1. ทาจิบานะ ฮิเดโอะ / H2 และ อิจิโระ ซูซูกิ
สำหรับใครที่อ่านการ์ตูนกีฬาคงพอรู้จักคุ่นเคยกับนักเขียน(ติ๊งต๊อง) ผู้คร่ำหวอดในวงการการ์ตูนกีฬามาอย่างยาวนานแบบ "อาดาจิ มิซึรุ" มาบ้าง การ์ตูนของอาดาจินั้น มีเอกลักษณ์ที่ลายเส้น และ มุกตลกฮากริบ แบบที่ถ้าใครชอบมุกประเภทนี้จะถึงขั้นคลั่งการ์ตูนของเขา แต่ถ้าใครไม่ค่อยชอบมุกฮากริบ ก็อาจจะไม่ชอบการ์ตูนของอาดาจิไปเลยก็ได้
ตัวดิฉันเองอยู่ในคนกลุ่มแรกค่ะ
อาดาจิชอบเขียนการ์ตูนเกี่ยวกับ นักกีฬาในโรงเรียนไฮสคูล และเรื่องที่โด่งดังในเบอร์ต้นๆเห็นจะเป็นการ์ตูนเบสบอล ที่อาดาจิเองชอบแสนชอบ (เพราะในการ์ตูนกีฬาเรื่องอื่นๆของแกก็ยังไม่วายแอบสอดแทรกเรื่องและตัวละครเกี่ยวกับเบสบอลไว้เสมอ)
H2 เป็นการ์ตูนที่พูดถึงเรื่องราวของ เพื่อน 4(+1) คนที่เติบโตมาในย่านเดียวกัน เป็นเพื่อนสนิทกัน และชอบอะไรเหมือนๆกัน นั่นคือพวกเขาต่างหลงใหลในเบสบอล อีกคนเป็นมือขว้าง (Pitcher) ยอดอัจฉริยะ ส่วนอีกคนก็เป็นมือตี (ฺBatter) ผู้เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ และอีกคนคือแคชเชอร์ที่เข้าใจเพื่อนยอดอัจฉริยะทั้งสองเป็นอย่างดี ในกลุ่มพวกเขายังมี เด็กสาวอีกคนที่เป็นดังศูนย์กลางของกลุ่มด้วย
มือขว้าง : คุนิมิ ฮิโร่
มือตี : ทาจิบานะ ฮิเดโอะ
แคชเชอร์ : โนดะ อัสซึจิ
เพื่อนสาวเพียงคนเดียวในกลุ่มของเขาคือ อามามิยะ ฮิคาริ
พวกเขาทั้ง 3 เติบโตมาพร้อมกับการเป็นดาวรุ่งที่น่าจับตามอง จนกระทั่ง คุนิมิ และ โนดะ ถูกแพทย์วินิจฉัยว่าไม่สามารถเล่นกีฬาต่อได้ นั่นคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้พวกเขาต้องแยกจากกัน
ฮิเดโอะกลายเป็นนักกีฬาดาวรุ่งไฮสคูลที่น่าจับตามองและโด่งดังไปทั้งวงการ และเขากับฮิคาริยังได้เป็นแฟนกัน ขณะที่ฮิโร่ต้องหยุดเล่นเบสบอล .. และเขาก็ได้พบกันเด็กสาวอีกคนที่ชื่อ โคกะ ฮารุกะ
และนำมาซึ่งเรื่องรัก 4 เส้าของวัยรุ่นหนุ่มสาวตัว H ในที่สุด
มาพูดกันถึงเรื่องของ ทาจิบานะ ฮิเดะโอะ ฮิเดจังเป็นเด็กหล่อๆ เก่ง มีความสามารถ ใจดี เป็นอัจฉริยะทางด้านเบสบอล เป็นแบตเตอร์มือหนึ่งระดับเยาวชน ฮิเดโอะ จึงเป็นตัวการ์ตูนที่เพอร์เฟค และได้รับความนิยมมาก ... แม้เรื่องราวใน H2 จะไม่ได้ยืดยาวไปจนถึงระดับอาชีพ แต่ในชีวิตจริง มันก็มีคนที่บุคลิกใกล้เคียงกันเกิดขึ้นแล้วเช่นกัน
ราวๆปี 2012 มีข่าวนักเบสบอลญี่ปุ่นคนหนึ่ง สามารถแจ้งเกิดในวงการ MLB (เบสบอลลีกส์ในอเมริกา) ได้สำเร็จ แบบที่สะเทือนไปทั้งวงการ ด้วยการทำสถิติ HIT สูงสุด (ฮิตคือการตีแบบที่ผู้ตีสามารถวิ่งไปถึงเบส 1 ได้เป็นอย่างน้อย) จนถูกดึงมารวมทีมดังอย่าง นิวยอร์ค แยงกี้ในปี 2012 เขาคนนั้นคือ อิจิโระ ซูซูกิ ..
ฉายาของเขาคือ ซามูไรเงียบขรึม (บุคลิกเดียวกับฮิเดจังเป๊ะ)
อิจิโระ เริ่มต้นในเบสบอลระดับลีกส์ตั้งแต่เด็กๆ ตอนเด็กเขาเขียนคำว่า "ตั้งใจเข้านะ!" ไว้ที่ถุงมือของตัวเอง อิจิโระชอบเบสบอลมาก พออายุ 12 เขาจึงเริ่มวางแผนชีวิตตัวเองว่า จะยึดเอาเบสบอลเป็นอาชีพจริงจัง และเขาต้องทำมันให้สำเร็จให้ได้ ตอนเด็กพ่อบอกกับเขาว่า เบสบอลเป็นเรื่องสนุก แค่สนุกกับมันก็พอแล้ว แต่ตัวเขากลับคิดว่า เบสบอลสำหรับเขาเหมือนกับ การ์ตูนเรื่อง Star of the Giants (การ์ตูนทีวีที่โด่งดังอย่างมากของญี่ปุ่น พูดถึงเรื่องราวการก้าวไปสู่ความสำเร็จของการเป็นนักเบสบอล) พออิจิโระได้เข้าร่วมกับทีมเบสบอลตอนไฮสคูล พ่อของเขากำชับกับโค้ชว่า "ไม่ว่าลูกผมจะทำดีแค่ไหน ห้ามเอ่ยปากชมเขาเด็ดขาด ผมต้องการให้เขาแข็งแกร่ง"
อิจิโระสร้างผลงานได้ดีในระดับไฮสคูล แต่ในระดับอาชีพ หนทางไม่ไ่ด้สวยหรูนัก
เขาถูกปฏิเสธจากทีมอาชีพหลายๆทีมด้วยเหตุผลว่า เขาตัวเล็กเกินไป,เตี้ยเกินไป,ผอมแห้งเกินไป ในปี 1992 ตอนที่เขาอายุ 18 ในช่วงเวลาดาวรุ่งคนอื่นๆได้เข้าร่วมกับทีมอาชีพไปแล้ว อิจิโระยังคงต้องใช้เวลา 2 ปีอยู่ใน Farm system (คล้ายกับระบบ Academy ในฟุตบอล) จนกระทั่งมีการเปลี่ยนตัวโค้ช อิจิโระจึงถูกดึงให้เข้ามาอยู่ในทีมหลักของ Bluwaves จนได้ (Orix Buffaloes ที่ตอนหลังเปลี่ยนมาเป็น Orix Bluewaves ทีมเบสบอลอาชีพทีมแรกในญี่ปุ่นที่อิจิโระอยู่)
อิจิโระสามารถแจ้งเกิดในลีกอาชีพได้ตอนปี 1995 เขาสามารถพา Blue wave ไปสู่การแข่งระดับแปซิฟิคได้ในรอบ 12 ปี และปีต่อๆมาเขาก็ยังทำผลงานได้อย่างน่าเหลือเชื่อ จนสื่อพากันตั้งฉายาให้เขาว่า "เครื่องจักรจอมผลิตฮิต!" (HIT)
และผลงานที่สุดยอดจนหาตัวจับยาก Bluewave ก็ไม่มีกำลังพอจะรั้งผู้เล่นคนดังของเขาได้อีกต่อไป อิจิโระจึงได้ยื่นเรื่องขอเข้า Posting system ในที่สุด (เป็นระบบข้อตกลงแลกเปลี่ยนผู้เล่นของ เบสบอลลีกส์ในญี่ปุ่นกับอเมริกา) และทีมที่ อิจิโระเลือกในตอนนั้นคือ Seattle Mariners
อิจิโระอยู่กับ ซีแอตฯเกือบ 10 ปี สร้างผลงานอย่างโดดเด่นแบบที่สะเทือนไปทั้งวงการ MLB (Major league baseball) กวาดรางวัลทรงคุณค่ามากมาย และทำลายสถิติต่างๆนับไม่ถ้วน ในปี 2004 เขาสามารถทำสถิติจำนวน HIT สูงสุดที่ 262 จากเกมตลอดซีซั่น ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดเท่าที่เคยมีคนทำได้ทั้งในอเมริกาและญี่ปุ่น
จอมโจรขโมยเบส และ เครื่องจักรผลิตฮิต ยังคงดังอย่างไม่หยุดยั้ง จนกระทั่งเมื่อถึงจุดหนึ่ง เขาก็พบกับทางเลือกที่อาจเปลี่ยนชีวิตอีกครั้ง เมื่อทีมตัดสินใจเทรดเขากับผู้เล่น 2 คนจากนิว ยอร์ค แยงกี้ นั่นคือการย้ายทีมอีกครั้งของ อิจิโระ ไปสู่ยอดทีมชื่อดังของอเมริกาเช่น นิวยอร์ค แยงกี้
อิจิโระอาจมาไกลเกินกว่าที่เขาเคยคิดฝันเมื่อตอนเป็นเด็กแล้ว
เขากลายเป็นผู้เล่นที่มีสถิติ HIT สูงสุดในประวัติศาสตร์เบสบอล อเมริกา(และญี่ปุ่น)
กลายเป็นคนดังที่สุดในวงการเบสบอลระดับโลก อยู่กับทีมชื่อดัง ที่มีแฟนทีมหลายล้านคนทั่วโลก
เป็นผู้เล่นคนที่ 7 ในประวัติศาสตร์เบสบอลที่สามารถเก็บ 4,000 Hit ได้ภายในเบสบอลอาชีพ (และเขายังไม่เลิกเล่น แน่นอนว่า HIT~ ต้องเพิ่มไปอีกในอนาคต)
เป็นผู้เล่นจาก MLB คนแรกที่ได้อยู่ใน HALL OF FAME ของ ประวัติศาสตร์เบสบอลญี่ปุ่น
คำสัมภาษณ์หนึ่งที่ อิจิโระได้ให้สัมภาษณ์ เมื่อเขากลายเป็นนักกีฬาชื่อดังแล้ว นั่นคือ
"ผมเคยถูกมองว่าตัวเล็ก เตี้ย และ ผอมแห้ง นั่นคือ ผมก็แค่คนธรรมดาๆแค่นั้นเอง และผมอยากให้เด็กๆมองผมแบบนั้นด้วย แค่คนธรรมดา และเมื่อคนธรรมดาที่มีรูปร่างปกติธรรมดา สามารถมีชื่ออยู่ในบันทึกประวัติศาสตร์ได้ แค่เด็กๆได้เห็นสิ่งเหล่านั้น ก็ทำให้ผมมีความสุขมากๆแล้วครับ"
ฮิเดโอะ ทาจิบานะ อาจเป็นตัวละครในจินตนาการถึงเด็กไฮสคูลผู้มีสวรรค์ในฐานะแบตเตอร์มือฉมัง แต่ในวันนี้ อิจิโระ ซูซูกิ ทำให้ตัวละครนั้น เติบโตขึ้นกลายเป็นนักกีฬาเบสบอลที่ประสบความสำเร็จที่สุดของญี่ปุ่น
จินตนาการได้กลายเป็นจริงในที่สุด ..
2. โอโซระ ซึบาสะ / Captain Tsubasa และ ชินจิ คากาวะ
กัปตันซึบาสะ เป็นอาจเป็นการ์ตูนฟุตบอลเรื่องแรกๆที่สามารถสร้างปรากฏการณ์ให้กับการ์ตูนญี่ปุ่น ตรงที่ .. มันแพร่หลาย และ ฮิตไปทั่วโลก ไม่ใช่แค่ในประเทศ หรือ แค่ในเอเชียเท่านั้น ..
กัปตันซึบาสะ เป็นเรื่องราวของเด็กชายชาวญี่ปุ่น โอโซระ ซึบาสะ ผู้อาศัยอยู่ในเมืองนันคัตสึ เขาชอบการเล่นฟุตบอลมาก จนกระทั่งสามารถพาทีมคว้าแชมป์ระดับประเทศได้ตั้งแต่ตอนอยู่ชั้นประถม จนกระทั่งถึงชั้นมัธยม และ เขาก็ได้พบกับอดีตนักเตะทีมชาติชาวบราซิล โรแบร์โต้ ฮอนโก ผู้ที่ทำให้ซึบาสะอยากก้าวไปสู่ระดับโลก ด้วยการไปเล่นบอลที่บราซิล แต่เมื่อ โรแบร์โต้จากไป ซึบาสะก็ฝึกฝนตนเองเพียงลำพังจากหนังสือของโรแบร์โต้ จนเขาสามารถพาทีมมัธยมคว้าแชมป์ระดับประเทศได้ 3 สมัยซ้อน เขาจึงได้ไปแข่งทีมเยาวชนนานาชาติที่ฝรั่งเศส นั่นทำให้เขาได้ไปพบโรแบร์โต้ที่บราซิล ในที่สุด ..
เรื่องราวของซึบาสะ เริ่มต้นจากจุดเล็กๆ จากความฝันในการเล่นฟุตบอลแบบเด็กๆ จนกระทั่งเขากลายเป็นผู้เล่นแถวหน้า อยู่ในทีมระดับโลกอย่างสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลน่า ได้ร่วมเคียงข้างกับผู้เล่นระดับโลก และมีความไฝ่ฝันในการพาญี่ปุ่นคว้าแชมป์โลก เรื่องราวในการ์ตูน จบลงที่แมต เอลกาซิโก้ บาเซโลน่าพบกับรีลมาดริด โดย ซึบาสะสามารถพาบาเซโลน่าคว้าชัยชนะได้ในแมตนั้น และการ์ตูนซึบาสะก็อวสานลงที่ตรงนั้น ..
แต่แน่นอนว่า ความฝันไม่มีวันสิ้นสุด
หลายคนกล่าวว่า การ์ตูนฟุตบอลแบบซึบาสะเป็นการ์ตูนที่โอเวอร์เกินรับได้ แน่นอนว่าในความเป็นการ์ตูนมันก็ส่วนหนึ่ง แต่เรื่องความเพ้อฝันกับการที่นักเตะเอเชียจะก้าวขึ้นไปเล่นในระดับโลกได้ขนาดนั้น หรือ จะเป็นตัวสำคัญของทีม และแม้แต่ความฝันในการพาทีมคว้าแชมป์บอลโลกก็ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องน่าขำ แต่จนทุกวันนี้ การ์ตูนซึบาสะ ได้สร้างแรงบรรดาลใจให้กับเด็กๆมากมาย เด็กๆที่อยากเป็นให้ได้แบบซึบาสะ พวกเขาฝึกฝนการเล่นฟุตบอล เพื่อพยายามก้าวไปสู่การเล่นในระดับชาติ และ อาจะไปถึงระดับโลก
ในญี่ปุ่น เบสบอลเป็นกีฬายอดฮิต ฟุตบอลก็โด่งดังเช่นกัน แต่ก็ยังไม่มีใครที่พอจะเรียกได้ว่าระดับโลกได้เลย คนที่เราจะเรียกเขาว่าเป็น "ซึบาสะของชาวญี่ปุ่น" แบบที่ชาวญี่ปุ่นสามารถเอาไปพูดอวดกับคนอื่นๆได้ว่า คนญี่ปุ่นก็เป็นนักเตะแถวหน้าของโลกได้
จนกระทั่งมาถึงยุคของ ฮิเดโทชิ นากาตะ,ชุนสุเกะ นากามูระ,เคสุเกะ ฮอนดะ และ ล่าสุดคือ ชินจิ คากาวะ
คากาวะเริ่มต้นเล่นฟุตบอลตั้งแต่ 5 ขวบ เขาอยู่กับทีม Marino FC พอ 9 ขวบเขาก็ย้ายไปอยู่กับ Kobe NK FC พออายุ 12 เขาก็มาอยู่กับ FC Miyagi Barcelona สโมสรฟุตบอลที่ตั้งชื่อตามทีมฟุตบอลชื่อดังในสเปน เพราะเชื่อว่าเป็นสโมสรในฝันของเด็กๆหลายๆคน
สมัยเรียน คากาวะใช้เวลาว่างของเขาหลังเลิกเรียนหรือซ้อมฟุตบอลไปกับการดูวิดิโอเทปฟุตบอล คากาวะบอกว่า เขาดูวิดิโอเทปเยอะมากๆ ทั้งนักเตะต่างชาติและนักเตะญี่ปุ่น เขาพยายามจินตนาการถึงสไตล์ของตัวเอง และนักเตะแบบที่เขาอยากเป็น พอเข้าม.ปลาย เขาก็ค้นพบสไตล์ของตัวเองจนได้ ในตอนนั้นเขาบอกว่า เขาจะเป็นผู้เล่นในตำแหน่งกองกลางแบบที่ไม่เคยมีผู้เล่นญี่ปุ่นคนไหนเป็นได้มาก่อน ..
พอเขาเรียนจบม.ปลายก็ได้รับการทาบทามจากสโมสร Cerezo Osaka ทันที เนื่องจากสเก๊าของสโมสรได้มาดูฟอร์มการเล่นของเขาตั้งแต่ตอนเขาอยู่ ม.5 และพออายุ 19 ปีเขาก็ถูกเรียกติดทีมชาติญี่ปุ่น
ปี 2009 หลังจากทำผลงานได้ดีกับ เซเรโซ โอซาก้า จนสามารถคว้าตำแหน่งผู้ทำสกอร์สูงสุดของดิวิชั่น 2 ได้ (ทีมตกชั้นไปอยู่ดิวิชั่น 2) ราวๆปี 2010 คากาวะได้รับข้อเสนอจาก Sport Agency ชื่อดังของอดีตนักเตะชาวเยอรมัน โธมัส โครธ ทำให้เขาได้ย้ายไปเล่นในบุนเดสลีกา กับสโมสรฟุตบอล โบรุซเซีย ดอร์ทมุนต์ในที่สุด
คากาวะทำผลงานได้ดีกับดอร์ทมุนต์ และยังเป็นผู้เล่นคนสำคัญในทีมชาติ ด้วยฟอร์มการเล่นอันแสนโดดเด่นกับดอร์ทมุนต์ ทำให้คากาวะกลายเ็ป็นที่จับตามองอย่างมาก
คากาวะบอกว่า ฟุตบอลยุโรปนั้น แตกต่างจากฟุตบอลที่ญี่ปุ่นอย่างสิ้นเชิง ในประเทศที่เขามาอยู่ ในเยอรมัน ไม่ได้มีการแข่งขันเฉพาะกับทีมอื่น แต่การแข่งขันเกิดขึ้นภายในทีมด้วย ทุกคนต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อที่จะได้ลงเล่น วันไหนที่เขาไม่ได้ลงเล่น คากาะวะจะคิดว่า เขายังคงบกพร่อง ในการซ้อมเขาจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อขจัดข้อบกพร่องนั้นออกไป
มีข่าวซุบซิบในญี่ปุ่น ว่าเขาเป็นนักเตะประเภทพวกคนเค้าชอบพูดกันว่า "มาคนแรกกลับคนสุดท้าย" คากาวะบอกว่า มันเริ่มจากตอนที่เขาอยู่ม.ปลาย ตอนนั้นเขาคิดว่าจะออกจากสนามเป็นสุดท้ายให้ได้ทุกครั้ง และพอมาเล่นอาชีพ นิสัยเช่นนั้นก็ติดตัวมาโดยปริยาย คากาวะบอกว่า สโมสรที่ทำให้เขากลายเป็น "นักฟุตบอล" จริงๆคือตอนที่เขาอยู่กับ มิยางิ บาเซโลน่า สมัยเยาวชน
คากาวะเล่าว่า มันเป็นสโมสรเล็กๆ ไม่ได้โด่งดังอะไรนัก สนามยังเต็มไปด้วยโคลน ลูกบอลไม่เคยมีเพียงพอกับคนซ้อม และแทบไม่มีกรวยเหลือใช้ แต่นั่นเป็นที่ที่ทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นอย่างแท้จริง
หลังจากคว้าแชมป์บุนเดสลีกากับ ดอร์ทมุนต์มา 2 ฤดูกาลติด คากาวะได้พบกับ โอกาสครั้งใหม่ในชีวิต เขาย้ายมาอยู่ในรังโอลด์ แทรฟฟอร์ด สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เมื่อปี 2012 สโมสรที่มีแฟนบอลหลายร้อยล้านคนทั่วโลก นั่นเป็นอีกก้าวที่ยิ่งใหญ่ ของซามูไรหนุ่มคนนี้จริงๆ ..
ฤดูกาลแรกที่คากาวะมาถึงเขาได้ชูถ้วย แชมป์ลีกส์กับแมนฯยู แม้การมาอยู่แมนฯยู จะทำให้คากาวะเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น เขาก็แต่ผลงานของเขากับแมนฯยูนั้นไม่นับว่าดีนัก เมื่อเทียบกับตอนที่เขาอยู่ดอร์ทมุนต์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขายังไม่ได้รับโอกาสในการลงเล่นมากนักในฤดูกาลปัจจุบันกับผู้จัดการทีมคนใหม่อย่าง เดวิด มอยส์
คากาวะบอกมาตั้งแต่ต้น ตั้งแต่เด็กๆ ความฝันสูงสุดของเขาคือการได้เล่นกับสโมสรฟุตบอล บาเซโลน่า แน่นอนฝันนั้นยังคงอยู่ เขาบอกว่า ตอนนี้เขาอายุ 22 (ปัจจุบันอายุ 23 ปี) ถ้าเป็นไปได้ เขาอยากเล่นได้กับบาเซโลน่าตอน 19 ด้วยซ้ำ แต่เมื่อเขามองตัวเองตอนนี้ เขายังห่างไกลกับความฝันสูงสุดของตัวเองอยู่มาก และเขาอยากพัฒนาให้มากกว่านี้ เขาไม่ไ่ด้วิ่งเร็วกว่า เลี้ยงบอลได้ดีกว่า หรือยิงได้ดีกว่า ผู้เล่นของบาเซโลน่า เขาต้องพัฒนาตัวเองอีกมาก อีกมากมายทีเดียว
คากาวะบอกว่า ในยุโรปผลการแข่งขันเพียงนัดเดียว
อาจเปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้เล่นบางคนไปตลอดเลยก็ได้ และสำหรับคากาวะ
"My Chance will come"
โอกาสของเขาจะต้องมาถึง คากาวะคิดเช่นนั้นตลอดเวลา
[/img]
http://f.ptcdn.info/210/011/000/1382372442-12-o.jpg src="http://f.ptcdn.info/210/011/000/1382372415-11-o.jpg" alt="" />
เห็นรูปนี้แล้ว เข้าใจเลยว่าพวกเขาเหล่านั้น เกิดมาเพื่อเตะบอลจริงๆ
3.ซากุรางิ ฮานามิจิ / Slamdunk และ ยูตะ ทะบูเซะ
หนึ่งในการ์ตูนกีฬาที่โด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์ของการ์ตูนญี่ปุ่น (ไม่รู้ข้อมูลจริง แต่เหมาเอาแบบนี้เลยแหละ) การ์ตูนที่สร้างปรากฏการณ์ให้การกีฬาบาสเก็ตบอลของญี่ปุ่น การ์ตูนที่ทำให้ NBA กลายเป็นรายการกีฬาที่ชาวญี่ปุ่นติดงอม Slamdunk เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชมรมบาสเก็ตบอลมัธยมปลาย นำโดยตัวเอกของเรื่อง ไอ้หัวแดง ฮานามิจิ ซากุรางิ
ฮานามิจิ เป็นพวกเก่งเรื่องต่อยตี แต่เพราะโดนสาวหักอกมาถึง 50 คนตอนเรียนม.ต้น เขาจึงคิดเริ่มต้นชีวิตใหม่ในโรงเรียนมัธยมปลาย โชโฮคุ และที่โชโฮคุนี่เอง เขาได้พบกับรักครั้งใหม่อย่าง อาคางิ ฮารุกะ ที่เป็นน้องสาวของกัปตันทีมบาสเก็ตบอลของโรงเรียน ทำให้ซากุรางิต้องเข้าไปอยู่ชมรมบาสของโชโฮคุในที่สุด
ความโดดเด่นของ Slamdunk จากฝีมือของ ทาเคฮิโกะ อิโนอุเอะ คือ ความฮาบ้าบอคอแตก .. ไม่ใช่ละ คือ ลายเส้นและตัวการ์ตูนสุดเท่ กับภาพของเด็กนักกีฬาบาสเก็ตบอลม.ปลาย และเรื่องราวสุดฮาและโคตรมัน ของการฝ่าฝันเพื่อไปสู่ความเป็น "สุดยอดอัจฉริยะ" ของซากุรางิ และ การต้องแข่งขันกับบรรดาทีมบาสฯมัธยมปลายโรงเรียนอื่นๆ พวกเขาต้องพบทั้งความสำเร็จและล้มเหลว และปฏิเสธไม่ได้เลยว่า นี่เป็นการ์ตูนกีฬาดำเนินเรื่องได้เข้มข้นและสนุกสนานมากๆ โดยเฉพาะฉากการแข่งขันที่เขียนได้ดุเดือดน่าติดตามเป็นที่สุด
ซากุรางิ ตัวละครเอก มีคาแรคเตอร์ที่ค่อนข้างติ๊งต๊องและขี้โม้ แต่จุดเด่นของเขาคือ เป็นคนไม่ยอมแพ้ และอะไรที่เขาทำไม่ได้ เขาจะพยายามทุกวิถีทางเพื่อก้าวไปหามันให้ได้ ในญี่ปุ่นมีชายคนหนึ่งได้รับการขนานนามว่า "ซากุรางิในชีวิตจริง" และ "ไมเคิล จอร์แดนแห่งญี่ปุ่น" ..
เขาคือ ยูตะ ทะบูเซะ
ในญี่ปุ่น .. นักกีฬาเบสบอลโด่งดัง และถูกพูดถึงตลอดเวลา น้อยครั้งที่จะมีนักกีฬาจากกีฬาประเภทอื่นถูกพูดถึงและได้รับความนิยมในวงกว้าง (นอกจากพวกที่โด่งดังระดับโลกไปแล้ว) ยูตะ เป็นตัวแทนของบาสเก็ตบอลญี่ปุ่นในสายตาชาวโลก ในโปรแกรมกีฬายอดฮิตอย่าง NBA ด้วยการเป็นผู้เล่นญี่ปุ่นคนแรกที่ได้เล่นในกับทีมใน NBA
ชาวญี่ปุ่นเรียกวินาทีนั้นว่า "วินาทีที่เท้าแตะ hardwood ใน NBA ของ ยูตะ" เลยทีเดียว
ยูตะ เกิดในครอบครัวนักกีฬา แต่เขาเล่นเบสบอลไม่เก่ง และไม่ค่อยสนใจฟุตบอลด้วย เขาเลยหัดเล่นบาสเก็ตบอลตอนอายุ 9 ขวบ และตอนม.ปลายเขาสามารถพาทีมของโรงเรียนชนะในการแข่งระดับประเทศ แบบที่ ชนะรวด ไม่เคยแพ้แม้แต่นัดเดียว นั่นทำให้เขาโด่งดังอย่างมากในวงการบาสเก็ตบอลไฮสคูล ... พอจบม.ปลาย ยูตะตัดสินใจไปเรียนต่อในอเมริกา เพราะอยากหาประสบการณ์ให้กีบชีวิต และเขาก็ได้เข้าร่วมทีมระดับมหาวิทยาลัย
แต่ยูตะก็ไม่ได้ลงเล่นให้กับทีมมหาวิทยาลัยเนื่องจากติดกฏข้อบังคับทางกฏหมาย 2 ปีต่อมาเขาได้เล่นให้กับทีมมหาวิทยาลัย และหลังจากเล่นให้กับทีมมหาวิทยาลัยได้เพียงซีซั่นเดียวเขาก็เทิร์นโปร ..
หลังจากเทิร์นโปร ยูตะกลับมาเล่นบาสฯอาชีพที่ญี่ปุ่นอีกครั้ง แต่เขาก็อยู่กับทีมได้เพียง 2 ซีซั่นก็ต้องย้ายไปอเมริกาอีกครั้งเมื่อได้รับข้อเสนอของ Dallas Mavericks นั่นทำให้ ยูตะกลายเป็นนักบาสเก็ตบอลชาวญี่ปุ่นคนแรกที่มีชื่อในทีมจาก NBA
สื่อตีข่าวนี้อย่างครึกโครม แต่เหตุการณ์ที่ทำให้ยูตะ ทะบูเซะกลายเป็น ชายในวันมิราเคิลไนท์ของญี่ปุ่น คือวันที่เขาได้เดบิวต์แมตกับ ฟีนิกซ์ ซันส์ตอนปี 2004 วันนั้นเขาถูกเปลี่ยนตัวลงสนามและทำแต้มให้กับทีม 7 แต้มรวมถึงได้ชูตลูกโทษด้วย และหลังจากนั้น ยูตะก็วนเวียนเปลี่ยนทีมอยู่กับหลายๆทีมใน NBA จนกระทั่งตอนปี 2008 ด้วยวัย 28 เขาจึงตัดสินใจกลับญี่ปุ่น
ปัจจุบัน ยูตะยังคงเล่นบาสเก็ตบอลอาชีพอยู่ แม้เขาจะไม่ได้โด่งดังในระดับ STAR ใน NBA แต่ก็เป็นคนเปิดหน้าประวัติศาสตร์แรกให้กับวงการบาสเก็ตบอลของญี่ปุ่นบนเวที NBA และเป็นความภาคภูมิใจของชาวญี่ปุ่น จนถึง ณ ปัจจุบันด้วย
คำว่า "ฉันมันอัจฉริยะ!" อาจไม่ได้หลุดออกมาจากปากของยูตะ
แต่ประชาชนชาวญี่ปุ่นรู้ดี ว่า ซากุรางิตัวจริงของพวกเขาคือใคร
ยูตะ ทะบูเซะ ...
CREDIT
http://pantip.com/topic/31140023