ใครทำให้โลกวุ่นวายมากกว่ากัน

จากการ ดู 8 minutes history มาเกือบทุกตอน

British Empire แม่งคือต้นกำเนินของ ความขัดแย้งทั่วทุกมุมโลกเลย

รวมถึง Iran กับ Israel และทุกความขัดแย้ง ทั่วทุกภูมิภาคทั้งโลกเลย

British Empire คือต้นกำเนินของปัญหาแทบทุกเรื่อง 5555

จีน อินเดีย อียิปต์ ตะวันออกกลาง ใต้หวัน ฮ่องกง สิงคโปร์ เอเชียใต้ แอฟริกา

ยุโรป พี่แกคือต้นตอ หมด 555 และปัญญายังอยู่ ณ ปัจจุบัน ด้วยนะ

จากการ ดู 8 minutes history มาเกือบทุกตอน

British Empire แม่งคือต้นกำเนินของ ความขัดแย้งทั่วทุกมุมโลกเลย

รวมถึง Iran กับ Israel และทุกความขัดแย้ง ทั่วทุกภูมิภาคทั้งโลกเลย

British Empire คือต้นกำเนินของปัญหาแทบทุกเรื่อง 5555

จีน อินเดีย อียิปต์ ตะวันออกกลาง ใต้หวัน ฮ่องกง สิงคโปร์ เอเชียใต้ แอฟริกา

ยุโรป พี่แกคือต้นตอ หมด 555 และปัญญายังอยู่ ณ ปัจจุบัน ด้วยนะ

คนตอบเมกาแปลว่าไม่เคยศึกษาประวัติศาสตร์
จักรวรรดิอังกฤษ คือต้นเหตุทุกเรื่องแล้ว

เมกามันแค่ยุคสมัยใหม่

รู้แค่ว่าเมกาปีนั้นปีเดียวทำให้โลกบัดซบลงเรื่อยๆ 1971 https://wtfhappenedin1971.com/

British Empire เลย ยั่วยุปลุกปั่นให้คนในชาติตีกัน ปัญหาโรฮิงญาก็มาจากมันเลย

จริงๆอเมริกาเรียนรู้เรื่องการใช้กำลังทหารปกครองประเทศราช แบบ อาณาจักอังกฤษ ว่าจะเกิดปัญญาในอนาคต

หลังจากชนะสงครามโลกครั้งที่สองและเป็นผู้นำแบบเบ็ดเสร็จของโลกก็เลือกที่จะใช้สนธิสัญญามาแชลแพลนในการควบคุมประเทศราชโดยใช้ยูเอสดอลล่าร์ และสนธิสัญญาต่างๆ แทนการปกครองด้วยกำลังทหาร

จริงๆ ไทยก็อยู่ใน มาแชล แพลน ด้วยมั้งนะ

แต่ก็ไม่วายระบบการเงินยูเอสดอลล่าร์ที่ใช้ปกครองโลกก็เกือบ
ก็ใกล้ถึงวาระเต็มทีแล้ว

เกิด ตั้งอยู่ ดับไป ยังไงก็หนีไม่พ้น
แต่ตอนนี้ trump ถือว่าเก่งเลยทีเดียว

อเมริกาหรือ british ทำโลกวุ่นวายผมไม่รู้เหมือนกัน แต่ขำพวกที่คิดว่าถ้าไม่ใช่ 2 ประเทศนี้แล้วโลกจะสงบสุขไม่วุ่นวาย you can’t be that naive

ทำไมตั้งเองตอบเองอ่ะครับ

ไม่รวมไว้ในหัวมู้ไปเลย

สำหรับผม บริติช แดกขาด เอาแค่ใกล้บ้านเราอย่างพม่านี่แหละ

ถ้าในช้อยส์ก็อังกฤษ

สิ่งที่ทำให้โลกวุ่นวายมันคือแนวคิดแบบจักรวรรดินิยมที่มีมาตั้งแต่ก่อนสมัยโรมัน

ในมุมของผม ผมมองว่ามันคือ ความวุ่นวายคนละรูปแบบ ที่น่ากลัวไม่แพ้กัน

จักรวรรดิบริติช คือความวุ่นวายที่ "เป็นรูปธรรม" เหมือนนักเลงโต้งๆ ที่บุกเข้ามายึดบ้านคุณซึ่งๆ หน้า เขาปล้นทรัพยากรไป ทิ้ง "แผลเป็นที่มองเห็น" ไว้ให้เจ็บปวดนานเท่านาน นั่นคือการขีดเส้นแบ่งพรมแดนตามใจชอบในแอฟริกาและเอเชีย สร้างระเบิดเวลาแห่งความขัดแย้งทางเชื้อชาติและศาสนาที่รอวันปะทุมาจนถึงทุกวันนี้

ในขณะที่ สหรัฐอเมริกา คือความวุ่นวายที่ "ซับซ้อนและเป็นระบบ" เหมือนเจ้าพ่อที่คุมเกมอยู่เบื้องหลัง ไม่จำเป็นต้องยึดบ้านคุณโดยตรง แต่ใช้การเมือง, เศรษฐกิจ, และวัฒนธรรมเป็นเครื่องมือ ความวุ่นวายของเขาคือการสนับสนุนสงครามตัวแทนให้คนอื่นรบกันในบ้านตัวเอง คือการแทรกแซงเพื่อล้มล้างรัฐบาลที่ไม่ถูกใจ แล้วทิ้งให้บ้านเมืองนั้นลุกเป็นไฟในนามของ ประชาธิปไตย บาดแผลที่เขาสร้างอาจมองไม่เห็นด้วยตา แต่มันฝังลึกอยู่ในโครงสร้างอำนาจของโลก

พอเทียบกันแบบนี้ ผมว่าคำถามที่แท้จริงอาจไม่ใช่ "ใครเลวกว่ากัน" แต่คือการตั้งคำถามกับ "ระเบียบที่มหาอำนาจสร้างขึ้น"

มันคือความจริงอันน่าเจ็บปวดว่า โลกที่มี "เจ้าพ่อ" คอยคุมเกม ไม่ให้ใครก่อสงครามใหญ่ อาจจะ "สงบสุข" กว่าโลกที่ไร้เจ้าพ่อแล้วปล่อยให้ทุกคนตีกันเองอย่างอิสระ... แต่มันคือความสงบสุขบนความอยุติธรรม เป็นความสงบเพื่อรักษาอำนาจของเจ้าโลกเอง

สุดท้ายมันทำให้เราต้องถามตัวเองว่า ระหว่างความวุ่นวายที่เกิดจากการถูกกดขี่โดยตรง กับความสงบจอมปลอมที่อยู่ภายใต้การควบคุม... แบบไหนกันแน่ที่มนุษย์เราต้องการ?

ความขัดแย้งหลายจุดในโลกตอนนี้ ส่วนมากมาจากมาตรการ Divide and Conquer ของจักรวรรดิอังกฤษทั้งนั้น

USA ก็คือ Subsets British Empire

อังกฤษชัดเจน

ในพม่า อังกฤษให้แขกโรฮิงญาเป็นใหญ่