ยุคสมัยของ เซอร์ อเล็กซ์ : 2001-2006
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่สามารถผ่านไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ไปได้ในรอบรองชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ ลีก
หลังจากที่ยอดกุนซือชาวสก็อตออกมาประกาศว่าจะเลิกคุมทีมหลังจบฤดูกาล นั่นอาจมีส่วนทำให้ทีมปีศาจแดงโชว์ฟอร์มได้ไม่ดีในฤดูกาล 2001/02 ทางออกของปัญหานี้ก็คือตัวของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เอง ในเดือนกุมภาพันธ์ เขาได้เปลี่ยนใจคุมทีมต่อไป หลังจากที่ได้ปรึกษากับเคธี่ภรรยาของเขามาแล้ว
เขาตั้งใจที่จะพาทีมเข้าชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ ลีก ที่กลาสโกว์ให้ได้ แต่นอกจากสุดท้ายจะทำไม่ได้ดังหวังแล้ว มันยังเป็นอีกฤดูกาลที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องคว้าน้ำเหลวอีกด้วย อาร์เซนอลเบียดแย่งแชมป์ลีกไป โดยทีมปีศาจแดงแพ้ถึง 9 ครั้งในลีกฤดูกาลนั้น แม้ว่ามันจะมีหลายเกมที่น่าจดจำ (ชนะนิวคาสเซิล 4-3, ชนะลีดส์ 4-3, ชนะสเปอร์ส 5-3 และชนะเวสต์ แฮม 5-3) แต่ก็ถือว่าเป็นฤดูกาลที่ดีสำหรับเขาเลย ข่าวดีเพียงอย่างเดียวก็คือการตัดสินใจอยู่ต่อของเขา และได้เซ็นสัญญาฉบับใหม่กับสโมสรเท่านั้นเอง อาการบาดเจ็บของ รอย คีน และ เดวิด เบ็คแฮม ส่งผลเสียต่อทีม แม้ว่า รุด ฟาน นิสเตลรอย จะระเบิดฟอร์มถล่มประตูในฤดูกาลแรกของเขากับทีม สุดท้ายแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ต้องจบด้วยอันดับ 3 ตามหลังทีมปืนใหญ่ และคู่อริเก่าอย่างลิเวอร์พูล
โกงความตาย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดนสเปอร์สนำอยู่ 3 ประตู ก่อนจะพลิกกลับมาชนะ 5-3 ในปี 2001
ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ดับความหวังของคนที่อยากเป็นคู่ชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นเรอัล มาดริด พบกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พวกเขาเป็นฝ่ายผ่านเข้ารอบไปด้วยกฏประตูทีมเยือนในรอบรองชนะเลิศ และนั่นถือเป็นอะไรที่หลอกหลอนผู้จัดการทีมปีศาจแดงเป็นอย่างมาก "แม้ว่าโดยส่วนตัวแล้วผมจะผิดหวังที่ไม่สามารถสร้างโอกาสให้ทีมคว้าแชมป์ถ้วยยุโรปที่บ้านเกิดของผมได้ แต่ในแง่ของสโมสรที่ไม่สามารถทำได้ตามเป้าแล้วมันเป็นอะไรที่น่าเจ็บปวดยิ่งกว่า" เขากล่าว
การตัดสินใจยูเทิร์นของเซอร์ อเล็กซ์ มาส่งผลดีเอาในฤดูกาลต่อมา แม้ว่าบางคนอาจจะกาชื่อทีมปีศาจแดงออกจากสารบบลุ้นแชมป์แล้วก็ตามในช่วงครึ่งแรกของฤดูกาล แชมป์เก่าอย่างอาร์เซนอลทิ้งห่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึง 8 แต้มในช่วงหนึ่ง การที่ทีมพลาดท่าพ่ายต่อทั้งลีดส์ ยูไนเต็ด และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ มันทำให้ทุกอย่างยิ่งชอกช้ำขึ้นไปอีก แต่หลังจากนั้นก็เกิดเหตุการณ์ ดิเอโก้ ฟอร์ลัน ซัดคนเดียว 2 ลูกให้ทีมบุกไปเอาชนะลิเวอร์พูล, ชัยชนะ 2-0 เหนืออาร์เซนอล และการเอาชนะซันเดอร์แลนด์ในวันปีใหม่ก็ทำให้หัวใจของชาวเร้ด อาร์มี่ เริ่มพองโตขึ้นมา เมื่อมันทำให้ทีมทำแต้มไล่จี้ขึ้นมาได้อย่างเหลือเชื่อ จากนั้นในนัดชิงชนะเลิศเวิร์ทธิงตัน คัพ ก็ต้องแพ้ต่อลิเวอร์พูลไปที่เมืองคาร์ดิฟฟ์ ต่อด้วยการถูกเรอัล มาดริด เขี่ยตกรอบถ้วยยุโรป แม้ว่าการพบกันที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในเลกหลังนั้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะเป็นฝ่ายเอาชนะไปได้ 4-3 ก็ตาม แต่นั่นก็ไม่เพียงพอเนื่องจากแพ้ในเลกแรกมา 1-3 โดยเป็น โรนัลโด้ ดาวยิงชาวบราซิลที่บุกมาทำแสบถึงถิ่นด้วยการซัดแฮตทริค
รุด ฟาน นิสเตลรอย และพอล สโคลส์ ทำคนละประตูช่วยให้ทีมบุกไปเอาชนะสเปอร์ส 2-0
แฟนบอลมาได้ลิ้มรสชาติแห่งความสุขกันบ้าง เมื่อฟาน นิสเตลรอย ช่วยให้ทีมบุกไปเก็บผลเสมอที่สนามของอาร์เซนอล ต่อด้วยการบุกไปเอาชนะคู่ปรับของทีมปืนใหญ่อย่างสเปอร์ส 2-0 ทำให้โอกาสคว้าแชมป์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เริ่มสดใสแล้ว "ด้วยความสัตย์จริง ผมต้องบอกว่าความสำเร็จครั้งนี้มันหอมหวานกว่าครั้งอื่นๆ นั่นก็เพราะว่าเราต้องเจอกับปัจจัยรอบข้างมากมาย" บอสพูดในช่วงเวลานั้น จากนั้น ฟาน นิสเตลรอย ก็มาซัดแฮตทริคในเกมที่พบกับชาร์ลตัน ถือเป็นประตูที่ 79 ของเขาจากการลงเล่นครบ 100 นัดด้วย ดาวยิงดัตช์ยังยิงได้อีกครั้งในเกมสุดท้ายของฤดูกาลที่พบกับเอฟเวอร์ตัน โดยเกมดังกล่าวถือเป็นนัดสุดท้ายในสีเสื้อปีศาจแดงของเบ็คแฮมด้วย
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ย้ายเข้ามาทดแทนตำแหน่งของเดวิด เบ็คแฮม และสวมเสื้อหมายเลข 7
ฤดูกาล 2003/04 เริ่มต้นขึ้นโดยไร้เงามิดฟิลด์พรสวรรค์ซึ่งเป็นลูกหม้อของทีม เขาย้ายไปเล่นกับเรอัล มาดริด หลังจากที่หลายฝ่ายคาดกันว่าผู้จัดการทีมเริ่มไม่พอใจกับพฤติกรรมของเขาที่เริ่มทำตัวเหมือนดาราเข้าไปทุกวัน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ย้ายเข้ามาแทนในตำแหน่งของเขา แต่ในฤดูกาลนี้ก็ต้องยกให้กับอาร์เซนอลที่คว้าแชมป์ได้แบบไร้พ่าย ทีมปืนใหญ่ของ อาร์แซน เวนเกอร์ ไม่สามารถเอาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ (เสมอ 0-0 และ 1-1) แต่พวกเขาก็สามารถคว้าแชมป์ไปครองได้แบบสบายๆ โดยครึ่งหลังของฤดูกาล ริโอ เฟอร์ดินานด์ มาถูกแบนยาวจากกรณีพลาดการตรวจโด๊ป ทำให้แนวรับของทีมอ่อนลงไปเยอะ ฟาน นิสเตลรอย ยังคงยิงได้เป็นกอบเป็นกำ และ ทิม ฮาวเวิร์ด ก็มีชื่อติดทีมยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของพีเอฟเอ แม้ว่าเขาจะมีความผิดพลาดในนาทีสุดท้ายเกมพบปอร์โต้ในแชมเปี้ยนส์ ลีก จนส่งผลให้ทีมต้องตกรอบไปก็ตาม
แบนเนอร์ข้างสนามที่ยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าแฟนๆ ยังคงสนับสนุนเซอร์ อเล็กซ์ แม้ฟอร์มของทีมจะย่ำแย่
การคว้าแชมป์ยุโรปแบบสุดช็อคของ โชเซ่ มูรินโญ่ ทำให้ โรมัน อบราโมวิช เจ้าของทีมเงินหนาของเชลซีดึงตัวโค้ชชาวโปรตุเกสคนนี้เข้ามาคุมทีม และคู่แข่งแย่งแชมป์รายใหม่ก็ถือกำเนิดขึ้น ในฤดูกาลนั้นอาร์เซน่อลไม่แพ้ใคร ส่วนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่จบอันดับ 3 ก็คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ มาครองได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี โดยงานยากที่สุดคือในรอบรองชนะเลิศที่เจอกับอาร์เซนอล ต้องขอบคุณประตูชัยจาก พอล สโคลส์ ที่วิลล่า พาร์ค จากนั้นในรอบชิงชนะเลิศก็ต้องพบกับมิลล์วอลล์ที่สนามมิลเลนเนี่ยม สเตเดี้ยม ซึ่งโรนัลโด้ก็โชว์ได้ยอดเยี่ยมทำให้ทีมได้ชูถ้วยหลังจบเกม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาชนะมิลล์วอลล์ คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ในปี 2004
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เซ็นสัญญาคว้าตัว เวย์น รูนี่ย์ มาจากเอฟเวอร์ตัน
การเริ่มต้นฤดูกาล 2004/05 เริ่มต้นด้วยการแพ้ 0-1 ต่อเชลซีที่ประเดิมยุคของมูรินโญ่เป็นนัดแรก จากนั้นก่อนปิดตลาด ทีมก็คว้าตัวนักเตะขวัญคนใหม่แห่งสเตรทฟอร์ด เอนด์ อย่าง เวย์น รูนี่ย์ เข้ามาร่วมทีมจากเอฟเวอร์ตัน เขาเพิ่งโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมมาในยูโร 2004 และดาวยิงวัยหนุ่มคนนี้ก็เปิดตัวต่อหน้าแฟนบอลอย่างน่าประทับใจด้วยการซัดแฮตทริคใส่เฟเนร์บาห์เช่ ด้วยการที่ทีมมีโรนัลโด้อยู่ด้วย ทำให้ดูเหมือนว่า 2 แข้งดาวรุ่งคนนี้จะสามารถพาทีมก้าวไปสู่อนาคตที่สดใส แต่เชลซีในฤดูกาลนั้นก็แข็งแกร่งเหลือเกิน พวกเขาคว้าแชมป์ลีกโดยทิ้งห่างอันดับ 2 อย่างอาร์เซนอลถึง 12 แต้ม โดยแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จบอันดับต่ำกว่ารองแชมป์ 6 แต้ม แต่ทีมปีศาจแดงก็ยังอุตส่าห์ปราบทีมปืนใหญ่ได้ทั้ง 2 เกมที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ซึ่งรวมถึงเกมรอบก่อนรองชนะเลิศคาร์ลิ่ง คัพ จากนั้นก็มาโดนเอซี มิลาน เขี่ยตกรอบในถ้วยยุโรป ส่วนในเอฟเอ คัพ นั้นได้เข้าชิงชนะเลิศอีกครั้ง แม้จะเริ่มต้นได้ไม่ดีด้วยการเสมอทีมนอกลีกอย่างเอ็กเซเตอร์ ก่อนจะมารีเพลย์เอาชนะไปได้ ในรอบชิงชนะเลิศนั้นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องพบกับอาร์เซนอล แต่ก็ต้องพ่ายไปในการดวลจุดโทษ เมื่อ เยนส์ เลห์มัน เซฟลูกยิงของสโคลส์เอาไว้ได้
เยนส์ เลห์มัน เซฟลูกยิงของสโคลส์เอาไว้ได้ในนัดชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ
มันมีเรื่องที่น่าจดจำสำหรับผู้จัดการทีมเหมือนกัน เมื่อเขาได้คุมทีมลงเล่นเป็นเกมที่ 1,000 ในเกมที่พบกับลียงในแชมเปี้ยนส์ ลีก แต่ก็น่าเสียดายที่เชลซียังคงไร้เทียมทานในฤดูกาลต่อมา ลูกทีมของมูรินโญ่เก็บชัยชนะได้ถึง 15 ครั้งจาก 16 เกมแรกที่ลงเตะ โดยกุนซือชาวโปรตุเกสที่ได้รับการสนับสนุนจากเม็ดเงินของอบราโมวิชก็ได้ออกมาบอกว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะไม่มีทางกลับมาผงาดในประเทศได้อีก ทีมปีศาจแดงทำได้ดีเพียงพอที่จะขยับขึ้นมาจบที่อันดับ 2 แต่ก็ยังคงห่างจากทีมสิงโตน้ำเงินครามอยู่ถึง 8 แต้ม การลุ้นแชมป์มาจบลงเอาในนัดที่บุกไปแพ้ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ 0-3 และมันยิ่งน่าเศร้าขึ้นไปอีกสำหรับรูนี่ย์ที่บาดเจ็บจนอาจส่งผลถึงการไปเตะฟุตบอลโลกของเขา
ความรู้สึกว่ามันถึงจุดจบของยุคทองยิ่งเพิ่มมากขึ้นอีกเมื่อ จอร์จ เบสต์ หนึ่งในตำนานของถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด ได้เสียชีวิตลงในเดือนพฤศจิกายน 2005 นอกจากนั้นกัปตัน รอย คีน ก็ต้องอำลาทีมแบบจบไม่ค่อยสวย เท่านั้นยังไม่พอ ทีมต้องมาตกรอบแบ่งกลุ่มแชมเปี้ยนส์ ลีก และก็มาแพ้ต่อลิเวอร์พูลในเอฟเอ คัพ นั่นทำให้หลายคนเริ่มมองว่าจุดสิ้นสุดของผู้จัดการทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรกำลังมาถึงแล้ว
เซอร์ อเล็กซ์ และทีมงาน หลังพาทีมคว้าแชมป์คาร์ลิ่ง คัพ ในปี 2006
หนึ่งในเหตุผลที่ว่าทำไมทุกคนในทีมจึงยังหนุนหลังกุนซือชาวสก็อตอยู่ก็คือเขามักจะพิสูจน์ให้เห็นเสมอว่าเขาทำทุกอย่างทุกต้อง การคว้าแชมป์คาร์ลิ่ง คัพ โดยเอาชนะวีแกน 4-0 ไม่เพียงแต่จะเป็นการบ่งบอกว่ารูนี่ย์ได้พัฒนาฝีเท้ามาจนถึงขั้นนี้แล้วเท่านั้น มันยังเป็นการปิดฉากอาชีพค้าแข้งกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของ ฟาน นิสเตลรอย ด้วย เขากำลังจะพาทีมไปสู่ความสำเร็จด้วยนักเตะอายุน้อยในทีม "ผมมักจะถูกวิพากษ์วิจารณ์เสมอหากว่าไม่สามารถคว้าแชมป์รายการใหญ่ๆ มาครองได้" เซอร์ อเล็กซ์ โต้แย้ง "ใช่ ผมรู้ดีว่าแชมป์ลีก คัพ นั้นเทียบอะไรไม่ได้เลยกับแชมเปี้ยนส์ ลีก แต่ผมก็เห็นพัฒนาการของทีมซึ่งกำลังจะพาเราไปสู่สิ่งที่ดีกว่า" และก็เป็นอีกครั้งที่เขาพูดถูกต้อง เมื่อหลังจากนั้นทีมก็ประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยที่ทั้งรูนี่ย์ และโรนัลโด้กลายเป็นสุดยอดนักเตะระดับโลก
ตอนหน้า ยุคสมัยของ เซอร์ อเล็กซ์ : 2006-2013
credit:
http://www.redarmyfc.com