เมื่อมีคนพูดชื่อชายที่ชื่ออาร์เซน เวงเกอร์ คงจะนึกบอลที่สวยงามสไตล์ "วัน ทัช" ของอาร์เซน่อลบ้าง การซื้อตัวในราคาย่อมเยาว์เอามาปลุกปั้นจนกลายเป็นดาว (และขายทิ้ง) แรงกดดันที่ซัดอัดผู้จัดการทีมเฟร้นช์แมนรายนี้มีอยู่อย่างต่อเนื่อง ตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ความล้มเหลวตลอดหลายปีที่ผ่านมาเริ่มขึ้นจากตรงไหนผมคงอธิบายได้ไม่หมด แต่ที่กูนเนอร์รู้ซึ้งมาตลอด และเข้าใจดีคือชายคนนี้สำคัญกับทีมมาก เมื่อเทียบกับความสำเร็จที่เวงเกอร์ได้สร้างขึ้นมา แต่เส้นทางนี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอีกแล้ว แรงกดดันจากแฟนบอลเพิ่มมากขึ้นเรื่อยจากการล้างแชมป์มานาน และครั้งสุดท้ายที่หลายคนจำได้คือ FA CUP 2004/05 การเซฟจุดโทษของพอล สโคลล์โดยเยนห์ เลห์มันน์ และการสังหารลูกจุดโทษลูกสุดท้ายที่กัปตันปาทริค วิเอร่าสังหารคือความทรงจำเรื่องแชมป์ครั้งสุดท้ายของเหล่ากูนเนอร์
VIDEO
นับจากนั้นเป็นต้นมามหากาฬแห่งความผิดหวังจึงอุบัติขึ้น...
ฤดูกาล 2005/06 (อำลาไฮบิวรี่)
- ปาทริค วิเอร่า ย้ายไปร่วมทีม ยูเวนตุส ด้วยค่าตัว 13.7 ล้านปอนด์
ขณะที่เวงเกอร์เลือกที่จะเสริมทัพโดยนำ วัลคอตต์, อเดบายอร์, ดิยาบี้ และคเล็บ เข้ามาสู่ทีม
- พรีเมียร์ลีก รักษาอันดับ 4 ไว้ได้แบบเบียดสเปอร์ไปเพียงแค่ 2 คะแนน ขณะที่ลีก คัพในตอนนี้แพ้วีแกนในรอบรองฯด้วยกฎประตูทีมเยือน
- สุดยอดแบบเหลือเชื่อ! ตบเรอัล มาดริด, ยูเวนตุส และบีญารีล เข้าชิงยูฟ่า แชมป์เปี้ยน ลีคกับบาร์เซโลน่า
แต่...แพ้ไป 2-1 เลห์มันน์โดนใบแดง เวงเกอร์จำใจที่จะต้องเปลื่ยนปิแรสออกแล้วแทนด้วยอัลมูเนีย แม้จะนำไปก่อนจากลูกโหม่งของโซล แคมป์เบลล์ แต่ก็ต้านไว้ไม่อยู่เอโต้ และเบลเล็ตติพา "เจ้าบุญทุ่ม" เป็นจ้าวแห่งยุโรป
ฤดูกาล 2006/07 (มโหฬารแห่งการสูญเสีย)
- เริ่มจากขวัญใจ "สายทริค" เดนนิส เบิรก์แคมป์ ประกาศแขวนสตั๊ด
- โรแบร์ ปิแรส ย้ายซบบีญารีล ฟรี (สื่อบางสำนักอ้างว่าปีกเคราแพะไม่พอใจที่ถูกเปลี่ยนตัวออกนัดชิง UCL)
- โซล แคมป์เบลล์ และโลร็อง เอตาเม่ ย้ายซบพอร์ตสมัท
- โฆเซ่ อันโตนิโอ เรเยส คิดถึงบ้านโยกซบอกเรอัล มาดริด แบบยืมตัว โดยพ่วงฮูลิโอ บาสติต้ามาด้วย
- ทรราชคนแรก! แอชลี่ย์ โคล ย้ายซบคู่ปรับร่วมเมืองอย่าง เชลซี ด้วยค่าตัว 5 ล้านปอนด์พ่วงวิลเลี่ยม กัลลาส
- ขณะที่ปืนใหญ่ได้โทมัส โรซิคกี้เข้ามาเป็นอีกหนึ่งบิ๊กเนมในยุคนั้น
- พรีเมียร์ลีก รักษาอันดับ 4 ตีตั๋วโควต้าแชมป์เปี้ยน ลีคไว้ได้เหมือนเดิม
- ขณะที่ลีค คัพ ณ ขณะนั้นอาร์เซน่อลสามารถผ่านเข้าสู่รอบชิงไปพบกับเชลซี ผลเป็นยังนะหรอ! อาร์เซน่อลนำก่อนจากวัลคอตต์ แต่ดิดิเย่ร์ ดร็อกเหมาสองเม็ดเบียดเอาชนะไปได้ 2-1
ฤดูกาล 2007/08 (ลาก่อนคิง อองรี สังเวยดูดู้)
- ตอนวิเอร่าจากไปยังไม่เท่านี้จริงๆ อองรี ย้ายซบบาร์เซโลน่า ด้วยค่าตัว 16 ล้านปอนด์ แต่เป็นการจากกันด้วยดี ความสำเร็จในบอลถ้วยยุโรปที่อาร์เซน่อลให้ไม่ได้ อองรี เลือกซบทีมที่มีจะทำให้เค้ามีโอกาสมากกว่าอย่างบาร์เซโลน่า
- ขณะที่หนึ่งนักเตะในชุดไร้พ่ายอย่างเฟดดี้ ลุงเบิร์กก็ย้ายออกจากทีมไปอยู่กับเวสต์แฮมด้วยค่าตัว 3 ล้านปอนด์
- โรคคิดถึงบ้านรักษาไม่หายสำหรับเรเยสโยกซบแอตฯมาดริด 6 ล้านปอนด์
- อาร์เซน่อลดึงเอดูอาโด้ ดา ซิลวา กับบาเคญี่ ซานญ่าเข้าสู่ทีม
เป็นฤดูกาลที่อาร์เซน่อลเข้าใกล้แชมป์มากที่สุดอีกครั้ง อาร์เซน่อลนำห่าง 5 แต้ม ขณะที่เหลืออยู่เพียง 12 นัด ซึ่งอาร์เซน่อลแพ้เพียงแค่นัดเดียวเท่านั้นในตอนนั้น แต่เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ในเกมที่อาร์เซน่อลบุกไปเยือนเบอร์มิ่งแฮม ดูดู้ ถูกเสียบจนขาหักตั้งแต่ต้นเกม ทำเอานักเตะอาร์เซน่อลเข้วตลอดทั้งเกม แต่อาร์เซน่อลก็ได้วัลคอตต์กดสองเม็ดนำอยู่ 2-1 จนทั้งกระทั่งช่วงทดเจ็บเบอร์มิ่งแฮมได้แบบค้านสายตาเหล่ากูนเนอร์ และนักเตะอย่างวิลเลี่ยม กัลลาส แม็คฟาเดนสังหารไม่พลาด ก่อนที่ขุนพลของเวงเกอร์จะเป๋ยาวจนล่วงไปอยู่ที่ 3 แฟนอาร์เซน่อลเจ็บใจกับฤดูกาลนี้ไม่แพ้นัดชิง UCL เช่นกัน
ฤดูกาล 2008/09 (บิ๊กเนมที่เรียกหา)
- อาร์เซน่อลต้องสูญเสียเยนห์ เลห์มันน์, มาติเย่อ ฟลามินี่, กิลเบอร์โต ซิลวา และอเล็กซานเดอร์ คเล็บ โดยในรายหลังย้ายสู่บาร์เซโลน่าอีกด้วยค่าตัว 11.9 ล้านปอนด์
- เสริมทัพสู้ด้วยดาวรุ่งอย่างอารอน แรมซี่, ซาเมียร์ นาสรี่ และเอ่อ...มิกาเอล ซิลแวสต์
- ขณะที่บิ๊กเนมที่แฟนอาร์เซน่อลเรียกหาอย่างอังเดร อาร์ชาวิน เข้ามาเสริมทีมในช่วงมกราคมแบบไม่เปิดเผยค่าตัว (แต่คาดว่าเป็น 15 ล้านปอนด์)
- จองที่ 4 ในพรีเมียร์ลีกไว้อีกครั้ง
อาร์เซน่อลเจออุปสรรคตั้งแต่เริ่ม 15 นัดแรกแพ้ถึง 5 ถูกนัดชื่อชิงแชมป์ตั้งแต่ไก่โห่! ส่วนเอฟเอคัพทะลุเข้าสู่รอบรองก่อนที่เจอเชลซีหักอกไป 2-1 จากเจ้าเก่า!ดร็อกบา ขณะที่บอลยุโรปไปได้สวยจนถึงรอบรองชนะเลิศโคจรมาพบกับทีมอังกฤษกันเองอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดนอัดไปกลับทั้งไป-กลับ ลูกยิงฟรีคิกระยะไกลของคริสเตียโน่ โรนัลโด้ลูกนั้นยังติดตากูนเนอร์บางคนอยู่
ฤดูกาล 2009/10 (กำไร 30 ล้านปอนด์ สังเวยแรมซี่)
- จากการปล่อยเอ็มมานูเอล อเดบายอร์, โคโล่ ตูเร่ ซบแมนฯซิตี้ด้วยค่าตัว 25 ล้านปอนด์ และ 16 ล้านปอนด์ตามลำดับ
- ขณะที่อาร์เซน่อลมีปัญหาในแนวรับเสริมโทมัส แฟร์มาเล่นด้วยค่าตัว 10 ล้านปอนด์ ทำให้เหล่ากูนเนอร์เริ่มพูดถึงงบเสริมทัพของสโมสรอย่างหนาหูมากยิ่งขึ้น
- อาร์เซน่อลขยับขึ้นมาคว้าที่ 3 ปล่อยให้เชลซี กับแมนฯยูขับเขี้ยวก่อนที่ "สิงโตน้ำเงินคราม" จะเข้าป้ายไป
ปัญหากองหน้าเริ่มเกิดขึ้น และไฮไลท์ของฤดูกาลก็คงอยู่ที่การยิงทีมเก่าของอเดบายอร์ก่อนวิ่งรอบสนามมาหาเหล่ากูนเนอร์ ก่อนโดนเอฟเอลงดาบแบนไป ขณะที่ดาวซัลโวของทีมในฤดูกาลนี้คือเชส ฟาเบสกัสที่ 19 ลูกรวมทุกรายการ ส่วนบอลยุโรปกลับมากับบาร์เซโลน่าที่มีอองรีอยู่ในทีมโดยนัดที่เสมอ 2-2 คิง อองรีได้ลงมาพบกับทีมเก่า (ในความคิดของผมแม้จะเป็นมืออาชีพ แต่อองรีดูเหมือนจะไม่ต้องการเล่นกับทีมเก่าซักเท่าไหร่ ในการลงมาเป็นตัวสำรอง หรือจริงๆแล้วอาจจะไม่ฟิตก็ได้) แต่งานนี้ได้ใจแฟนปืนไปเต็มๆ เหตุการณ์ร้ายของดูดู้ยังไม่ทันได้ลืม อารอน แรมซี่ที่กำลังปรับตัวได้ ก็ต้องสังเวยเหตุการณ์ข้อเท้าไปอีกคน
ฤดูกาล 2010/11 (เกือบปลดล็อคแต่...)
- ดูดู้ ย้ายออกไปชัคเตอร์ด้วยค่าตัว 6 ล้านปอนด์ (เรียกฟอร์มเก่งกลับมาไม่ได้)
- ขณะที่ดึงโลร็องต์ กอสเชียลนี่ เข้ามา 8 ล้านปอนด์
- อันดับ 4 ในพรีเมียร์ลีก
- แพ้บาร์ซ่าในบอลยุโรปอีกครั้ง (แต่ประทับใจ)
- หมูเขี้ยวตัน! ชิงคาร์ลิ่ง คัพก่อนพลาดท่าแพ้หักมุมต่อเบอร์มิ่งแฮม 2-1 ประตูชัยในช่วงก่อนหมดเวลา 1 นาทียังจำกันได้ไหม? ใบ้ให้...กอสเชียลนี่โดนตบหัว
อาร์เซน่อลจบที่ 4 อีกเช่นเคยขณะที่ยูฟ่า แชมป์เปี้ยน ลีกโคจรไปเจอกับบาร์เซโลน่าอีกครั้งแต่...ก็เหมือนเดิม แต่ในนัดแรกที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยมถือว่าเป็นอีกหนึ่งความทรงจำที่ยอดเยี่ยมของเหล่าเดอะ กันเนอร์ เกมเริ่มต้นด้วยประตูขึ้นนำของดาวิด บีญ่า แต่แรงฮึดสู้ของอาร์เซน่อลในเกมวันนั้น บวกกับการแก้เกมของ "ขงเบ้งเมืองน้ำหอม" ที่เปลี่ยนเบนท์เนอร์กับอาร์ชาวินมาเพื่อเปลี่ยนเกม และ"พี่ม้า"ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ซัดประตูสุดสะใจให้เหล่ากูนเนอร์ได้กระโดดแบบสุดตัว เรียกได้ว่า "หักปากกาเซียน" แบบเหนือความคาดหมาย
ฤดูกาล 2011/12 (ผลพ่วงจากความผิดหวัง)
เมื่ออาร์เซน่อลร้างแชมป์มานานเกินไป บวกกับเป้าหมายของทีมที่ต้องการคว้าตั๋วโควต้าไปยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีกเท่านั้น ทำให้มหากาฬแห่งเชสจึงเกิด และ...
- เชส ย้ายกลับบ้านร่วมทัพบาร์ซ่าด้วยค่าตัว 35 ล้านปอนด์
- นาสรี่ หนีตาม แต่พากิลชี่ลงเรือไปอยู่กับแมนฯซิตี้ด้วยค่าตัว 25 ล้านปอนด์ และ 7 ล้านปอนด์ตามลำดับ
- ตัวฮาย้ายออก! เอบูเอ้โยกซบกาลาตาซาราย 3 ล้านปอนด์
- แต่จากการเสียเชสซึ่งมีผลกระทบมากมายอยู่แล้ว อาร์เซน่อลเสริมทัพด้วยการซื้อแชร์วิญโญ่, อ็อกเหล็ก แชมเบอร์เลน, คาร์ล เจนกินสัน
- เมื่อนาสรี่เห็นว่าไม่เพียงพอจึงย้ายออกตาม ซึ่งมีกระแสอยู่แล้วว่าเรือใบจอดรออยู่ที่ท่า ก่อนย้ายออกจากทีมไป
- ผลพ่วงแห่งความผิดพลาด! เริ่มจากนัดเปิดสนามยันเสมอนิวคาสเซิ่ล 0-0 แชร์วิญโญ่ประเดิมสวยโดนใบแดง, ต่อด้วยแพ้ลิเวอร์พูลคาบ้าน 2-0 ฟริมปงแดง และสุดอัปยศกับการโดน"ปีศาจแดง"อัดหน้าแหก 8-2 สังเวยแดงเจนกิลสัน
- ไม่เห็นโรงศพ ไม่หลั่งน้ำตา!อาร์เซน่อลเสริมทัพแก้สถานการณ์สุดย่ำแย่ พาร์ค ชู ยอง, อังเดร ซานโตส, แพร์ เมเตซัคเกอร์ และมิคเกล อาร์เตต้า พร้อมยืมยอสซี่ เบนายูนมาแก้สถานการณ์แบบที่ไม่เคยเห็นกันมาก่อน
- 5 นัดแรกอาร์เซน่อลแพ้ไปถึง 3 ได้ 7 เสีย 13 แต่หลังจากนั้นอาร์เซน่อลเริ่มกลับมาดีขึ้นเรื่อยๆ จากชายที่ชื่อโรบิน พาน เพอร์ซี่ เริ่มจากแฮตทริคตบเชลซีคาสแตมฟอร์ด บริดจ์ 5-3, วอลเล่ย์สุดสวยเฉือนเอฟเวอร์ตัน 1-0, แฮตทริตในนัดถล่มแบล็คเบิร์น 7-1, ปั่นสุดสวยตีเสมอก่อนพลิกสถานการณ์ใส่คู่ปรับตลอดกาลอย่างสเปอร์ 5-2, แบยัดเสาแรกใส่ลิเวอร์พูลในช่วงทดเจ็บพลิกชนะ 2-1
- การกลับมาของคิง อองรี! ยิ่งกว่านิยายสำหรับการลงมายิงลีดส์ก่อนวิ่งไปกอดเวงเกอร์ และลูกยิงในช่วงทดเจ็บในเกมกับซันเดอร์แลนด์เรียกขวัญกำลังใจกลับมา
- ไล่สเปอร์จนทัน พร้อมเบียดขึ้นที่ 3 กอสเชียลนี่ฮีโร่ ตีตั๋วยูซีแอลแบบแน่นอน ไม่ต้องไปลุ้นเชลซีที่เข้าชิงยูฟ่า แชมป์เปี้ยน ขณะที่ฟาน เพอร์ซี่กดไป 30 ประตูเป็นดาวซัลโว พร้อมอำลาแพ็ท ไรท์ มือขวาผู้อยู่เคียงข้างเวงเกอร์มาโดยตลอด
ฤดูกาล 2012/13 (ไม่นะ!โรบิน)
- โรบิน ฟาน เพอร์ซี่โยกซบแมนฯยูเพราะต้องการอยู่กับสโมสรที่ทำทีมลุ้นแชมป์ ด้วยค่าตัว 25 ล้านปอนด์
- อเล็กซานเดอร์ ซงบินไปอยู่กับเชสที่บาร์เซโลน่า ด้วยค่าตัว 15 ล้านปอนด์
- แหม่!ตอนสตาร์อยู่เสริมกันไม่ได้...ลูคัส โพโดลสกี้, โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ และซานตี้ การ์ซอล่า คือนักเตะที่เข้ามาพยุงทีมอีกครั้ง ก่อนนาโช่ มอนเรอัลจะตามซานตี้มาอีกคนในเดือนมกรา
- เกมสุดดราม่าในลีกคัพกับเร้ดดิ้ง 7-5 ก่อนโดนแบร็ดฟอร์ดเก็บในรอบก่อนรองชนะเลิศ
- ยูซีแอลแพ้บาเยิร์นในนัดแรก 1-3 ก่อนยกพลไปเอาคืนที่อารีอัล อารีน่า 2-0 ซึ่งเป็นจุดพลิกพลันของสถานการณ์ของทีม
- อาร์เซน่อลกลับมาเก็บแต้มได้อย่างต่อเนื่อง ก่อน 10 นัดสุดท้าย อาร์เซน่อลแพ้สเปอร์ 2-1 หลังจากนั้นขุนพลปืนใหญ่ก็เสมอเพียง 2 นัด และไม่แพ้ใคร แต่ต้องลุ้นจนถึงนัดสุดท้ายของฤดูกาลอีกครั้ง และก็เป็นอีกครั้งที่กอสเซียลนี่ไม่ทำให้ผิดหวัง 2 ฤดูกาลติดกับการที่กอสเซียลนี่ยิงประตูสุดสำคัญช่วยอาร์เซน่อลเบียดสเปอร์ไป 1 แต้ม และคนที่ย้ายออกก็ยังคว้าแชมป์ได้อีกครั้ง
ฤดูกาล 2013/14 (ปฐมบท)
การเดิมพันฤดูกาลนี้อาร์เซน่อลที่ไม่ต้องเสียสตาร์ (หรือเพราะมันไม่มีสตาร์จะให้เสียอีกแล้ว) สโมสรไม่ต้องพูดถึงเรื่องหนี้ของสโมสร จากการสร้างสนามใหม่ที่ไร้ถ้วยประดับ อาร์เซน่อลคว้าซาโนโก้มาเสริมทัพ ก่อนที่จะปล่อยแข้งที่ไม่ได้อยู่ในแผนการทำทีมออกไป อาร์เซน่อลเซ็นสปอนเซอร์ใหม่ที่ใหญ่กว่าอย่างพูม่าแทนไนกี้ ซึ่งจะหมดสัญญาในฤดูกาลนี้
เวงเกอร์ทำงานอย่างหนักท่ามกลางแรงกดดันที่ถาโถมเข้าใส่อย่างรุนแรง ก่อนจะพาขุมกำลังออกตัวล้อฟรีแพ้แอสตัน วิลล่าคาบ้าน 3-1 พร้อมกับเรียกเสียงโห่รับขวัญเปิดหัวฤดูกาลไปเต็มๆ เสียงวิพากย์วิจารณ์มากมายที่เวงเกอร์เส้นเลือดสมองแทบแตก กับคำถามมากมายที่มีเวงเกอร์เท่านั้นที่ตอบได้ บอร์ดบริหารถูกโจมตีอย่างหนักชนิดที่หายหัวกันหมด ขณะที่การเสริมทัพยังไม่เป็นชิ้นเป็นอัน "เงิบ" จนชิน ตั้งแต่โยเวติชที่จ่อแต่ก็เงียบไปจนหักมุมไปลงเรือ, อิกัวอินไม่ชูเสื้อซักทีสุดท้ายโผล่นาโปลี และซัวเรสเกือบไปอีกหนึ่งมหากาฬ แต่ 40+1 ล้านปอนด์ คือเจตนาที่แสดงถึงความกวนส้นเท้า บวกกับทางลิเวอร์พูลไม่ยอมปล่อยทำให้มหากาฬที่เกิดขึ้นคือ "มหากาฬแห่งความเงิบ" ของเหล่ากูนเนอร์
ขณะที่ทุกทีมต่างเสริมทัพ โดยเฉพาะทีมใหญ่ๆ อาร์เซน่อลเซ็นฟลามินี่เด็กเก่ากลับมาร่วมทีมแบบฟรีๆ หันไปทางฝั่งคู่ปรับร่วมเมืองอย่างสเปอร์เสริมทัพมากมาย แทนการจากไปของแกเร็ต เบล สเปอร์ต้องโคจรมาเจอกับอาร์เซน่อลตั้งแต่ต้นฤดูกาล ทั้งสองทีมฟาดฟันกันในสภาพที่เหมือนคนป่วย สเปอร์เสริมทัพมาเยอะ และใช้ผู้เล่นผสมผสานทั้งเก่าและใหม่ ฉะนั้นเรื่องทีมเวิร์คลืมไปได้เลย ขณะที่เสือซ่อนเล็บอย่างอาร์เซน่อล ก็เข้ารูปเกมตัวเองไม่ค่อยได้ ปะติดปะต่อไม่ค่อยลงตัว โชคดีที่ฉาบฉวยประตูไว้ได้ก่อนจากชิรูด์ ก่อนโดนขุนพลของ "ไก่เดือยทอง" ไล่ต้อนจนมุม มาจนถึงยกสุดท้าย ก่อนเสียงระฆังดังเวงเกอร์แก้รูปมวย ตั้งการ์ดสูงส่งมอลเรอัล, ซานญ่าลงไปเสริมเกมรับ ทำให้เอาตัวรอดมาได้
หลังจบเกมอาร์เซน เวงเกอร์ให้สัมภาษณ์ประมาณว่าเค้ามีเซอร์ไพรส์ในตลาดซื้อ-ขายนักเตะแน่นอน รุ่งเช้าเข้าสู่วันสุดท้ายของการซื้อ-ขายนักเตะ ข่าวลือเกี่ยวกับบิ๊กเนมหลายต่อหลายคนเชื่อมโยงกับอาร์เซน่อล แต่ที่ยืนยันหลายสำนักมากที่สุดคือ "เมซุส โอซิล" ทำเอาแฟนอาร์เซน่อลเนื้อเต้นอย่างแรงกันเลยทีเดียว ลุ้นกันยันค่ำตามเวลาของประเทศไทย ขณะที่นั่งชมการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของแกเร็ต เบล สื่อหลายสำนักก็ยืนยันตรงกันว่าอาร์เซน่อลคว้าตัวโอซิลได้แล้ว! ขณะที่แฟนอาร์เซน่อลอยากเห็นชูเสื้อมากกว่า เพราะกลัวเงิบและไม่คิดว่าจะเป็นจริง ปิดตลาดอาร์เซน่อลคว้ามา 2 ตัวในไม่กี่ชม.สุดท้ายคือวิเวียโน่ ผู้รักษาประตูที่ยืมมากดดันเชสนี่ย์ หรืออาจเบียดแย่งตัวจริงจนซื้อขาดก็ได้
ขณะที่บิ๊กเนมที่เหล่ากูนเนอร์ถวิลหาอย่าง เมซุส โอซิล ด้วยค่าตัวที่เป็นสถิติของสโมสร 42.5 ล้านปอนด์ เข้ามาตอบโจทย์ปริศนาซึ่งเวงเกอร์ตั้งโจทย์นี้ไว้มาตลอดหลายปีที่มา เหล่ากูนเนอร์มั่นใจว่าพวกเขาจะปลดล็อคแชมป์ได้ ขณะที่โอซิลยังไม่ได้รับการพิสูจน์
ปลดล็อคไร้แชมป์?
แมนฯยู - เติมเต็มด้วยเฟลไลนี่ที่คอพรีเมียร์คุ้นเคย แต่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์โดยปีศาจแดง ความน่ากลัวของแมนฯยูปีนี้ยังคงเหมือนเดิม ตัวทำลายเกมคู่ต่อสู้ในแดนกลาง คือ สิ่งที่แมนฯยูหามาโดยตลอด แต่เฟลไลนี่ไม่ได้มีดีแค่นั้นนะซิที่น่ากลัว เมื่อเฟลไลนี่ไม่ใช่ปัญหาแล้วอะไรละ? มอยส์ไงล่ะ กุนซือรายนี้พิสูจน์กึ๋นให้เห็นมาโดยตลอด เรื่องนั่นไม่ใช่ปัญหา ปัญหาคือบารมีของมอยส์ที่มีต่อขุนพลปีศาจต่างหาก ถามผมว่ามอยส์ไหวไหม? ผมตอบแทนแฟนแมนยูให้....ได้แน่นอน!
แมนฯซิตี้ - เสริมทัพแข็งแกร่งเหมือนเดิม แต่ปัญหาที่แมนฯซิตี้ต้องเผชิญก็คือ 1. เปเญ่กรินี่ ยอดกุนซือที่ได้รับการการันตีมามากมาย 2. นักเตะใหม่ที่เข้ามาเสริมทีมเป็นตัวหลัก ฉะนั้นต้องรีบปรับตัวเพื่อให้เข้ากับระบบทีมโดยเร็วที่สุด แมนฯซิตี้คือหนึ่งในทีมที่ผมมองแล้ว จุดบกพร่องน้อยมากกำลังคิดว่าถ้าเปเญโปโลเย่กรินี่คนนี้ได้สร้างทีมซัก 2-3 ปี ถึงเวลานั้นคง...
เชลซี - มูริญโญ่ เมื่อพูดถึงชายคนนี้ คงไม่ต้องพิสูจน์อะไรอีกแล้ว เชลซีคือทีมที่นิ่ง และแข็งแกร่งมากในเวลานี้ เมื่อพูดถึงการลุ้นแชมป์ของเชลซีคงต้องบอกแล้วสมบรูณ์แบบ และเต็มตัวกว่าใครเพื่อน ซึ่งดูแล้วแม้จะมีปัญหาที่กองหน้าแต่การเสริมตัวเก๋าอย่างเอโต้ ก็ทำให้เชลซีอุดช่องโหว่ของทีมไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งโดยปกติเชลซีก็ไม่ได้เพิ่งกองหน้าเท่าไหร่ในการทำประตู เพราะกลางแต่ละตัวของเชลซีก็นะ
ลิเวอร์พูล - ไม่มีผลอะไร ที่ไร้ซัวเรส ลิเวอร์พูลออกสตาร์ทสวยหรูชนิดที่เด็กหงส์นั่งร้องเพลง You'll never Walk Alone ได้ทั้งวันระบบที่ร็อดเจอร์เมื่อฤดูกาลที่แล้ว แสดงผลให้เห็นแล้วในฤดูกาลนี้ เสริมทีมดี ระบบเยี่ยมขึ้นทำให้ลิเวอร์พูลน่ากลัวมากขึ้น โจทย์ของลิเวอร์พูลอย่างเดียวคือ "ความสม่ำเสมอ" รักษาฟอร์มแบบนี้ไว้ได้ ลุ้นยันโค้งสุดท้ายสบาย
สเปอร์ - โบอาสปรับระบบทีมคล้ายลิเวอร์พูล แต่ต้องเสริมทัพครั้งมโหฬารเนื่องจากเสียคีย์แมนคนสำคัญออกไป นักเตะใหม่ต้องปรับจูน นักเตะที่ดึงเข้าเสริมล้วนแล้ว แต่เป็นนักเตะที่มีคุณภาพ และมีชื่อเสียงมาพอสมควร แต่ปัญหาคือพรีเมียร์ลีก เป็นลีกที่แตกต่างอย่างที่ใครๆเค้าชอบพูดกันฉะนั้นสเปอร์ต้องรีบเข้าพิทปรับจูนอย่างด่วน เพื่อพาทีมมุดเข้าโค้งสุดท้ายให้ได้
อาร์เซน่อล - โจทย์แรกคือความเฉียบขาด ปัญหาที่มีมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา และทีมที่ต้องเพิ่งคนๆเดียวมาตลอด 8 ปี แต่มันจบลงแล้ว ไม่นับเฟอร์กี้ในเวทีพรีเมียร์ลีกตอนนี้ไม่มีใครเชี่ยวเท่าเวงเกอร์อีกแล้ว เวงเกอร์รู้ถึงการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างดี การเสริมทัพด้วยบิ๊กเนมอย่างโอซิลตอบโจทย์ได้ไหม? ก็ต้องพิสูจน์ ขณะที่ทุกสายตาจับจ้องไปที่โอซิล แต่ขุมกำลังที่มีอยู่ยังน่าห่วง อาการบาดเจ็บที่รุมเร้าตลอดหลายปีของนักเตะหลายๆปี ฟอร์มที่ไม่สม่ำเสมอของนักเตะ ฤดูกาลนี้เพียงแค่เริ่มต้น
ขณะที่ทีมอื่นๆไม่ขอตัดใครทิ้งเลย เพราะทุกทีมล้วนมีแล้วแค่ต้องการความสำเร็จทั้งสิ้น แม้เป้าหมายของแต่ละทีมจะต่างกันก็ตาม โลกของฟุตบอลมันโหดร้ายไม่มีอะไรแน่นอนหรอก อาจจะเป็นสโต๊ค ซิตี้ก็ได้ที่เข้าวินแชมป์พรีเมียร์ลีกใครจะไปรู้
ทุกทีมล้วนต้องพิสูจน์ตัวเองทั้งนั้น จะเห็นได้ว่าทุกทีมต้องการความสำเร็จเหมือนกัน ทุกทีมมีข้อดี และข้อเสียทั้งนั้นขึ้นอยู่กับที่แฟนบอลจะมอง แต่สำหรับอาร์เซน่อลแล้วการเดิมพันครั้งนี้สูงยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับตัวเวงเกอร์เอง ความผิดหวังตลอด 8 ปีที่ผ่านมาชี้ชัดว่าทีมกำลังถวิลหาความสำเร็จอย่างมาก ขณะที่คู่ต่อสู้ที่สำคัญที่สุดของอาร์เซน่อล ก็คือตัวอาร์เซน่อลเอง
ด้านเวงเกอร์เองก็คงกดดันตัวเองอยู่ไม่น้อยสำหรับ 8 ปีที่ผ่าน ไม่สามารถปลดแอกตัวเองได้ ถูกแฟนบอลรุมซัดทุกครั้งที่สร้างความผิดหวังให้กับเหล่ากูนเนอร์ รวมถึงสื่ออีกด้วย การที่ไม่ต่อสัญญาที่เหลือไม่ถึงปี อาจจะเป็นแรงกระตุ้นความรู้สึกบางอย่างในตัวนักเตะของเดอะ กันเนอร์
แต่ถึงฤดูกาลนี้จะเป็นอย่างไร สิ่งที่นำเสนอข้างต้นก็ชี้ชัดให้เห็นแล้วว่าตลอดช่วงเวลาย่ำแย่ที่ผ่านมาเวงเกอร์แก้สถานการณ์ได้ดีขนาดไหน ระบบที่เวงเกอร์ฝังอยู่ในอาร์เซน่อลแต่ละชุดทำให้ทีมยังยืนหยัดอยู่ในตำแหน่งนี้ได้ กูนเนอร์บางคนอาจไม่เชื่อในมือของเวงเกอร์ ศรัทธาที่หมดลงไปเรื่อยๆของแฟนบอล และถูกกระตุ้นขึ้นมาอีกครั้งหลังจากคว้าตัวยอดเพลย์เมคเกอร์อย่างโอซิล แต่การเดิมพันครั้งนี้ของเวงเกอร์ยังไม่จบ หลายคนสงสัยว่าทำไมคือการเดิมพันครั้งสุดท้าย เพราะคลื่นลูกต่อไปที่ซัดเวงเกอร์จะแรงกว่าเดิมมาก หรืออาจจะทำให้ ขงเบ้งลูกหนังเมืองน้ำหอมรายนี้ ต้านทานไม่ไหวอีกก็เป็นได้
แด่กุนซือที่หาตัวแทนได้ยากเหลือเกิน ขอบคุณสำหรับสิ่งที่ทำมาจนถึง ณ ตอนนี้ ... และตลอดไป