อวาตาร์&ลายเซ็นต์ผิดกฏ
Status: คนเราพอมีเงินในกระเป๋าก็จะถวิลหาแต่สันติภาพ
: 0 ใบ
: 0 ใบ
เข้าร่วม: 07 Nov 2009
ตอบ: 771
ที่อยู่: Winterfell
โพสเมื่อ: Tue May 28, 2013 14:15
สองวีรบุรุษนักปีนเขาพิชิตยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกได้ในปี 1953
กว่าครึ่งศตวรรษแล้วนับตั้งแต่เซอร์ เอ็ดมันด์ ฮิลลารีและเทนซิง นอร์เกย์กลายเป็นนักปีนเขาสองคนแรกที่พิชิตยอดเขาสูงที่สุดของโลกได้ และกระทั่งหกทศวรรษที่ผ่านมาความสำเร็จของพวกเขาสะท้อนให้เห็นว่าเป็นหนึ่งในสุดยอดความสำเร็จแห่งศตวรรษที่ 20
ยอดเขาเอเวอเรสต์แห่งเทือกเขาหิมาลัย ที่มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลถึง 8,840 เมตร เป็นจุดปลายสุดยอดที่ไม่มีสิ่งใดสูงกว่านี้อีกแล้วบนโลก และธรรมชาติของดาวดวงนี้ไม่ได้กำหนดให้ใครหรือสิ่งมีชีวิตใดขึ้นมาบนนี้ได้ มีเพียงเกร็ดความเย็นสีขาวบริสุทธิ์ปกคลุมหินผานี้ สภาพอากาศที่เบาบางจนแทบไม่สามารถหายใจได้ รังสียูวีและแสงแดดแรงกว่าที่ระดับพื้นดินส่งผลต่อสายตาพวกเขา หากมองด้วยตาเปล่าเป็นเวลานาน และท้ายที่สุดมันก็ถูกพิชิตได้โดยนักปีนเขาเทนซิง นอร์เกย์ชายชาวเนปาลคนท้องถิ่นและเซอร์ เอ็ดมันด์ ฮิลลารีนักผจญภัยชาวนิวซีแลนด์ที่เคยพ่ายแพ้ใหักับการขึ้นสู่ยอดเขาเอเวอเรสต์ในปี1951 มาแล้ว
ภูเขาสีขาวบริสุทธิ์สวยงามทอดยาวปกคลุมหิมะเบื้องล่างตั้งตระหง่านต้านทานลมพายุ ยืนตัดเมฆหมอกที่ลอยผ่านมาอย่างสวยงาม และทั้งโอบอุ้มชีวิตมอบสายน้ำแก่ผู้คนในรอบล้อมเทือกเขาหิมาลัยนี้ 'โซโมลังมา' หรือ 'มารดาแห่งสวรรค์' เป็นชื่อภาษาถิ่นที่เรียกด้วยศรัทธาของชาวทิเบต ส่วนชาวเนปาลขนานนามยอดเขาแห่งนี้ว่า 'สครมาถา' หมายถึง 'หน้าผากแห่งท้องฟ้า' ด้วยความที่เป็นภูเขาสูงใหญ่ทำให้มนตร์เสน่ห์ของเขาหิมาลัยนี้ท้าทายนักปีนเขาทั้งหลายจากทั่วโลก
ในประวัติการเดินทางเพื่อพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์นั้นเริ่มขึ้นในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 ตั้งแต่ในปี ค.ศ. 1921 แล้ว และเมื่อในที่สุดวันที่ 29 พฤษศ. 1953 เวลา 11:30 ขณะพระอาทิตย์ใกล้จะลอยขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดมนุษย์สองคนได้ยืนอยู่ปลายสุดของแผ่นดินโลกแล้ว ประวัติศาสตร์ได้บันทึกเรื่องราวความกล้าหาญของนักปีนเขานอร์เกย์และฮิลลารี มนุษย์สองคนที่ยืนอยู่เหนือปลายสุดของแผ่นดิน
นอร์เกย์ได้วางแท่งช็อคโกแลตเป็นการขอบคุณเอเวอเรสต์ส่วนฮิลลารีวางสร้อยกางเขนเป็นการขอบคุณพระเจ้า เมื่อสองนักปีนเขาผู้พิชิตลงมาถึงพื้นโลกอย่างปลอดภัยพวกเขาก็ได้พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ได้อย่างสมบูรณ์
ความยิ่งใหญ่ของการพิชิตเทือกเขาเอเวอเรสต์นี้ได้ สำหรับชาวเชอร์ปา และนักปีนเขาบางคนแล้ว ยอดเขาเอเวอเรสต์ไม่ได้เป็นเพียงแค่จุดที่สูงที่สุดบนพื้นโลกเท่านั้น หากยังเป็นจุดหมายสูงสุดในชีวิตพวกเขาด้วย การไปให้ถึงยอดเขาเอเวอเรสต์เป็นเรื่องที่ยากลำบาก แต่เมื่อยอดเขาเอเวอเรสต์ถูกพิชิตได้ นั่นหมายความว่าขีดจำกัดของมนุษยชาติได้เพิ่มขึ้นภายหลังที่เทนซิง นอร์เกย์ และเซอร์ เอ็ดมันด์ ฮิลลารีพิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสได้สำเร็จนั้น พวกเขาได้รับความสนใจและเสียงสรรเสริญมากมายจากผู้คนทั่วโลก หนังสือพิมพ์พาดหัว ผู้พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์กลับมาอีกครั้ง มีงานเลี้ยงฉลองและพิธีมอบเหรียญรางวัลจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ผู้คนต่างให้ความสนใจข่าวการพิชิตยอดเขาของโลก อีกทั้งยังเป็นการสร้างแรงบัลดาลใจแก่นักผจญภัยทั่วโลกด้วย
นักข่าวยิงคำถามมากมายใส่พวกเขาเช่น ทำไมพวกคุณต้องเอาชีวิตไปทิ้งบนนั้นด้วย ฮิลลารีได้ตอบว่า เราไม่ได้ขึ้นไปตายแต่เราขึ้นไปเพื่อมีชีวิตเป็นนิรันด์ อีกทั้งคำถามที่ถกเถียงกันมากมายที่ว่า ใครที่ก้าวขึ้นไปสู่จดสูงสุดของโลกเป็นคนแรกกันแน่ระหว่าง ฮิลลารีชายร่างสูงแข็งแรงผู้รักการปีนเขาที่กลับมาท้าทายเอาชนะเอเวอเรสต์จากความล้มเหลวเมื่อปี หรือนอร์เกย์ชายชาวเนปาลที่มีความรู้ความเข้าใจดีในเรื่องของสภาพอากาศ และคำตอบสำหรับคำถามที่ถกเถียงกันมากมายนี้ นอร์เกย์ได้ตอบคำถามนี้ด้วยความจริงใจว่า มันสำคัญด้วยหรือว่าใครคือคนแรกในเมื่อเราต่างพิชิตยอดเขาได้เหมือนกัน
แม้ยอดเขาเอเวอเรสต์จะถูกพิชิตลงได้อย่างเป็นทางการ แต่มนต์ขลังของยอดเขาแห่งนี้ก็ใช่ว่าจะหมดไป นักปีนเขาทั้งหลายทั่วทุกสารทิศจากทุกมุมโลก ทั้งชายและหญิงต่างก็อยากท้าทายความกล้าที่จะพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ให้ได้ซักครั้งในชีวิต นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1953 เป็นต้นมา ความสำเร็จแรกของการพิชิตเอาชนะยอดเขาสูงสุดของโลกได้นี้ได้จุดประกายให้กับนักปีนเขาและนักผจญภัยทั่วโลก
เพจ ฉันชอบประวัติศาสตร์ I like History เมื่อเราเหลวหลังให้กาลเวลา สิ่งเหล่านี้จึงบังเกิดขึ้นจากเศษเสี้ยวของกาลเวลา
แก้ไขล่าสุดโดย ฆ่าหมีด้วยมือเปล่า เมื่อ Sun Oct 06, 2013 21:46, ทั้งหมด 4 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
“We had a virus that infected everyone at United. It was called winning.” Sir Alex Ferguson