#เพิ่งรู้ว่าเราเป็นทีมรวย
.
Liverpool Echo ออกมาเผยว่า "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล สามารถทุ่มเงินในช่วงซัมเมอร์นี้ได้อีกเป็น 200 ล้านปอนด์ และจะไม่ผิดกฎ Profitability and Sustainability Rules หรือ PSR อีกด้วย
.
แม้ว่าแชมป์พรีเมียร์ลีกจะกระโดดลงตลาดซื้อขายอย่างรวดเร็ว พร้อมปิดดีลไปแล้ว 2 อย่างเยเรมี่ ฟริมปง 29.6 ล้านปอนด์ กับ โฟลเรียน เวียตซ์ 116 ล้านปอนด์ พร้อมกับรอเปิดตัวอีก 1 นั่นคือ มิลอส เคอร์เคซ 40 ล้านปอนด์ ที่จะทำให้พวกเขาใช้เงินในซัมเมอร์นี้ไปแล้ว 185.6 ล้านปอนด์ด้วยกัน
.
อย่างไรก็ตามทีมยังคงมีข่าวกับ มาร์ค เกอี รวมถึง อเล็กซานเดอร์ อิซัก โดยเฉพาะรายหลังที่นิวคาสเซิล พร้อมตั้งค่าตัวไม่ต่ำกว่า 150 ล้านปอนด์แน่นอน ซึ่งสร้างความสงสัยให้กับแฟนหงส์แดงว่า นี่เราเป็นปิดบังฐานะที่แท้จริงมานานหรืออย่างไร เอ้ย! ว่าเราจะสามารถจ่ายอีก 200 ล้านปอนด์แล้วไม่ผิดกฎ PSR ได้หรือ?
.
จริงๆ เหตุผลง่ายๆ ที่ลิเวอร์พูลทำได้ก็คือในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สโมสรมีการจัดการทางการเงินได้ดี บวกกับรายได้ปีที่ผ่านมาพุ่งทะลุปรอทแตก ทำให้การใช้เงินเยอะไม่มีผลกระทบใดๆ เลย
.
จากปีงบประมาณประจำฤดูกาล 2024/25 ที่สิ้นสุดเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา พวกเขามีค่าใช้จ่ายซื้อนักเตะแค่ เฟเดริโก้ เคียซ่า ที่ค่าตัว 10 ล้านปอนด์ แต่....เซ็น 4 ปี ทำให้บันทึกในบัญชีว่าเป็นรายจ่ายปีละ 2.5 ล้านปอนด์เท่านั้น นอกจากนี้ยังมีการปล่อยนักเตะออกจากทีมที่มาหักลบไปอีก
.
เมื่อบวกกับการที่ทีมได้กลับไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีก ที่ทำเงินได้มากกว่า 85 ล้านปอนด์จากการคว้าแชมป์รอบลีก และรวมถึงรายได้จากการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ที่ราวๆ 185 ล้านปอนด์อีกด้วย
.
แม้ว่าทีมจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากพวกโบนัสต่างๆ ที่ต้องให้กับนักเตะ ที่อาจจะทำให้ยอดตรงนี้สูงเกือบ 400 ล้านปอนด์ แต่การที่พวกเขาไม่ได้ลงตลาดซื้อขายทุกครั้ง ทำให้มีเงินเหลือทำในสิ่งที่คู่แข่งทำไม่ได้
.
กฎของ PSR คือสโมสรไม่สามารถขาดทุนเกิน 105 ล้านปอนด์ในระยะเวลา 3 ปีได้ (แต่ลดหย่อนด้วยการลงทุนพื้นฐานโครงสร้าง, อคาเดมี, ทีมฟุตบอลหญิง หรือCSR) ซึ่งในช่วงปี 2021/22 จนถึง 2023/24 ลิเวอร์พูล กำไร 7 ล้านปอนด์, ขาดทุน 9 ล้านปอนด์ และขาดทุน 57 ล้านปอนด์ ตามลำดับ
.
แต่ในช่วงดังกล่าวมีค่าที่ลิเวอร์พูลสามารถลดหย่อนได้ปีละ 33 ล้านปอนด์, 35 ล้านปอนด์ และ 39 ล้านปอนด์ เท่ากับว่าสถานะ PSR ของทีมตอนนี้เป็นบวก 48 ล้านปอนด์ และเมื่อรวมกับ 105 ล้านปอนด์ที่อนุญาตให้ขาดทุนได้ เท่ากับว่ายังเหลือเงินอีก 153 ล้านปอนด์ที่ใช้ได้แบบไม่ต้องกังวลอะไรเลย
.
ยิ่งเมื่อฤดูกาล 2024/25 ลิเวอร์พูลมีโอกาสจะกลับมากำไร เพราะรายรับน่าจะมีมากกว่า 700 ล้านปอนด์ ฉะนั้นการประเมินกำไรน่าจะสูงถึง 50 ล้านปอนด์ด้วยกัน เมื่อบวกกับของเดิม ตัวเลขน่าจะบวกมากกว่า 100 ล้านปอนด์ โดยที่ยังไม่รวมที่ขาดทุนได้อีก 105 ล้านปอนด์ด้วยซ้ำ
.
ขณะเดียวกันในทางบัญชี แม้ว่าเราจะจ่ายค่าตัวนักเตะ 185.6 ล้านปอนด์ และบวก จอร์จี้ มามาร์ตาชวิลลี่ อีก 25 ล้านปอนด์ แต่นักเตะทุกคนเซ็นด้วยสัญญา 5 ปี เท่ากับว่าเวลาบันทึกบัญชีจะตัดแค่ 42.1 ล้านปอนด์เท่านั้น
.
อย่าลืมว่าทีมมีปล่อยนักเตะออกไปได้เช่น ควีวีน เคลเลเฮอร์ 18 ล้านปอนด์ และจาเรลล์ ควอนซาห์ 30 ล้านปอนด์ เงินที่ได้พวกนี้จะถูกบันทึกเป็นรายได้แบบเต็มๆ (ไม่ต้องหารปีสัญญาเหมือนขาเข้า)
.
รวมถึงดาร์วิน นูนเญซ ที่มีความเป็นไปได้ว่าจะถูกปล่อยออกไป ที่น่าจะทำกำไรให้ทีมได้ ถ้าหากขายได้มากกว่า 21.2 ล้านปอนด์ (วิธีคิดคือตอนนี้สัญญานูนเญซเหลือ 2 ปี คิดเป็นการบันทึกรายจ่ายปีละ 10.6 ล้านปอนด์จากค่าตัวเต็ม) เงินตรงนี้ก็จะถูกบันทึกเป็นกำไรแทน
.
นั่นจึงเป็นเหตุผลสำคัญที่บอกว่าลิเวอร์พูลยังสามารถใช้เงินได้มากกว่า 200 ล้านปอนด์ในตลาดที่เหลือ
.
สิ่งเหล่านี้ต้องชมการวางแผนการใช้งานทางการเงินที่ยอดเยี่ยมของสโมสร และเฟนเวย์ สปอร์ต กรุ๊ป ที่ทำให้ทีมสามารถใช้จ่ายเงินจำนวนมากโดยไม่ผิดกฎ หรือกังวลใดๆ ทั้งสิ้น
.
.
#แอดสตีวี่ตูนรายงาน #ต้นทางฟุตบอล #เถ้าแก่น้อย #WowNut #อร่อยจนร้องว้าว


CR. เพจ ต้นทางฟุตบอล/Liverpool Echo

กราบ FSG งามๆ

เกินปายยยย

อันนี้ถือว่าวางแผนมาดี

#ทีมกูรวย(มาจากไหนวะเนี่ย)

เชลซีใช้ไป 1,000 ลย. ยังไม่โดนเลย หงส์จะกลัวอะไรได้เล่น UCL ทุกปี

อ้าววว ถูกหวยก็ไม่บอก

ถ้า แมนยุ อาเซน่อล เชลซี แมนซิ มีตังใช้ได้ตลอด ลิเวอร์พูลที่นานๆจะลงตลาดที มันจะไม่มีตังได้ไง
มันไม่เมคเซ้น รายได้ก็ไม่เป็นรองทีมท๊อปๆเลย

ทีมอื่นปีๆนึงทุ่มไปตั้งเท่าไร ยังไม่เป็นมีอะไรเลย หงส์นานๆทุ่มที ถ้ายังผิดกฎพวกนี้ ก็ถือเป็นการบริหารที่ล้มเหลวแล้ว

ยื่น 150 ล้าน มาเอาซินโก้ + โลคอนก้าไปเลยครับ

ก้ปีก่อนๆ แทบไม่ใช้เลย

นั้นพรี่ช่วยกดเต็มโควต้าเลยได้ไหมจั้บ

ไม่มีอ่ะแปลก ปีก่อนๆ พี่ท่านแทบไม่ซื้อเลย

เหนียวจนแฟนบอลไล่ อ่ะปีนี้เลยจัดหนักให้เลย

จัดเลย สนับสนุนทุกการใช้จ่าย

#ทีมกูรวยกับเค้าด้วยรึเนี่ย