พอดีเห็นมู้ล่างถามเกี่ยวกับบัตรเครดิต แล้วก็มีบางท่านเคยตั้งมู้ถามบ้าง
ก็เลยมาลองแชร์บัตรเครดิตที่ผมใช้กันบ้างแล้วกัน
ก่อนหน้าเคยเขียนเรื่องประกัน 101 ไป
https://www.soccersuck.com/boards/topic/2246372
จากมู้นี้ จริงๆอยากจะเขียนเรื่องประกันชีวิตที่เป็นพวก term WL กับพวกunit linked แต่unit linked มันอธิบายยากมากๆ ซึ่งการจะเขียนให้อ่านแล้วเข้าใจได้ คงต้องใช้เวลาพอสมควร เลยมาตั้งมู้เกี่ยวกับบัตรเครดิตไปก่อนแล้วกัน
อันนี้จะขอข้ามวิธีการคิดดอกเบี้ยหรือพวกวิธีการสมัครไปเลยแล้วกัน สามารถหาอ่านหรือดูในยูทูปได้อยู่แล้ว
บัตรที่ผมใช้ ไม่มีบัตร AUM เลยนะครับ เป็นบัตรที่มนุษย์เงินเดือนสามารถทำได้ทุกใบเลย (AUM ง่ายๆคือเราเอาเงินไปลงทุน ตามจำนวนที่กำหนดแล้วได้บัตรมา เช่น บัตร wisdom ของกสิกร ก็คือมีเงินลงทุนกับทางกสิกร 10 ล้านหรือซื้อประกันปีละกี่แสนๆตามที่ธนาคารกำหนัด ก็จะได้บัตร wisdom มาใช้)
ต้องบอกก่อนว่าผมไม่ได้ชักชวนให้มาเป็นหนี้นะครับ การใช้บัตรเครดิตก็คือผมจ่ายเต็มตลอด ไม่เคยค้างแม้แต่บาทเดียว ไม่มีที่ใช้เกินตัวเลย ผมมีเงินไว้สำหรับจ่ายค่าบัตร ทุกๆเดือนตลอดสม่ำเสมอ
เริ่มต้นเลย ถ้ายกแต่ละบัตรมาอาจจะยากต่อการเข้าใจ เริ่มจากไลฟ์สไตล์ของผมแล้วกัน ก็ใช้ชีวิตแบบทั่วๆ น่าจะเข้ากับหลายๆท่านในบอร์ด โดยผมจะขอเน้นไปที่บัตร cash back กับสะสมแต้มเป็นหลักนะครับ
-- การเติมน้ำมัน รถผมเติมแก้ส+น้ำมัน
ตอนนี้ที่เติมแก๊ส ผมใช้บัตร2ใบ
1. KFC ไม่ใช่ไก่ทอดนะครับ ย่อมาจาก krungsri first choice มันจะมีโปรทุกๆเดือน คืนเงิน 1-5% ตามจำนวนเงินที่ใช้เป็นขั้นบันได เอาง่ายๆคือถ้าใช้ไม่เกิน 30k/เดือน มันคืนแค่1% ซึ่งก็รวมค่าแก๊สด้วย ผมเลยใช้ตัวนี้เติมแก๊สเป็นประจำ
2. aeon union pay บัตรตัวนี้ใช้ง่ายมากๆ ทุกการใช้ในประเทศ คืน1% ยกเว้นพวกประกันกองทุนแค่นั้น ข้อดีอีกอย่างคือไปใช้ในประเทศ จีน ไต้หวัน มาเก๊า ฮ่องกง คืน3% ด้วย หัก fx rate 2.5% ก็ยังคุ้มอยู่ดีครับ
ส่วนน้ำมัน มีหลายบัตรเลย แต่ผมแนะนำให้ใช้บัตรที่เข้ากับปั๊มที่ทุกท่านเติม ง่ายๆตามบัตร เช่น
- เติมบางจากใช้ lotus beyond คืน 3% ถ้าเป็น lotus reward คืน2% ถ้าเงินเดือนเกิน 30k ใช้ตัว beyond ไปเลยครับ
- เติมcaltexหนือ shellใช้ uob premier คืน3% UOB world คืน2% ถ้าเงินเดือนเกิน 50k ใช้ตัว premier ไปเลยครับ
- อีกบัตรที่แนะนำสำหรับเติมน้ำมันโดยเฉพาะคือบัตร TTB ครับ เช่น TTB so fast , so smart ถ้าเติมบางจาก คืน3 % caltex 3 % เหมือนกัน แต่ถ้าเติมผ่าน caltex go ได้ 4% แล้วใช้ฐานเงินเดือนค่อนข้างน้อย+ฟรีค่าธรรมเนียมตลอด ไม่ต้องคอยโทรเวฟ ทำให้เหมาะกับการเติมน้ำมันค่อนข้างมาก
- หรือถ้าเงินเดือนสูงมากกว่า50k แนะนำ uob benz คืน3% ทุกปั้ม ง่ายๆเลย
บัตรพวกนี้จะมีขั้นต่ำในการเติม 600-800 ถึงจะได้คืน3% ถ้าเติมน้อยๆแบบเติมมอไซผมแนะนำ KFC กับ aeon union pay ได้คืน1% แทนครับ
นอกจากการเติมน้ำมันก็จะมีการเดินทาง ส่วนตัวผมไม่ค่อยได้ใช้รถสาธารณะมากนัก อาจจะมี รฟฟหรือรถเมล์บ้าง
ส่วนใหญ่บัตรเครดิตก็จะร่วมกับรฟฟเป็นหลัก
เช่น MRT สายสีม่วงกับน้ำเงิน ใช้ uob one คืน10%
BTS ใช้ผ่าน linepay uob one คืน10% aeon rabbit คืน 5%
จริงๆจะมีตัว uob preferred คืน 15 % แต่ยอดค่อนข้างน้อยใช้ได้แค่200/เดือน ผมเลยไม่ค่อยแนะนำเท่าไร
-- การกิน ส่วนใหญ่ผมคือกินตามห้างเป็นส่วนใหญ่ ไปกับเพื่อน ครอบครัว กินคนเดียวบ้าง มีตั้งแต่กินฟู้ดคอร์ทไปจนถึงมื้อละหลักพัน มีเข้า 711 หรือกินชาตามร้านกาแฟบ้าง
สำหรับร้านอาหารที่ผมแนะนำ จะขอแบ่งตามงบ
- ถ้าเป็นฟูดคอร์ท จานหลักสิบ ผมจะดูว่าที่พูดคอร์ทใช้ rabbit line pay จ่ายได้ไหม หรือร้านอื่นๆเช่น mc donald มันจะสามารถสแกนจ่ายด้วย rabbit line pay ได้ ผมจะใช้ บัตร aeon rabbit ผูกแล้วสแกนจ่าย โดนจะได้เงินคืน 5% แต่ยอดต้องไม่เกิน 1000บาท
- ถ้าเป็นร้านตามห้าง กินคนเดียวหรือกับครอบครัว แต่ยอดไม่ถึง1000 ผมจะใช้ uob world เป็นหลัก บัตรนี้ใช้ที่ร้านอาหาร สะสมแต้มได้ *5 เทียบเท่า 2.5% ถ้าเรท 800:100 ซึ่งวิธีใช้แต้มเดียวผมจะขอพูดถึงตอนท้ายๆอีกที
- สำหรับยอดเกิน 1000 จะมีบัตร uob lazada ใช้ครบ 1000 คืน50บาท หรือ KCC JCB คืน 30บาท แต่ตัวผมมักจะใช้ KCC JCB เป็นหลัก เพราะมันจะชอบมีโปรในแอป uchoose เช่นกินครบ 1000 คืน 70 บาท (แต่ต้องลงทะเบียนในแอพ) ก็จะได้เงินคืน 30+70บาท หรือใช้บัตรอื่นในเครือกรุงศรีเช่น บัตรโฮมโปร first choice the1 ที่ร่วมโปร ก็จะได้คืน 70 บาทจากการกินครบ 1000 ส่วนถ้ายอดเกิน 3000 แม้ว่าเราจะใช้บัตรเครือกรุงศรี ก็จะคืนแค่ 70 บาท ซึ่งถ้าเราใช้ตัวบัตร uob world จะค่อนข้างคุ้มกว่าครับ เช่นกิน 3000 ได้แต้ม *5 เทียบเท่า 2.5% ก็คือคืน 75 บาท เป็นต้น
- เรื่องของกินจะมีอย่างอื่นด้วยเช่น 711 หรือสั่งgrab line man
ถ้าใช้ 711 แนะนำ uob one คืน5% ข้อเสียคือต้องซื้อยอดขั้นต่ำ200 ถ้าซื้อทีละไม่เยอะผมแนะนำใช้ uob world ผูกกับ true money wallet ได้คืน 2.5% แทน
ส่วนgrab สามารถใช้ได้ทั้ง uob one และ uob grab ได้เลย แต่ grab จะมาเป็นแต้ม *10 ซึ่งก็เท่ากับคืน5% เหมือนกัน แต่จะได้ อัพเกรด สถานะของgrab เป็น platinum ข้อดีคือมีโค้ดลดเพิ่มให้นิดหน่อย
ส่วน line man เช่นเดิม ผมจ่ายผ่าน line pay ที่ผูกกับ aeon rabbit ได้คืน 5%
อีกอย่างคือบัตร uob one ถ้าซื้อ amazon มีเงินคืนอีก10% สำหรับท่านที่ทานกาแฟเป็นประจำ ผมว่าก็น่าสนใจไม่น้อย
- อีกอันที่ผมใช้บ่อยคือการจ่ายออนไลน์ เช่น ซื้อของออนไลน์ ค่าเนต ค่าไฟ
-- ค่าไฟผมใช้บัตร kcc now จ่ายผ่าน lazada จะเสียค่าธรรมเนียม 5 บาท แต่ได้เงินคืน 5 % ทุกๆ 500 บาท เช่นค่าไฟ2100 บาท ผมจะได้คืนแค่ 5% ของ 2000 ก็คือ 100บาท จำกัดเงินคืนแค่300บาท หรือก็คือ 6000/เดือน ถ้าค่าไฟแพงกว่านั้น คงจะต้องใช้บัตรอื่นจ่ายแทน
--ค่าเนต ผมใช้ ais ซึ่งจ่ายผ่าน line pay ได้ ก็คือบัตรเดิมๆ คือบัตร aeon rabbit ครับ
ส่วนออนไลน์อื่นๆที่ผมซื้อจากเวบ มี2บัตรคือ kcc now ที่บอกไปด้านบน กับบัตร aeon next gen อันนี้คืน5% เลยครับ ยอดไม่เกิน20k/เดือน ถ้าใช้เกิน 500บาท เช่น900 ก็จะได้คืน 45บาทเลย ต่างจาก Now ที่ 900 จะได้แค่25 เพราะคิดแค่ครบทุก500 บาท ส่วนยอดน้อยๆที่ไม่เกิน 500 ผมใช้ uob world แต้ม*5 ครับ
ส่วน lazada ผมจะใช้บัตร uob lazada เป็นหลัก เนื่องจากมีบางเดือนที่แต้ม *20 พวกเมกกะ แคมเปญ ซึ่งเทียบเท่าลด 10% แล้วยังมีโค้ดที่ลดมากกว่าครับ
ส่วนท่านไหนถ้าซื้อ shopee เป็นหลัก ไม่ค่อยแนะนำใช้บัตร kbank shopee เท่าไร เนื่องจากใช้ค่อนข้างยาก ผมจะใช้ kcc now หรือ aeon next gen เป็นหลักมากกว่าครับ
-- ซื้อของสดเข้าบ้าน ส่วนใหญ่ที่บ้านผมจะเป็นคนซื้อ ซึ่งง่ายๆเรียงตามบัตรได้เลย
makro ใช้ uob makro คืน 1%
lotus ใช้ lotus beyond คืน3% แต่จะคืนเป็นพวกคูปองกับเหรียญ
big C ใช้ aeon big C คืน 5% ถ้าเป็นbig c online คืน7% คืนแบบลดให้ท้ายบิลเลยไม่ใช่เงินคืน
max value ใช้บัตร aeon ทุกเสาร์-อาทิตย์หรือวันที่ 10 20 30 บัตร aeone uninon pay คืน 5%
-- ซื้อของในห้าง ห้างส่วนใหญ่ จะเป็นพวก central เอาจริงๆผมซื้อในห้างน้อยมาก ปีละครั้ง ส่วนใหญ่จะเป็นที่บ้านที่ซื้อมากกว่า บัตรแนะนำจะมีแค่ uob premier แต้ม*4 เทียบเท่าลด 2% แต่สามารถใช้แต้มแลกลดได้อีก15% เทียบเท่ากับ 2.4% หรือจะใช้บัตร the1 ก็ละมีลดตามลำดับชั้นของบัตร อย่างผมใช้ the1 luxe จะได้ลด10% สินค้าราคาปกติ หรือถ้าซื้อ tops จะลด5% แต่ต้องของราคาปกติที่ไม่ลด
ในห้าง ผมจะซื้อ tops เป็นหลัก จะใช้ uob premier ซื้อครบ 800 คืน5% แถมได้แต้ม*2 อีก เทียบเท่ากับลดไป5+1=6% ไม่ว่าจะซื้อของลดแล้วหรือป่าว แค่ใช้เกิน 800 ก็จะได้เงินคืน
ข้อดี the1 คือ ลดท้ายใบเสร็จเลยไม่ต้องรอเงินคืน ส่วน premier จะได้เป็นเงินคืน แต่ลดได้ทุกอย่าง
ข้อดีอีกอันของ the 1 คือมีที่จอดรถในเซนทรัล แต่ถ้าเสาอาทิตย์คนเยอะก็มักจะเต็มเหมือนกัน
ตัว uob premier ก้มีแต่เป็นห้างที่ผมไม่ได้ไป เลยจำไม่ได้ว่ามีอะไรบ้าง
--ซื้อของมีราคา เช่นพวกมือถือ ipad เครื่องใช้ไฟฟ้า ถ้าไม่ได้ซื้อผ่าน online lazada
ก็จะมีที่ซื้อบ่อยคือ homepro ผมใช้บัตรเครดิต kcc homepro ลด3% ท้ายบิล
หรือถ้าพวกมือถือ ipad ส่วนใหญ่จะมีโปรหน้าร้าน เช่นคืน 5-6% แล้วแต่บัตร หรือมีโปรผ่อน 0% 10เดือน
แล้วมีเงินคืนอีก ส่วนใหญ่โปรพวกนี้จะต้องดูหน้าร้านเป็นหลัก
ส่วนเรื่องผ่อน จะมี
KFC 3 เดือน ขั้นต่ำ 500/สลิป รวมยอด3000ขึ้นไป
cardx 4 เดือน ขั้นต่ำ 2000/สลิป
TTB so good 3เดือน ขั้นต่ำ 1000/สลิป
ส่วนตัวผมไม่ค่อยได้ใช้ผ่อนจากบัตร จะผ่อนจากหน้าร้านมากกว่า พวก0% 10เดือน
ส่วนที่ผ่อนเยอะๆ 36เดือนจะเป็นพวกบัตรกดเงินสด ซึ่งไม่ค่อยมีโปรดีๆแล้ว เลยจะขอข้ามไปแล้วกันครับ
-- ใช้บัตรเครดิตกับประกันและกองทุน
หลักๆจะเป็นเป็น2อย่าง คือ
-ประกันทั่วไป สุขภาพ รถ
อันนี้ผมจะใช้บัตร aeon wellness เป็นหลัก ครับ ข้อดีคือคืน1% และได้แต้มร่วมด้วย
ข้อดีอีกอันคือ บัตรนี้ถ้าใข้จ่ายค่ารักษาที่รพ จะได้เงินคืน5% สูงสุดไม่เกิน 2000/เดือน หรือก็คือรูดได้สูงสุด 40k ส่วนร้านยาจะได้คืน 3%
หรือถ้าจะจ่ายประกันแต่ไม่อยากทำบัตรเยอะ ก็ใช้ uob one ได้เงินคืน1% เหมือนกันครับ
-ประกัน unit linked+กองทุน
ส่วนมากพวกนี้จะนับเป็นการลงทุน ทำให้ไม่มีบัตรที่ได้เงินคืนหรือได้แต้มเลยครับ
ส่วนตัวผมเลยใช้บัตร ที่ต้องการยอดเพื่อจะเวฟค่าธรรมเนียมเป็นหลัก หวยก็มาตกที่บัตร the 1 luxe
ซึ่งต้องใช้ปีละ 400k เพื่อเวฟค่าธรรมเนียม 4000กว่าบาท แต่ถ้าท่านไม่มีบัตรที่ต้องเวฟ ก็จะใช้บัตรไหนก็ได้ครับ
-- อีกอันที่ผมมีใช้บ้างคือการดูหนังครับ ซึ่งถ้าใครดูหนังบ่อยๆผมว่าน่าจะคุ้ม
เครือ major
- ผมใช้บัตร aeon m gen เป็นหลัก เงื่อนไขคือใช้รูดกี่บาทก็ได้ 1 ครั้ง/เดือน จะมีสิทธิ์ดูหนังฟรี เดือนละเรื่อง หรือตั๋วหนัง+น้ำ+popcorn ในราคา99บาท
-uob lazada ฟรีเดือนละเรื่อง แต่เต็มเร็วครับ ต้นเดือนก็เต็มละ
เครือ sf
- uob premier uob makro 69 บาท/ที่ เต็มเร็วเหมือนกันครับ
-- เที่ยวตปท หรือสิทธิประโยชน์ที่สนามบิน เช่น lounge หรือ limo
ไปญป cardx JCB คืน3%
ไปจีน ฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน aeon union pay คืน3%
บัตรที่เข้าlounge ที่สนามบินได้ จากทั้งหมดด้านบนก็จะมี uob premier,aeon union pay กับ jcb
หรือสิทธิ์แลกของกินที่สนามบินก็จะมีพวก uob เช่นแลก mc donald หรือ subway
ซึ่งบัตรเข้าเล้าจ์หรือ limoนอกจากนี้ผมขอไม่พูดถึงแล้วกัน เพราะส่วนใหญ่จะมีค่าธรรมเนียม
เอาจริงๆถ้าไล่บัตรที่น่าใช้จริงๆที่ผมพูดทั้งหมดก็จะมี
uob one
uob world
uob premier
uob grab
uob makro
uob lazada
uob benz
krungsri first choice
KCC now
KCC JCB
KCC homepro
the1 red luxe
lotus beyond
aeon uninon pay
aeon mgen
aeon wellness
aeon big C
aeon next gen
aeon rabbit
cardx JCB
TTB ตระกูล so
ซึ่งถ้าเอาที่น่าสนใจจริงๆ ผมว่าจะมีแค่3ธนาคารที่น่าใช้ก็คือ uob kcc aeon ซึ่งทั้ง lotus t1 kfc ก็อยู่ในเครือ kcc ทั้งหมด
สมัครพร้อมกันได้เลย
ซึ่งบัตรที่ว่ามาทั้งหมดนั้นใช้เกณฑ์เงินเดือน 15k
ที่สูงกว่านั้นก็จะมี lotus beyond 30k uob premier+benz 50k the1 luxe 70-100k
จะเห็นว่าเราสามารถที่จะทำบัตรที่น่าสนใจได้เกือบทั้งหมดแล้วในช่วงเงินเดือน15k
สำหรับค่าธรรมเนียมรายปีที่หลายท่านกังวล
บัตรของ aeon ถ้าสมัครผ่านแอฟจะฟรีค่าธรรมเนียม ข้อเสียของ aeon คือมีบัตรได้แค่5ใบ เพราะงั้นต้องเลือกให้ดีว่าจะเอาบัตรไหน และถ้ายกเลิกบัตรของ aeon เราจะกลับมาสมัครไม่ได้แล้ว ธนาคารจะไม่ให้เราทำใหม่อีกเลยครับ
บัตรเครือ kcc ใช้แค่ปีละครั้งจะเวฟค่าธรรมเนียมอัตโนมัติ
บัตรเครือ uob จะชอบมีค่าธรรมเนียมเขียนไว้ในเว็บครับ
ยกตัวอย่างบัตร uob premier ต้องใช้ 300k/ปี ไม่งั้นเสียค่าธรรมเนียม 5000กว่าๆ
เอาจริงๆผมใช้บัตรตัวนี้ปีละไม่ถึงหมื่นด้วยซ้ำครับ ยังไม่เคยเสียค่าธรรมเนียมเลย
ส่วนมากธนาคารจะยกเว้นให้ หรือถ้าเรียกเก็บมาก็โทรไปขอเวฟได้เลยครับ
จะมีแค่บัตร the1กับบัตร aeon m gen ที่เวฟค่าธรรมเนียมไม่ได้
- aeon m gen ดูหนังฟรี ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมปีละ 214 บาท
- the 1 luxe ต้องใช้ปีละ 400k ถึงจะเวฟได้ แต่ส่วนตัวผมใช้ 300k นิดๆก็สามารถโทรเวฟได้เหมือนกัน
ซึ่งเรื่องค่าธรรมเนียมไม่ต้องกังวลครับ เนื่องจากปีแรกมักจะฟรีกันอยู่แล้ว พอเราใช้ครบปี ธนาคารจะเรียกเก็บของปีถัดไป ซึ่งถ้าเวฟไม่ได้จริงๆท่านก็บอกธนาคารว่ายกเลิกบัตรเลยครับ ก็ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม แล้วไปใช้บัตรอื่นแทน แต่ส่วนมากธนาคารจะยกเว้นให้ค่อนข้างจะแน่นอนครับ
-เรื่องของแต้ม
บัตรที่ผมว่ามาจะเน้นเป็นบัตรสะสมแต้มกับcash back มากกว่า ซึ่งหลายท่านอาจจะงงว่าเอาแต้มไปทำอะไร
วิธีใช้แต้มง่ายสุดของผมคือโอนแต้มไป the1 ครับแล้วแลกคูปอง ของ central tops supersports power buy B2S สามารถใช้แต้ม 800 แต้มลดได้100 บาท หรือถ้ามีช่วงจังหวะดีๆอาจจะมี 500 แต้มลด100บาท ทำให้ลดได้เยอะขึ้นไปอีก อย่างช่วงเดือนก่อนมี โปรวันอาทิตย์ของ central กับ robinson ใช้ 1000 แต้มลดได้ 500 บาท ซึ่งก็จะทำให้ % ที่เราได้ลดเยอะขึ้นไปอีก
ส่วนตัวผมไม่แนะนำให้แลกแต้มเรท 1000:100 ซึ่งเป็นเรทของตัวบัตรเอง จะทำให้เราขาดทุน ผมแนะนำให้ย้ายเข้า t1 มากกว่าครับ
ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้ หลายท่านอาจจะงงว่าคุ้มค่าไหมกับการทำบัตรเครดิต ผมจะยกตัวอย่างของผมให้ฟังแล้วกัน
ผมมีค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนคร่าวๆประมาณนี้ ขอเปลี่ยนเป็น% คิดคืนเงินแบบง่ายๆแล้วกันครับ ผมเฉลี่ยๆเอา แต่ละเดือน การคืนอาจจะไม่เยอะขนาดนี้ เช่นถ้ากิน 711 ก็จะได้เงินคืน5%เยอะ หรือถ้ากินร้านอาหารทั่วไปเยอะก็จะได้เป็น 2.5%เยอะกว่า ซึ่งผมขอเฉลี่ยๆแล้วกัน
แก๊สเดือนละ 600-1000 บาท ได้เงินคืน 1% = 6-10บาท
น้ำมันเดือนละ 1000 บาท ได้เงินคืน 3% = 30บาท
ค่าไฟ เดือนละ 2000 บาท ได้เงินคืน 5% = 100บาท
ค่าเนต เดือนละ 320 บาท ได้เงินคืน 5% = 16บาท
ค่ากินอาหาร เดือนละ 4000-10000 แล้วแต่เดือน ได้เงินคืน 2.5% = 100-250บาท
ค่ากินอาหารผ่าน app grab+line man 2000-3000 บาท ได้เงินคืน 5% = 100-150บาท
ซื้อของออนไลน์ เดือนละ 2000-4000 แล้วแต่เดือน ได้เงินคืน 5% = 100-200บาท
รวมต่อเดือน ผมจะได้เงินคืนหรือแต้ม รวมๆแล้ว 450-750บาท/เดือนหรือ 5400-9000/ปี
จากการใช้เงินประมาณ 12-20k/เดือน
ไม่รับประกันที่ผมได้เงินคืน1% จากเบี้ยประมาณ 50-60k/ปี ก็จะได้เงินคืนอีก 500-600บาท/ปี
รวมๆผมใช้ 20k/เดือน+ประกัน 50-60k/ปี=เกือบๆ300k/ปี ได้เงินคืน เกือบๆ 10k บาท/ปี คิดเป็น% ก็3% กว่าๆ
อันนี้นับเฉพาะของผม จริงๆผมจะให้ที่บ้านใช้บัตรของผมด้วย เช่นเติมน้ำมันหรือซื้อของสดจาก lotus big c makro ก็จะได้เงินคืนอีกส่วนมาด้วย
จริงๆก็มีบางเดือนที่ใช้มากกว่านี้ทั้งค่ากินหรือซื้อของต่างๆ ซึ่งเวลาซื้อของผมจะซื้อออนไลน์เป็นหลัก เนื่องจากได้เงินคืนที่ค่อนข้างเยอะกว่าไปที่หน้าร้าน + ใช้โค้ดลดตามแอป + ไม่ต้องเสียค่าน้ำมันขับไป ทำให้ประหยัดกว่าซื้อเองค่อนข้างเยอะ
ถ้าถามในแง่ความคุ้มค่า ของบัตรเครดิต ส่วนตัวผมให้การแลกไมล์คุ้มกว่าค่อนข้างเยอะ เพราะเทียบเป็น% แล้วได้เกือบ10% หรือมากกว่านั้น แต่การจะแลกไมล์ได้ให้คุ้มก็ต้องบิน bc ซึ่งถ้าจะแลกจริงๆ ต้องใช้ให้ได้เดือนละ 100k หรือปีละ 1m ต้นๆซึ่งตัวผมเองก็ไม่ได้มีเงินใช้เยอะขนาดนั้น เลยทำให้มาสาย cashback กับแลกแต้มก็พอ
ซึ่งรวมๆต่อปี แต่ละปีๆผมได้เงินคืนรวมๆเป็นหลักหมื่นขึ้นตลอด เอาจริงๆก็พอจะได้ราคาตั๋ว eco บินไปกลับญปสักปีละครั้ง
หรือถ้าไม่ได้ไป ก็ถือว่าพอได้ค่าไฟกลับมาบ้าง ผมก็โอเคแล้ว
ซึ่งเอาจริงๆถ้าจะใช้บัตรเครดิตให้ได้คุ้มกว่านี้ ก็จะมีบัตรหลากหลายกว่านี้มากๆอีกครับ ตัวผมเองมีบัตรเยอะกว่านี้อีกเยอะ แต่ที่ผมยกมาคือบัตรที่น่าสนใจหรือควรมีติดตัวไว้จริงๆ ก็ลองเลือกให้ตรงกับlifestyle ของแต่ละท่านดูกันครับ
ผมได้ข่าว+คนไกล้ตัวบ่นเรื่อง UOB มาก เช่น การติดต่อ call center การจ่ายเงินที่ยาก ศูนย์ก็น้อย เห็นท่านแนะนำใช้กับธนาคารนี้เยอะ มีปัญหาที่เจอเรื่องแบบนี้บ้างมัยครับ
: 0 ใบ
: 0 ใบ
My Locker