แรมซี่ย์ ได้รับการจับตามองเป็นพิเศษ หลังจากที่เขามีพัฒนาการอย่างดีเยี่ยมกับ "บลูเบิร์ด"คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ซึ่งทักษะเหล่านั้นต้องตากุนซือระดับบิ๊กในพรีเมียร์ลีกอย่างมาก แต่ก็เป็น อาร์แซน เวนเกอร์ที่สามารถคว้าตัวเขามาเป็นหนึ่งในนักเตะดาวรุ่งของสโมสร โดยกองกลางหน้าหยกเลือกปฏิเสธยอดทีมอย่างยูไนเต็ด เพราะเขาคิดว่าทีมเมืองหลวงจะสามารถดึงศักยภาพของเขาออกมาได้อย่างเต็มที่ และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาถูกคาดหมายว่าจะได้รับการเจียระนัยอย่างดีในแบบฉบับของกุนซือตาเพชรผู้นี้



อารอน มีจังหวะการทำเกมคล้ายกับเชส ผสมกับโรซิสกี้ ซึ่งส่วนหนึ่งของการเล่นเกิดจากการแนะนำของเวนเกอร์ ที่มองเห็นศักยภาพภายในตัวของดาวเตะเวลส์ บวกกับความชื่นชอบในการรับบทเป็นจอมทัพ อารอนจึงสนุกในตำแหน่งนี้อย่างมาก

"ผมมีความสุขกับฟุตบอล อาร์แซนให้ผมศึกษาการเล่นของเชส และโทมัส เขาอยากให้ผมได้จังหวะของทั้งสองมารวมกัน ซึ่งผมก็ชอบมันอย่างมาก"

ในขณะที่แรมซี่ย์กำลังโลดแล่นบนผืนหญ้า เก็บเกี่ยวประสบการณ์การลงสนามในสีเสื้ออาร์เซนอล และทำได้ค่อนข้างดี โชคร้ายที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น กับเหตุการณ์ครั้งใหญ่ในชีวิตในจังหวะการเข้าบอลหนักของไรอัล ชอร์ครอส กองหลังร่างยักษ์ของสโต๊คที่เสียบสกัดอารอนอย่างรุนแรง ชั่ววินาทีนั้นทุกอย่างก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง



"ผมไม่แน่ใจว่าจะกลับมาเล่นได้แบบเดิมอีกไหม แต่ผมรักเกมฟุตบอล ผมจะต้องกลับมาเล่นให้ได้ ทุกคนต่างให้กำลังใจผม ผมไม่รู้ว่าพวกเขารู้สึกอย่างไรที่เห็นผมเป็นแบบนั้น แต่สำหรับตัวผม มันเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายมาก"

อารอน ใช้ความพยายามอย่างหนักในการรักษาอาการบาดเจ็บ เขาเข้าไปพบกับแพทย์ผู้รักษาบ่อยมาก ถามถึงความไปได้ของกระดูกที่จะสามารถเชื่อมต่อกันได้อีกหรือเปล่า จากวัน สู่คืน สัปดาห์ สู่เดือน เขาก็สามารถใส่เฝือก เริ่มเดินเองได้ด้วยไม้ค้ำ เฝือกอ่อน กายภาพบำบัด จนรวมไปถึงขั้นตอนของการกลับมาสู่เกมฟุตบอล

"ใช่ ผมแฮปปี้มากที่กลับมาได้ กำลังใจจากทุกคนมันทำให้ผมกลับมาวิ่งได้อีกครั้ง บอสให้ผมค่อยๆเล่น ค่อยๆเป็นไป เพราะเขาทราบถึงสภาพความฟิตของผม บอสเอาใจใส่กับทุกคนมาก เขาค่อนข้างสนิทกับโค้ชฟิตเนส พวกเขาคุยให้ผมฟังตลอดทุกครั้งที่เจอ"

หลังจากผ่านโปรแกรมความฟิตของสโมสร อารอนถูกส่งไปเล่นกับนอตติ้งแฮม ฟอร์เรส และคาร์ดิฟฟ์ ซิตี้

"ผมพยายามอย่างหนักกับการกลับมาเล่นในแบบเดิม แต่ทีมแพทย์แจ้งให้ผมทราบว่า ผมไม่ใช่อารอนคนที่แข็งแกร่งเช่นเดิม เพราะถึงแม้กระดูกข้อเท้าจะเชื่อมต่อกันได้ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าจะปกติเหมือนเดิม คุณอาจจะวิ่งได้ทั่วสนาม แต่ถ้าหากคุณถูกปะทะหนักๆ นั่นก็หมายความว่าคุณก็พร้อมจะกลับไปอยู่บนเปล หรือต้องพักรักษาตัว ซึ่งมันใช้เวลานานแค่ไหน นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง "

"มันทำให้ผมรู้สึกกลัว และหวั่นใจอยู่ไม่น้อยโดยเฉพาะตอนที่ผมได้บอล และเห็นพวกเขาวิ่งเข้ามาสกัดผม ใช่ คุณอาจจำภาพเหตุการณ์ได้ แต่คุณอาจไม่รู้สึกว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน ความรู้สึกเหล่านั้นมันยังคงอยู่กับผมเสมอ เหมือนมันเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อวาน มันเกิดขึ้นทุกครั้งในความทรงจำ ผมฝันเห็นภาพเหตุการณ์เหล่านั้นบ่อยมาก แต่มันก็น้อยลงเมื่อผมได้ลงมาวิ่งบนสนามแข่งอีกครั้ง "

"หนังสือพิมพ์ ทีวี อินเตอร์เน็ต วิทยุ ตลอดจน แฟนบอล มักจะล้อเลียนผมเสมอ และบ่อยครั้งที่จะเป็นคำถามว่า ทำไมผมถึงยังคงเป็นตัวเลือกแรกสำหรับบอส "

"คุณอาจนึกถึงเหตุการณ์นั้นได้ แต่คุณก็ไม่รู้สึกเจ็บปวดไปมากกว่านั้นหรอก เวนเกอร์เป็นเหมือนพ่ออีกคนของผม ผมเคยคุยกับเขาเรื่องหยุดเล่นฟุตบอล มันเจ็บปวดนะที่ต้องหยุดสิ่งที่คุณชอบในขณะที่คนในวัยเดียวกัน ยังคงสนุกอยู่กับมัน เวนเกอร์มองหน้าผม แววตาของเขาก็รู้สึกปวดร้าวไม่น้อย เขาบอกว่าให้ผมรักษาตัว แล้วทำตัวให้พร้อมเสมอกับสิ่งที่ผมรัก"

"ผมอาจจะเล่นได้ไม่ดีเหมือนเดิม แน่นอนว่าผมทราบข้อนั้นดี แต่ผมก็พยายามที่จะเล่นให้ดีขึ้นในทุกเกม นั่นคือเหตุผลว่าทำไมคุณเห็นผมวิ่งอยู่ในสนามตลอดเวลา"

"ใช่ ผมถูกโยกไปเล่นหลายตำแหน่งมาก ทั้งการซ้อม และลงแข่งจริง ผมไม่ใช่นักเตะสารพัดประโยชน์หรอก ผมชอบเล่นเป็นตัวกลาง แต่ในทุกอย่างมันเปลี่ยนไป ผมก็พร้อมที่จะเล่นในตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุดของผม"
"ผมยังรักการเล่นแบบเชส หรือโทมัส แต่เวนเกอร์แนะนำให้ผมดูจังหวะแบบอาร์เตต้า ซึ่งมันจะช่วยผมได้อย่างมากกับเกมฟุตบอล"

"ผมชอบนะ และกำลังอยู่ในช่วงของการเรียนรู้กับเขา มิเกลเป็นนักเตะที่ดีที่ควรเอาเป็นแบบอย่าง เขาสุภาพมาก และคอยสอนผมในจังหวะเล็กๆน้อยๆที่ผมลืมให้ความสำคัญไป
แผนกองกลางที่ดีเยี่ยมในตอนนี้ ส่วนหนึ่งก็เพราะเขา การเล่นแบบเขาทำให้ผมสามารถเซฟตัวเองจากจังหวะถูกเข้าปะทะได้ดีขึ้น "



"ถ้าความแข็งแกร่งของกระดูกในคนทั่วไปอยู่ที่ 100 เปอร์เซนต์ ผมไม่อยากให้คุณนึกถึงหรอกว่าของผมอาจเหลืออยู่แค่ 80-90 เปอร์เซนต์เท่านั้น คุณอาจเห็นผมเล่นอย่างไม่สบอารมณ์หลายครั้ง ผมยอมรับโดยสัตย์จริงว่า ทุกครั้งที่ผมครองบอล ผมพยายามฝืนเล่นในบทบาทที่ตัวเองชื่นชอบ ในขณะที่ผมกำลังจะสนุกไปกับมัน ภาพเหตุการณ์ในครั้งก่อนมันย้อนเข้ามาในความคิด มันทำให้ผมลังเลที่จะเล่น คุณจึงเห็นผมทำให้จังหวะของเกมเสีย หรือช้าไปโดยเปล่าประโยชน์ นักเตะทุกคนเข้าใจในตัวผม"

"แต่บางครั้งผมก็น่าทำให้ทุกคนโมโหจริงๆ เพราะบางจังหวะของเกมพวกเราตกเป็นฝ่ายตามหลัง และผมคิดว่าถ้าหากครองบอลไปเองข้างหน้า จะทำให้นักเตะฝ่ายตรงข้ามเข้ามาสกัด และทำให้เพื่อนๆมีที่ว่างในการเล่น แต่ก็เป็นตัวของผมเองที่มักทำอะไรได้เร็วไม่เท่าความคิด ผมขอโทษพวกเขาบ่อยๆ มีบางครั้งที่โดนโวยบ้าง แต่ก็เข้าใจว่าเป็นไปตามจังหวะของเกม เมื่อครบเก้าสิบนาที ผมจะขอโทษพวกเขา และเราก็ต่างจะจับมือกัน "

"คุณอาจเห็นผมเป็นตัวตลกคนหนึ่งของสนาม ของทีม ผมยอมรับว่าตัวเองทำพลาดบ่อยๆ ผมไม่ขอให้คุณเห็นใจผมหรอก ทุกสิ่งทุกอย่างมันเกิดขึ้นได้กันหมด แม้แต่ชอว์ครอส เขาเองก็เสียใจในเหตุการณ์นั้น แต่ทุกอย่างก็ต้องดำเนินต่อไป"

"ผมก็ยังคงเล่นฟุตบอล แม้จะไม่ใช่บทบาทเดิมที่ชอบ แต่ในตำแหน่งนี้ มันก็สนุกไปอีกแบบ โดยในความเป็นจริงแล้วมันเคยเป็นตำแหน่งของเชส มันจึงไม่ยากมากนักสำหรับผม จริงแล้วมันไม่ยากเลยสักนิด ถ้าหากคุณมีความสุขที่จะเล่น ได้ทำในสิ่งที่คุณรัก และชอบ การปรับตัว การเรียนรู้มันจึงเกิดขึ้นอยู่กับผมเสมอ"

"คุณดูสิ ว่าบางครั้งผมก็ต้องเล่นริมเส้น ในตำแหน่งปีก หรือวิงแบ็ค อาร์แซนบอกผมเสมอว่า อย่ายอมแพ้ง่ายๆในสนาม เพราะการกลับมาได้อีกครั้งของผม มันยากกว่านี้นัก ผมจึงทุ่มเททุกครั้งที่มีโอกาสเป็นหนึ่งใน 11 ผู้เล่น"

"ใช่ พวกเขาล้อเลียนผมกับเรื่องการยิงประตู ผมเฉยๆนะ บางทีก็รู้สึกขำเสียอีก มันกลายเป็นเรื่องตลกภายในทีมถ้าหากว่าผมยิงได้ บางครั้งแจ๊คก็จะออกมาหยอกผมว่า นายไม่กล้ายิงประตูหรอก เพราะอาจมีคนดังต้องตายอีกก็ได้"

" ผมไม่สนใจหรอกว่าพวกเขาจะว่ายังไง จะล้อผมยังไง ผมมีความสุขกับเกมที่ผมรัก นั่นก็เพราะเหตุการณ์หนักในชีวิตของผม มันผ่านไปแล้ว ต่อไปมันจะเป็นยังไง นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง "

"ตอนนี้ผมกำลังสนุกกับบทบาทใหม่ที่ต้องลงเล่น คุณอาจจะจำภาพผมในหลายอิริยาบท แต่ภาพหนึ่งที่ผมอยากให้คุณจดจำ คือผมเป็นนักเตะที่ขาหัก และกลับมาเล่นฟุตบอลอย่างมีความสุข"