก็เป็นอะไรที่เหนือกว่านั้นโดยมีทั้ง 2 อย่างที่ว่ารวมกัน
ดันแคน เอ็ดเวิร์ดส นั้นเป็นนักเตะที่เรียกได้ว่ายอดเยี่ยมที่สุดในยุคนั้น ขณะที่ ทอมมี่ เทย์เลอร์, โรเจอร์ เบิร์น และ เอ็ดดี้ โคลแมน ต่างก็ทำหน้าที่ของตนได้เป็นอย่างดี

แจ็คกี้ บลันช์ฟลาวเวอร์ น้องชายของ แดนนี่ บลันช์ฟลาวเวอร์ นักเตะผู้ยิ่งใหญ่ของท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ที่ผันตัวมาเป็นนักข่าว ก็มีสัมผัสบอลที่สุดยอดไม่แพ้ มาร์ค โจนส์ ซึ่งในทีมชุดบัสบี้ เบบส์ นั้นเขายืนเป็นฮาล์ฟแบ็คเคียงข้างกับเอ็ดเวิร์ดส และโคลแมน

สำหรับฮาล์ฟแบ็คนั้นก็คือตำแหน่งที่ถือว่าล้าสมัยไปแล้วในตอนนี้ การยืนในตำแหน่งนี้ก็ก้ำกึ่งระหว่างมิดฟิลด์ตัวรับกับเซ็นเตอร์แบ็คนั่นเอง

โรเจอร์ เบิร์น ซึ่งรับบทกัปตันทีมนั้นเป็นฟูลแบ็คที่ได้รับการยกย่องเป็นอย่างมากในยุคของเขา ส่วนใหญ่แล้วเขาจะยืนจับคู่กับ บิลล์ โฟล์คส ซึ่งเป็นนักเตะในทีมชุดคว้าแชมป์ยุโรปปี 1968 ด้วย และสำหรับตำแหน่งนี้ก็ยังมี เจฟฟ์ เบนท์ เป็นอะไหล่ที่ข้างสนามด้วย

ตำแหน่งฟูลแบ็คในสมัยนั้นจะเป็น 2 คนที่ยืนอยู่หลังสุด และถัดลงไปก็จะเป็น แฮร์รี่ เกร็กก์ ที่ยืนเฝ้าเสาประตู

ผู้รักษาประตูชาวไอร์แลนด์เหนือรายนี้กลายเป็นฮีโร่จากเหตุการณ์ที่มิวนิค เมื่อเขาได้ช่วยเหลือชีวิตผู้อื่นหลังเกิดเหตุ ถือว่าเป็นคนที่มีความกล้าหาญทั้งใน และนอกสนามเลยทีเดียว

ก่อนที่ทีมชุดนี้จะถึงจุดจบที่มิวนิค พวกเขากำลังขับเคี่ยวไล่ล่าแชมป์อยู่ถึง 3 รายการเลยทีเดียว

ในปี 2008 มีนักข่าวจากเดอะ การ์เดี้ยน ได้ไปถามความเห็นเกี่ยวกับดันแคน, เบิร์น และเทย์เลอร์ จากอดีตเพื่อนร่วมทีมชาติอังกฤษอย่าง จิมมี่ อาร์มฟิลด์ และผู้จัดการทีม วอลเตอร์ วินเทอร์บอทท่อม และอาร์มฟิลด์พูดถึงนักเตะทั้ง 3 คนว่า "หากว่าเรายังมีทั้ง ดันแคน เอ็ดเวิร์ดส, โรเจอร์ เบิร์น และ ทอมมี่ เทย์เลอร์ อยู่ในทีม ผมเชื่อเลยว่าทีมชาติอังกฤษจะเข้าถึงรอบชิงฯ ฟุตบอลโลก 1958 ได้แน่ และก็น่าจะคว้าแชมป์ได้ด้วย จากการเล่นร่วมกันมาทำให้ผมเห็นถึงพละกำลังในตัวพวกเขาตั้งแต่ที่ห้องแต่งตัว และผมก็คิดในใจว่าโชคดีจริงๆ ที่ได้พวกเขามาเล่นในทีมเรา"

ขณะที่วินเทอร์บอทท่อมพูดถึงเอ็ดเวิร์ดสว่า "ดันแคนเป็นสุดยอดนักเตะ เขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์สูงพอที่จะกลายเป็นนักเตะที่ดีที่สุดในยุคของเขา เขาลงเล่นด้วยความสนุกสนาน และสปิริตของเขาก็ส่งผลดีต่อทีมชาติอังกฤษทั้งทีม ด้วยบุคลิก และสปิริตดังกล่าวในตัวของ ดันแคน เอ็ดเวิร์ดส ทำให้ผมคิดว่ามันเป็นการกลับมาเกิดใหม่อีกครั้งของวงการฟุตบอลสหราชอาณาจักรเลย"

มันเคยมีคำถามว่า บ็อบบี้ มัวร์ จะได้กลายเป็นตัวหลักให้กับทีมชาติหรือเปล่าด้วยซ้ำ หากว่าเอ็ดเวิร์ดสไม่เสียชีวิตไปเสียก่อน แต่ก็เป็นเรื่องน่าเศร้าที่ยอดฮาล์ฟแบ็คของทีมปีศาจแดงไม่มีโอกาสที่จะได้ก้าวไปถึงจุดสูงสุดในทีมสิงโตคำราม

ทอมมี่ เทย์เลอร์ เองก็เป็นถึงดาวยิงหมายเลข 9 ให้กับทั้งสโมสร และทีมชาติ รอบข้างเขาก็มีสุดยอดนักเตะอย่าง บิลลี่ วีแลน, เดนนิส ไวโอเล็ต และปีกอย่าง เดวิด เพ็กก์, เคนนี่ มอร์แกนส์, จอห์นนี่ เบอร์รี่ และ อัลเบิร์ต สคันลอน

เช่นเดียวกับทีมของเซอร์ อเล็กซ์ นักเตะบัสบี้ เบบส์ นี้ต่างก็เคลื่อนที่กันได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ สับเปลี่ยนตำแหน่งกันอย่างไหลลื่น และผลิตสกอร์ได้เป็นว่าเล่น

นี่ถือเป็นทีมชุดที่เริ่มสร้างตำนานให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างแท้จริง และเท่าที่ฟังจากคนที่ได้ดูพวกเขาลงเล่น มันก็ยังไม่เคยมีทีมชุดไหนที่ทำผลงานได้ดีไปกว่านี้อีกเลย

หากบัสบี้ เบบส์ ไม่เจอโศกนาฏกรรมในครั้งนั้นเสียก่อน บางทีเรอัล มาดริด อาจจะไม่ได้ครองบัลลังก์ยุโรปด้วยการคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ 5 สมัยติดต่อกันก็ได้

แม้ทีมชุดปี 1968 จะเปิดฉากคว้าแชมป์ยุโรปครั้งแรกมาให้กับสโมสรได้ และทีมชุดปี 1999 จะคว้าถ้วยมากมายหลายรายการมาประดับตู้โชว์ของสโมสร แต่ทั้ง 2 ทีมก็ยังไม่สามารถเทียบได้เลยกับทีมชุดที่มีชื่อว่าบัสบี้ เบบส์

credit :SiR KeaNo@redarmyfc.com
8
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status: ความฝันมันเหมือนกับคำสาป การจะถอนคำสาปมีแต่ให้ฝันเ
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 08 Apr 2007
ตอบ: 484
ที่อยู่: ไม่มี
โพสเมื่อ: Thu Nov 07, 2013 18:11
[RE: ขุนพลในตำนานบัสบี้ เบบส์ ปะทะคลาส ออฟ 99 ของเฟอร์กี้]
แผล่บให้ก่อนเดี๋ยวเสร็จงานมาอ่าน
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

ออฟไลน์
นักเตะอบจ.
Status: Mihael Keehl
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 2991
ที่อยู่: Fox River State Penitentiary
โพสเมื่อ: Thu Nov 07, 2013 20:08
[RE: ขุนพลในตำนานบัสบี้ เบบส์ ปะทะคลาส ออฟ 99 ของเฟอร์กี้]
ขอบคุณครับ

อ่านเพลินดีครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
“ Nothing is certain except for death and taxes. ”
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel