นักเตะ, การจากไป และวันพิสูจน์ใจของชาวมาดริด


ปีนี้เป็นปีที่โหดร้ายอีกปีของแฟนบอลราชันชุดขาวทุกคน กับการจากไปของนักเตะขวัญใจแฟนๆ หลายราย ไล่ตั้งแต่ กอนซาโล อิกวาอิน, ริคาร์โด้ กาก้า และในวันสุดท้ายของตลาดนักเตะ การเดินจากซานติอาโก้ เบร์นาบิว ของเมซุต โอซิล ก็ทำให้มาดริดนิสต้าหลายคนต้องหัวใจสลาย

แม้ว่าจะได้ฉลองกับการมาของนักเตะค่าตัวสถิติโลกคนใหม่ แต่คงไม่มีใครคิดว่าในวันสุดท้ายของตลาดนักเตะ เราจะเสียเพลย์เมคเกอร์ที่ดีสุดของทีมไป ทำให้เกิดอารมณ์ต่างๆ ทั้งโกรธ เสียใจ และสงสัยว่า "ทำไม?" เพราะว่าการมาของเบล? การแทนที่ของอิสโก้? เปเรซต้องการโละทิ้ง? อันเชล็อตติไม่ต้องการตัว? ต้องการตำแหน่งตัวจริงเพื่อตั๋วไปบอลโลก? คำถามเหล่านี้เกิดขึ้นมากมายในหัวชาวมาดริดนิสต้าทุกคนแน่นอน

ฟลอเรนติโน เปเรซ กลายเป็นเป้าหมายอันดับหนึ่งที่ถูกนึกถึงจากเหตุการณ์ครั้งนี้ เพราะเขาเคยเป็นคนปลดบิเซนเก้ เดล บอสเก้ โค้ชผู้พาทีมผงาดคว้าแชมป์ต่างๆ เคยขายโคล้ด มาเกเลเล จนทีมเสียสมดุลไปหลายปี และล่าสุด เขาคือคนที่บอกให้แฟนบอลทุกคนเงียบ ตอนที่ตะโกนโห่ร้องว่า "Ozil no se vende" หรือ "อย่าขายโอซิล"

อย่างไรก็ดี เปเรซคนเดียวกัน คือ เจ้าของโปรเจคกาลาคติกอส อันเลื่องชื่อที่มีนโยบายว่า จะดึงสตาร์ใหม่เข้ามาสู่ทีมปีละคน พร้อมทำลายสถิติโลกไปครั้งแล้วครั้งเล่า เริ่มจาก หลุยส์ ฟิโก้, ซิเนดีน ซีดาน, โรนัลโด้, เดวิด เบ็คแฮม, ไมเคิล โอเวน, โรบินโญ, คาริม เบนเซมา, ริคาร์โด้ กาก้า, คริสเตียโน โรนัลโด้ และล่าสุดคือ แกเร็ธ เบล



เมซุต โอซิล เป็นหนึ่งในนักเตะที่ท่านประธานเปเรซควักกระเป๋าจ่ายไป เนื่องจากฟอร์มอันโดดเด่นกับทีมชาติเยอรมันในศึกฟุตบอลโลก 2010 และก้าวขึ้นมาเป็นเพลย์เมคเกอร์ระดับโลกที่ซานติอาโก้ เบอร์นาบิวในอีก 3 ปีต่อมา พร้อมกับตำแหน่งนักเตะที่แอสซิสต์มากสุดในฤดูกาลที่แล้ว

จุดเปลี่ยนสำคัญอยู่ที่การมาของ "อิสโก้" โกลเดน บอย คนล่าสุด ค่าตัว 30ล้านยูโร ซึ่งแย่งตำแหน่งของนักเตะหมายเลข 10 คนปัจจุบันไปทันที ทั้งยังต้องสูญเสียเงินมหาศาลเป็นสถิติโลกเพื่อคว้าตัวแกเร็ธ เบลไปอีก ประกอบกับปีหน้า ฟุตบอลโลก 2014 กำลังจะใกล้เข้ามา การลงเล่นเป็นตัวจริงทุกนัดอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งที่มิดฟิลด์เมืองเบียร์ต้องการ จึงทำให้เจ้าตัวและผู้ที่ซื้อเขามาต้องเริ่มพิจารณาถึงอนาคตของตัวเอง

สำหรับเปเรซ ไม่น่าแปลกใจที่ในเมื่อเขาคือคนที่ตัดสินใจซื้อมาได้ ก็ต้องเป็นคนที่ตัดสินใจขายออกไปได้เหมือนกัน บวกกับค่าตัวที่ยั่วใจและทำกำไรอย่างมาก 15 ล้านยูโรในวันนั้น กลายเป็น 42 ล้านยูโรในวันนี้ ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์การซื้อขายอีกครั้งนึง จึงทำให้ดีลนี้น่าพึงพอใจสำหรับท่านประธาน แต่ไม่น่าพอใจสำหรับแฟนบอลของเขาเลย



แฟนบอลหลายคนอาจเสียน้ำตาหรือทำใจไม่ได้กับการจากไปครั้งนี้ แต่ก็อย่าลืมว่าในฤดูกาลนี้ทีมราชันชุดขาวมีการเปลี่ยนแปลงไม่น้อยเหมือนกัน เริ่มจากตัวหัวเรือใหญ่ โชเซ มูรินโญ เป็น คาร์โล อันเชล็อตติ, การเข้ามาของนักเตะที่จะเป็นอนาคตของทีมและเน้นไปที่เด็กในประเทศมากขึ้น อาทิ อิสโก้ และอาเซียร์ อิยาร์ราเมนดี้ รวมถึงดันลูกหม้อของทีมขึ้นมาใช้งานแทน

แม้ว่าอาจจะยังทำใจไม่ได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันคือความเปลี่ยนแปลงอีกหนึ่งครั้งที่ยังไม่มีใครรู้ว่าจะออกหัวหรือก้อย ในวันนี้เราอาจจะยังไม่ยอมรับ อิสโก้ หรือ เบลได้ในระดับเดียวกับ โอซิล หรือ โรนัลโด้ แต่ก็อย่าลืมว่าในวันแรกที่ โอซิล ก้าวเข้ามาชูเสื้อเบอร์ 23 ใหม่ๆ เราก็ยังไม่รักเขาเท่าวันนี้ที่เขาหันหลังจากไปเหมือนกัน

แม้ว่าวันนี้เราอาจจะเสียนิวซีดานหรือนิวราอูลไป แต่เราก็ได้นักเตะค่าตัวสถิติโลกคนใหม่ที่หลายคนสบประมาท แต่ก็อาจจะก้าวขึ้นมาอยู่ในระดับบัลลงดอร์ก็ได้ หรือแม้กระทั่งดาวรุ่งอีกหลายๆ คนที่อาจเป็นกำลังสำคัญพาทีมคว้าแชมป์ยุโรปสมัยที่ 10 สิ่งเหล่านี้ไม่มีใครรู้ แต่ที่รู้แน่ๆ คือ ในอนาคตเราจะรักพวกเขาเหมือนที่เรารักโอซิล, กาก้า หรืออิกวาอินแน่นอน


ยิ่งกว่านั้นที่น่าดีใจ ทีมเรายังคงมีกัปตันทีมที่ชือว่า อิเกร์ กาซิยาส ต่อไป กัปตันทีมชาติสเปนอยู่ในซานติอาโก้ เบร์นาบิวมา 13 ปีแล้ว เขาเคยบอกว่าเขาไม่จำเป็นต้องให้ใครมาบอกว่าการเป็นมาดริดิสต้ามันเป็นยังไง เพราะฉะนั้นเขาจะไม่มีวันทำให้เราเสียใจแน่นอน รวมถึงปีหน้าคือฟุตบอล 2014 ใครก็ตามที่แจ้งเกิดขึ้นมาจะต้องเป็นเป้าหมายของพวกเราแน่นอน

สิ่งหนึ่งที่สังเกตได้จากแฟนเรอัล มาดริด ก็คือ ไม่ว่านักเตะคนนั้นจะเป็นใคร เมื่อตอนจากไป มักจะนำความรักของแฟนๆ ทุกคนติดตัวไปด้วยเสมอ น้อยครั้งที่จะมีการย้ายออกจากทีมพร้อมคำสาปแช่งหรือขับไล่ ครั้งนี้ก็เหมือนกันที่เราจะขอขอบคุณและอวยพรแก่พวกคุณทุกคน สำหรับทุกประตู ทุกแอสซิสต์ ทุกความทรงจำที่มอบให้เรา ขออวยพรให้ทุกคนประสบความสำเร็จในอนาคต และเราจะไม่มีวันลืมพวกคุณแน่นอน คุณคือมาดริดนิสสต้าตัวจริง

นี่เป็นอีกครั้งผมมีความรู้สึกร่วมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนกับว่าสโมสรแห่งนี้มันอยู่หลังบ้านผมเองทั้งๆ ที่ก็อยู่กันเกือบคนละซีกโลก เป็นอีกครั้งที่ผมรู้สึกว่าเหมือนเป็นคนบ้าที่คุ้มคลั่งกับเรื่องอะไรแบบนี้ในสายตาคนอื่น ทั้งที่ก็ไม่รู้ว่ามันเริ่มต้นตั้งแต่ตอนไหนและก็ไม่รู้ว่าเป็นขนาดนี้ได้อย่างไร มันเหมือนส่วนหนึ่งในชีวิต

เป็นอีกครั้งที่ทำให้ผมรู้สึกว่า ผมรักเรอัล มาดริดจากใจจริงๆ ตอนนี้ทีมของเราก็ต้องเดินหน้าต่อไป และเราก็จะต้องเชียร์ต่อไปเช่นกัน ถ้าผมเชียร์ทีมนี้จากนักเตะ ผมคงหมดใจเมื่อพวกเขาจากไป แต่ตอนนี้ผมรู้ว่าผมเชียร์ทีมนี้จากใจ แม้ว่าใครจะจากไปแต่ใจเราก็จะไม่ไปไหนแน่นอน

iHALA MADRID!