ปีศาจแดงที่เปลี่ยนแปลงกับสาวกผู้เสพติดแชมป์
หลังจากที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเข้าสู่ยุคของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุด มีการเปลี่ยนตัวผู้จัดการทีมที่เคยคุมทีมมานานกว่า 27 ปีอย่าง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ซึ่งเจ้าตัวได้เปิดปากให้สัมภาษณ์ว่าถึงจุดอิ่มตัวของการคุมทีมแล้วซึ่งคราวนี้เป็นการวางมือจริงๆ ไม่ใช่วางมือแล้วกลืนน้ำลายกลับมาทำหน้าที่ต่อเหมือนเมื่อตอนปี 2002 ซึ่งงาน เจ้าตัวได้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าทายาทของผู้ที่จะมาทำทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดให้กลายเป็นทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนเกาะอังกฤษต่อไปนั้นก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล
เดวิด มอยส์ กุนซือฝีมือดีชาวสก๊อตคนบ้านเดียวกันกับเฟอร์กี้ ถูกเลือกให้เข้ามารับงานสุดหินและศักดิ์ศรีที่ยิ่งใหญ่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันทิ้งไว้ให้ และล่าสุดที่จะทำให้มอยส์อาจจะต้องแบกรับความกดดันที่ยิ่งใหญ่ไว้บนบ่านั่นก็คือ ศักดิ์ศรีของการเป็นแชมป์เก่าพรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่เพิ่งจบไปนั่นเอง หลายๆคนก็น่าจะเคยเห็นฝีมือการคุมทีมเอฟเวอร์ตันของมอยส์มาก่อนแล้วว่า เขาสามารถพาเอฟเวอร์ตันเกาะกลุ่มอยู่ในฐานะทั้งทีมลุ้นพื้นที่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก หรือถ้วยยูโรป้าลีกได้มาโดยตลอด
แต่ สโมสรที่ชื่อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ใช่ทีมที่ลุ้นพื้นที่แค่โควตายูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกในฐานะทีมอันดับ 3 หรือ 4 แม้กระทั่งลุ้นพื้นที่ไปยูโรป้าลีกก็ไม่ใช่อีกเช่นกัน แต่สโมสรแห่งนี้อยู่ในฐานะของเต็งแชมป์ลีก ซึ่งจุดนี้มอยส์จะต้องทำการบ้านอีกมากเลยทีเดียว
แต่กว่าจะชนะใจแฟนบอลของยูไนเต็ดได้นี่ก็ไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลยทีเดียว เพราะดูเหมือนว่าในเวลานี้ บททดสอบของมอยส์ดูท่าทางจะลำบากและหินมากขึ้นทุกวันๆ หรือจะเรียกว่าตลอดเวลาจนมีหลายๆคนมองว่าเขาอาจจะอยู่ในตำแหน่งของเทรนเนอร์ทัพผีแดงได้ไม่นาน หลังจากที่พาทีมไม่สามารถขึ้นบัลลังก์จ่าฝูงได้เสียทีนับตั้งแต่เข้ามาคุมทัพในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา แม้ว่าจะสามารถพาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์คอมมูนิตี้ขิลด์มาได้ก่อนแล้ว 1 รายการก็ตามที แต่สิ่งที่อาจจะทำให้แมนฯยูที่ทุกคนรู้จักเปลี่ยนแปลงไป ก็อาจจะมาจากปัจจัยเหล่านี้นั่นก็คือ
ผู้เล่นหลายคนเลยจุดพีคของตัวเองมานานแล้ว และเริ่มจะไม่สามารถยืนระยะของตัวเองได้ อย่างเช่น ไรอัน กิ๊กส์เองก็ได้นับเวลาถอยหลังสู่การปลดระวางตัวเอง
ผู้เล่นหลายคนยังไม่สามารถคืนฟอร์มเก่งได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเหล่าผู้เล่นตำแหน่งกองกลางหรือบรรดากองหน้าทั้งหลาย
และจุดที่สำคัญที่สุดก็คือ มอยส์ ยังไม่เคยมีประสบการณ์ในการคุมทีมยักษ์ใหญ่ที่เป็นตัวเต็งในการลุ้นแชมป์มาก่อน
บารมีของมอยส์ ยังมีไม่เท่ากับเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และบางครั้งยังไม่สามารถที่จะควบคุมเหล่านักเตะอีโก้จัดภายในทีมได้ แม้กระทั่งความสัมพันธ์กับนักเตะบางคนก็ไม่ราบรื่นอีกด้วย
ขณะที่ผู้เล่นรายอื่นๆอย่างเช่น หลุยส์ นานี่ , อันแดร์สัน , แอชลี่ย์ ยัง ก็ยังไม่สามารถที่จะเรียกฟอร์มเก่งของตัวเองกลับมาได้ แม้กระทั่งผู้เล่นจาก อันโตนิโอ วาเลนเซีย หรือ ชินจิ คากาวะ เองก็เหมือนกันที่ดูเหมือนจะทำผลงานได้ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน และนี่คือสถิติการคุมทัพแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของเดวิด มอยส์ ที่ผ่านมาครับ
ชนะสวอนซี 4-1
เสมอเชลซี 0-0
แพ้ลิเวอร์พูล 0-1
ชนะคริสตัล พาเลซ 2-0
แพ้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-4
แพ้เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน 1-2
จากสถิติที่บ่งบอกนั่นก็คือ ในเวลานี้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังไม่สามารถสะกดคำว่า ชนะ ต่อทีมยักษ์ใหญ่ได้เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการแพ้ต่ออริตลอดกาลในศึกแดงเดือดอย่างลิเวอร์พูล และยังปราชัยอย่างย่อยยับต่อคู่แข่งร่วมเมืองอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยิ่งทำให้ความกดดันของมอยส์ถาโถมเข้ามาอีกมาก แถมยังมาโดนทีมรองบ่อนอย่างเวสต์บรอมวิชเผาเครื่องเข้าให้อีก อีกทั้งการแก้เกมของมอยส์ก็ดูเหมือนจะยังไม่ประสบความสำเร็จมากเท่าใดนัก หลายๆคนอาจจะมองย้อนไปถึงช่วงยุคที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คุมทัพผีแดงยุคแรกๆ ก็มีสภาพไม่ต่างกัน และกว่าจะจูนทีมติดได้ก็ใช้เวลาหลายปีกว่าจะกลับมาคว้าแชมป์ได้ แต่ยุคสมัยนั้นมันไม่เหมือนปัจจุบันที่ฟุตบอลเป็นธุรกิจและเน้นผลชนะมากกว่า
ระบบการเล่น การปรับจูนแท็คติกและทำความเข้าใจกับนักเตะ รวมถึงการแสดงถึงการแก้เกมที่มีกึ๋นของมอยส์ เป็นสิ่งที่เขาจะต้องปรับปรุงนับแต่บัดนี้ ขณะที่ฝั่งของแฟนบอลที่เสพติดกับคำว่า แชมป์เปี้ยน ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อาจจะต้องปรับทัศนคติกันเล็กน้อย อาจจะเพราะพวกเขาไม่เคยชินกับการเปลี่ยนโค้ชกันเหมือนกับสโมสรอื่นๆที่มีการเปลี่ยนตัวโค้ชกันบ่อยๆนั่นเอง ดังนั้นแล้ว สิ่งที่แฟนบอลทำได้ในเวลานี้ก็คือ ลองให้โอกาสมอยส์ได้ลองจูนทีมให้กลับมาเข้าที่เข้าทางเหมือนเดิม และที่สำคัญคือ ทุกสโมสรนั้นจะต้องพบเจอกับคำว่าการขึ้นสู่จุดสูงสุด ก็สามารถลองสู่จุดสามัญได้อีกเช่นกัน แม้แต่สโมสรยักษ์ใหญ่อย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเองก็เช่นกัน ก็ต้องพบเจอกับช่วงเวลาผลัดและช่วงเวลาในการผ่องถ่ายเลือดใหม่หรือ การพบเจอกับการเปลี่ยนแปลงอีกหลายๆอย่างนั่นเอง
ป๋าติด
รูปจากไทยรัฐและโกลดอทคอม
ที่มา fan page ติดบอล
facebook.com/TidBxL