ในงานวันนั้นตอนที่แบบเบจกล่าวว่า what if a calculating engine could not only foresee but could act on that foresight (จะเป็นอย่างไร ถ้าหากเครื่องคำนวณไม่เพียงสามารถหยั่งรู้ได้ หากแต่สามารถตอบสนองต่อการหยั่งรู้นั้นได้ด้วย)
เมื่อ Maria อายุ 4 ขวบ ครอบครัวได้อพยพไปอยู่ที่ Gottingen ในเยอรมนี เพราะบิดาของเธอได้รับตำแหน่งศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัย Georgia Augusta ทำให้มีโอกาสต้อนรับนักคณิตศาสตร์ผู้มีชื่อเสียง เช่น David Hilbert ในฐานะเพื่อนบ้าน Maria ได้เข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยมใน Gottingen และมีประวัติการเรียนว่ามีความสามารถด้านภาษา และคณิตศาสตร์
เมื่ออายุ 18 ปี Maria สอบเข้ามหาวิทยาลัย Georgia Augusta ได้ และเลือกเรียนคณิตศาสตร์เป็นวิชาเอก ในขั้นแรกความตั้งใจของ Maria ก็คล้ายกับความตั้งใจของนิสิตหญิงคนอื่นๆ ในสมัยนั้น คือ เรียนมหาวิทยาลัยเพื่อรับประกาศนียบัตรครู แต่เธอพบว่า วิธีสอนคณิตศาสตร์ของอาจารย์ไม่ตื่นเต้น และไม่น่าสนใจเลย เธอจึงคิดจะเรียนแพทย์แทน แต่ถูกพ่อคัดค้าน เพราะรู้ดีว่าลูกสาวสุดที่รักของตนจะเครียดมากถ้าเห็นคนไข้ตาย
นอกจากมหาวิทยาลัย Georgia Augusta จะมีชื่อเสียงด้านการวิจัยคณิตศาสตร์แล้ว การวิจัยด้านฟิสิกส์ทฤษฎีของที่นี่ก็โด่งดังไม่แพ้กัน ในปี พ.ศ. 2470 เมื่อ Maria ได้เข้าฟังการบรรยายของ Max Born (ผู้พิชิตรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ประจำปี พ.ศ. 2497 จากผลงานการแปลความหมายของกลศาสตร์ควอนตัม) เธอตัดสินใจเรียนฟิสิกส์ทันที และในปีเดียวกันนั้น บิดาของเธอก็ได้เสียชีวิตลงอย่างไม่คาดฝัน และเมื่อเธอรู้ว่าบิดาคาดหวังในตัวเธออย่างไร เธอจึงอุทิศตัวเรียนฟิสิกส์จนสำเร็จปริญญาระดับดุษฎีบัณฑิต โดยมี Max Born เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาในการทำวิทยานิพนธ์