รวมเรื่องเข้าใจผิดระดับโลก!!!
เรื่องต่อไปนี้เป็นเรื่องที่หลายคนมักเข้าใจผิดและมีความรู้ที่ผิดมาช้านาน แม้หลายเรื่องได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด จะมีเรื่องอะไรบ้างนั้น มาติดตามได้เลยครับ
1.Great Wall of China หรือกำแพงเมืองจีน
ย้อนกลับไปในทศวรรษที่ 1932 ได้มีหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ Ripley's Believe It or Not! ได้อ้างว่ากำแพงเมืองจีนเป็นสิ่งก่อสร้างที่ใช้แรงงานมากที่สุดของมนุษยชาติ ที่มีความยาวกว่า 4,500 ไมล์และเป็นเพียงสิ่งก่อสร้างเดียวในโลก ที่มนุษย์สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าจากดวงจันทร์
ความเชื่อนี้ได้ฝังแน่นของคนทั่วโลก ซึ่งแท้จริงแล้วกำแพงเมืองจีนไม่สามารถมองเห็นจากวงโคจรในอวกาศได้เลย เนื่องจากมันถูกสร้างจากวัสดุที่เป็นอิฐและหิน ที่แยกความแตกต่างของสีได้ยากหากมองเข้ามาจากอวกาศ อีกทั้งยังมีชั้นบรรยากาศ สภาพภูมิอากาศและแสงเป็นปัจจัยอีกต่างหาก
โดยคำตอบที่ยืนยันได้อย่างดีคือนักบินอวกาศที่บินออกสู่อวกาศ แล้วมองกลับมายังโลกไม่มีใครเลยที่บอกว่าเห็นกำแพงเมืองจีน แม้กระทั้งนีล อาร์มสตรอง กลับมาจากดวงจันทร์ในปี 1969 ได้ถูกตั้งคำถามว่าเขาเห็นอะไรจากบนนั้น เขาตอบว่าไม่เห็นสิ่งก่อสร้างของมนุษย์เลยเห็นแต่ทวีปทะเล และรอยด่างต่างๆ เท่านั้น
แม้แต่จีนเองปัจจุบันได้มีการแก้ไขในบทเรียนของพวกเขาแล้วหลังจากที่พวกเขาพบความจริงอันนี้
2.การรับประทานอาหารช่วงดึกทำให้อ้วน
ทุกวันนี้เรายังเชื่อว่าการกินอาหารตอนกลางคืนทำให้เราอ้วน ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่เลย เพราะร่างกายของคุณไม่ได้รับรู้หรือมีปฏิกิริยาใดๆทั้งสิ้นว่า คุณจะกินอาหารในเวลาใด
หากแต่ปัจจัยที่ทำให้เราอ้วนก็คือการกินอาหารที่มีแคลอรีสูง
ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหนก็ตามที่กินอาหารอาหารที่มีแคลอรีสูง ก็ทำให้น้ำหนักเพิ่มได้ และผลจากการวิจัยพบว่าอาหารว่างตอนกลางคืน มันก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกับของว่างในช่วงเช้าหรือบ่าย
3.ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว
"ไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ยืนยันว่าคนเราต้องการน้ำมากมายขนาดนั้น" ดร.ฟรีแมนระบุ ซึ่งเธอคาดว่าความเชื่อนี้มีที่มาจากสภาโภชนาการของสหรัฐฯ เมื่อปี 2548 ที่แนะนำให้ประชาชนบริโภคของเหลววันละ 8 แก้ว แต่ในปีต่อๆ มาหลังจากนั้น คำว่า "ของเหลว" จำกัดอยู่เฉพาะแค่ "น้ำเปล่า" ไม่ได้หมายรวมถึงน้ำผัก ผลไม้ กาแฟ หรือว่าของเหลวอื่นๆ เข้าไปด้วย
อีกหนึ่งต้นตอของความเชื่อนี้น่าจะมาจากเฟรเดอริค สแทร์ (Frederick Stare) โภชนากรที่แนะนำให้ดื่มเครื่องดื่มวันละ 6-8 แก้ว ซึ่งครอบคลุมทั้งน้ำเปล่า ชา กาแฟ นม เบียร์ และซอฟดิงก์อื่นๆ ต่อมาการแนะนำที่ปราศจากข้อมูลอ้างอิงของสแทร์ถูกหักล้างด้วยข้อมูลของไฮนซ์ วาลติน (Heinz Valtin) ที่รายงานไว้ในวารสารอเมริกันเจอร์นัลออฟฟิสิโอโลจี (American Journal of Physiology) ที่ว่าการบริโภคนม น้ำผลไม้ หรือเครื่องดื่มอื่นๆ เป็นประจำในแต่ละวันเท่านี้ร่างกายก็ได้รับของเหลวเพียงพอต่อความต้องการแล้ว
ในทางตรงกันข้าม การดื่มน้ำมากเกินไปอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายเมื่อเกิดภาวะสารน้ำในร่างกายมากผิดปกติจนเกิดเป็นพิษ หรือที่เรียกว่า "น้ำเป็นพิษ" (water intoxication)
4.อ่านหนังสือในที่มีแสงน้อยทำให้สายตาเสีย
เรื่องนี้เป็นที่เชื่อถือกันอย่างแพร่หลาย และผู้ใหญ่ก็มักจะห้ามไม่ให้เด็กๆ อ่านหนังสือในที่มืดหรือที่ที่มีแสงน้อย มิฉะนั้นแล้วจะสายตาสั้นและต้องสวมแว่น เป็นต้น ความเชื่อนี้น่าจะมาจากจักษุแพทย์ที่บอกว่าหากใช้สายตาในที่แสงสว่างน้อยกว่าปกติจะมีผลต่อการรับภาพของประสาทตา ทำให้อัตราการกระพริบตาลดลง ตาแห้งและระคายเคือง
อย่างไรก็ดี
ปัจจุบันนักวิจัยและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านดวงตายังไม่พบหลักฐานชี้ชัดว่าการอ่านหนังสือในที่มืดจะทำลายสุขภาพตาอย่างถาวร แต่สามารถทำให้ดวงตาย่ำแย่และการมองเห็นด้อยลงเป็นเวลาชั่วครั้งชั่วคราวได้
5.ตายไปแล้วแต่เล็บและเส้นผมยังคงงอก
ผู้แต่งหนังสือเรื่อง "แนวรบด้านตะวันตก เหตุการณ์ไม่เปลี่ยนแปลง" (All Quiet On The Western Front) บรรยายไว้ว่าเล็บของเพื่อนคนหนึ่งยาวขึ้นหลังจากพิธีฝังศพผ่านไปแล้ว ส่วนจอห์นนี คาร์สัน (Johnny Carson) นำความเชื่อนี้มาเขียนเป็นเรื่องขำขันจนกลายเป็นความเชื่ออมตะว่า หลังจากตายไปแล้ว 3 วัน ผมและเล็บของเราจะงอกใหม่
แพทย์ส่วนใหญ่คิดว่านี่เป็นเรื่องจริงในตอนแรก แต่เมื่อพิจารณาให้ถี่ถ้วนจะเห็นว่า ที่จริงแล้วขณะที่ศพกำลังแห้งลง
เนื้อเยื่อส่วนที่นุ่มอย่างผิวหนังก็จะหดตัว ทำให้เผยชิ้นส่วนของเล็บมากขึ้น ทำให้ดูว่ายาวออกมา เช่นเดียวกันเส้นผม ซึ่งจะสังเกตเห็นผิวหนังหดตัวได้น้อยกว่า อย่างไรก็ดีฮอร์โมนที่ทำหน้าที่กระตุ้นให้ผมและเล็บยาวนั้นไม่มีทางทำงานหลังจากเจ้าของร่างสิ้นใจไปแล้วเป็นแน่
6.ปลาทองมีความจำที่สั้นมาก
หลายคนมักมีความเชื่อว่าปลาทองเป็นสัตว์ที่มีความจำที่สั้นมาก โดยเชื่อว่าปลาทองมีความจำแค่สองสามวินาทีก็ลืมไปแล้ว
ในความจริงความเชื่อนี้ไม่จริงเลยจากผลการทดลองพบว่าปลาทองสามารถฝึกอบรมในการทดสอบความจำ มันสามารถใช้ความจำอันนี้หาทางออกจากเขาวงกตได้เพียงไม่กี่เดือนที่มันเรียนรู้
นอกจากนี้ปลาทองยังมีความสามารถเรียนรู้ปฏิสัมพันธ์ต่างๆไม่ว่าจะเป็นเจ้าของ หรือคนอื่นๆ ที่ให้อาหารมัน เวลาที่พวกมันเห็นเจ้าของหรือใครก็ตามที่ให้อาหารมัน มันจะว่ายน้ำวนไปมา เพื่อขออาหารเสมอๆ อีกทั้งมันยังเรียนรู้อันดับการจัดสังคมด้วย เช่น หากมีสมาชิกใหม่มาอยู่ตู้เดียวกัน พวกมันจะรับน้องใหม่โดยแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวต่อปลาที่มาใหม่อยู่ราว 2-3 ก่อนกลับสู่ถาวะปกติ
7.เม็ดฝนเป็นรูปหยดน้ำเมื่อตกบนท้องฟ้า
คนเราส่วนใหญ่เชื่อกันว่าหยาดเม็ดฝนนั้นเป็นรูปหยดน้ำเมื่อตกบนท้องฟ้า ในการ์ตูนฝนมักจะถูกวาดเป็นรูปหยาดน้ำตา คือ ก้นกลมและปลายบนแหลม ซึ่งไม่ถูกต้อง
ในความเป็นจริง หยาดฝนเม็ดเล็กนั้นจะมีรูปเกือบเป็นทรงกลม ส่วนเม็ดฝนที่ใหญ่ขึ้นก็จะมีรูปร่างที่ค่อนข้างแบนคล้ายขนมปังแฮมเบอเกอร์ ส่วนเม็ดที่ใหญ่มากๆนั้นจะมีรูปร่างคล้ายร่มชูชีพ
โดยเฉลี่ยแล้วเม็ดฝนนั้นจะมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 ถึง 2 มิลลิเมตร เม็ดฝนที่ใหญ่ที่สุดที่ตกลงถึงผิวโลกนั้น ตกที่ประเทศบราซิล และ เกาะมาร์แชล ในปี ค.ศ. 2004 โดยมีขนาดใหญ่ถึง 10 มิลลิเมตร
8.ไอสไตน์สอบตกวิชาคณิตศาสตร์ในโรงเรียน
ปี 1935 มีบทความหนึ่งในนิตยสารริปลีย์ เชื่อหรือไม่ (Ripley's Believe It or Not!) ได้มีหัวข้อกล่าวว่า นักคณิตศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกอย่างอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ล้มเหลว (ตก)ในวิชาคณิตศาสตร์ในโรงเรียน และบทความนี้ทำให้หลายคนมีความเชื่อว่าไอน์สไตน์นั้นไม่เก่งคณิตศาสตร์ตอนที่เขาเป็นเด็ก ก่อนที่จะมาเป็นอัจฉริยะเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่
ซึ่งความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่เลย จริงอยู่ว่าประวัติของเขาตอนเป็นเด็กนั้นเป็นผู้ที่เรียนรู้ได้ช้าสาเหตุอาจเกิดจากการที่เขามีความพิการทางการอ่านหรือเขียน (dyslexia) แต่กระนั้นเขาก็ยังเก่งคณิตศาสตร์ตั้งแต่เด็ก โดยบทสัมภาษณ์ในนิตยสารฉบับหนึ่งไอน์สไตน์เคยหัวเราะและบอกว่
าผมไม่เคยตกคณิตศาสตร์ สมัยตอนผมอายุสิบห้าผมก็เข้าใจความแตกต่างของแคลคูลัสได้แล้ว"
9.ยาหรืออุปกรณ์เสริมอื่นๆทำให้น้องชายขยายขนาดกว่าเดิมได้
หลายคน (โดยเฉพาะผู้ชาย) มักเชื่อว่าเราสามารถขยายน้องชายของคุณให้มีขนาดใหญ่ หรือเส้นรอบวงกว้างได้ โดยใช้อุปกรณ์พิเศษหรือยาซึ่งความจริงแล้วมันไม่ใช่เลย และแหล่งที่มาเหล่านี้ก็มาจากอีเมลขยะนับล้าน ที่ส่งจากทั่วโลกทุกวันมีทั้งปั๊มสุญญากาศ, ยาเม็ด, เครื่องยืด แต่อุปกรณ์เหล่านี้ไม่ได้มีผลต่ออวัยวะเพศของคุณผู้ชายเลยแม้แต่น้อย
วิธีเดียวที่จะขยายขนาดน้องชายของคุณได้ก็คือการผ่าตัด แต่วิธีนี้เสียค่าใช้จ่ายแพงมากและมันน่ากลัวมากหากคุณคิดจะทำ
10.ไม่เป็นไรพยาธิไม่เห็น (ทางตะวันตกเรียก Five Second Ruleหรือกฎ5วินาที)
หลายคนเชื่อว่าถ้าอาหารที่ตกลงพื้นให้รีบเก็บมากินภายใน 5 วินาทีถึงจะปลอดภัย เพราะเชื้อโรคมองไม่เห็น นั้นคือคำพูดที่เหลวไหลเพราะจากการศึกษาพบว่า อาหารที่ตกบนพื้นไม่ถึงหนึ่งวินาทีเชื้อโรคก็สามารถกระโดดมาเกาะอย่างรวดเร็ว
โดยข้อมูลมาจากผลงานนับจำนวนเชื้อซาลโมเนลลา ไทฟิมูเรียม (Salmonella typhimurium) ซึ่งเป็นสาเหตุเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสียได้ โดยทดลองให้ไส้กรอกตกลงบนพื้นกระเบื้อง พบว่า มากกว่า 99% ของเชื้อแบคทีเรียถึง 1500 ชนิดจากบนพื้นเกาะติดหนึบไปบนผิวไส้กรอกได้ภายใน 5 วินาที
นอกจากนี้ยังมีหลายปัจจัยที่ทำให้เชื้อโรคเกาะอาหารที่ตกบนพื้นด้วย เช่น อาหารบางอย่างมีเชื้อเกาะติดมากับผิวนอกได้ง่าย เช่น ไข่ ผลไม้ ฯลฯ
ส่วนสาเหตุที่เราไม่ได้เป็นอะไรจากการกินอาหารภายในห้าวินาทีนั้นก็เนื่องมาจากร่างกายของเราพัฒนาระบบภูมิคุ้มกันต่างหาก
11.มนุษย์ใช้สมองแค่ 10% เท่านั้น
ช่วงต้นคริสต์ศตวรรษ 1900 เชื่อกันว่าสมองของคนเราทำงานเพียงแค่ 10% ซึ่งอาจเป็นเรื่องที่ใครคนหนึ่งกุขึ้น เพื่อที่จะต้องการครอบงำกลุ่มคนหมู่มาก กระทั่งวิทยาการก้าวหน้า นักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาสมองจากภาพสแกน ก็ไม่พบว่ามีสมองส่วนไหนที่อยู่นิ่งเฉย หรือว่ามีเซลล์สมองในบริเวณไหนไม่มีปฏิกิริยาใดๆ
และจากการศึกษากระบวนการทางเคมีของเซลล์สมองบ่งชี้ว่าไม่มีสมองบริเวณไหนที่ไม่ทำงาน และจากการศึกษาผู้ป่วยที่ได้รับความกระทบกระเทือนที่สมองยังบ่งชี้ว่าสมองที่ถูกทำลายเกือบทั้งหมดนั้นจะมีบริเวณจำเพาะที่เมื่อถูกทำลายแล้วจะมีผลต่อการสมรรถภาพร่างกาย