อ่านคำแถลงนโยบายของรัฐบาลนี้ มีหลายครั้งที่กล่าวถึงการลดความเหลื่อมล้ำ
ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ดี และควรทำให้ได้แหละ

แล้วก็เกิดความสงสัยว่า ตกลงแล้วประเทศเรามันมีความเหลื่อมล้ำมากน้อยแค่ไหน
และเป็นอันดับเท่าไร เมื่อเทียบกับทั้งโลก

เลยไปหาข้อมูลมา พบว่า ดัชนี้ชี้วัดความเหลื่อมล้ำ มีตัวย่อว่า Gini coefficien
โดยตัวเลขยิ่งน้อย แสดงว่าความเหลื่อมล้ำต่ำ ตัวเลขมาก แสดงว่ามีความเหลื่อมล้ำสูง

เมื่อไปดูคะแนน ของไทยมีอยู่ที่ 35 คะแนน
ในขณะที่น้อยที่สุดคือ ไอซ์แลนด์ มีประมาณ 23 คะแนน
และมากที่สุดคือแอฟริกาใต้คือ 63 คะแนน
เมื่อพิจารณาจากคะแนนทั่วโลกแล้ว ไทยอยู่ในอันดับที่ 60-70 กว่า จาก 168 ประเทศ (อันดับ 1 คือไอซ์แลนด์)
คือคะแนนดีกว่า อังกฤษกับอเมริกาอีกอะ

แต่เหมือนข้อมูลมันก็แปลกๆ นะ เพราะทุกวันนี้ก็เห็นบางคนส่งลูกเรียนอินเตอร์ อยู่บ้านราคา 9 หลัก
ในขณะที่หลายคนมีเงินกินข้าวในแต่ละวันยังลำบาก หรือเมืองนอกมันเหลื่อมล้ำกว่าเรา แต่เราไม่รู้

สรุปแล้ว ท่านคิดว่าประเทศเรามีความเหลื่อมล้ำทางรายได้มากน้อยแค่ไหน

https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_countries_by_income_equality

ประเทศไทยไม่ได้เหลื่อมล้ำมากขนาดนั้น พวกอเมริกาคนจน คนที่เกิดในย่านไม่ดี แทบไม่มีโอกาสเรียนมหาลัย

คือมันพูดยากนะ เพราะความเหลื่อมล้ำของเรามันจะแปลกๆ คือแกประหว่างล่าง-กลางมันแคบ มันทำให้คนมันเกาะกลุ่มกัน แล้วไปแตกต่างคือที่ 1% on top ที่แม่งต่างกันจริงๆ

ขณะที่ถ้าดูแบบสิงคโปร์หรือฟิลิปินส์ แกปของกลาง-ล่างมันก็ต่างกันเยอะมากในตัวเองอยู่แล้ว โดยยังไม่ไปพูดถึงพวกบนๆด้วยซ้ำ

ดูแล้วไม่ได้วัดแค่เลื่อมล้ำแค่ฐานะละมั้ง

มาเลเซียคนที่เป็นประชากรชั้น 1 คือ เชื้อสายมลายู ที่ได้ภูมิบุตร ส่วนเชื้อสายจีนไม่มีสิทธิ์รับราชการ ส่วนใหญ่เป็นเศรษฐีในประเทศ กับ เชื้อสายอินเดีย ชั้น 2 ที่ไม่ได้เป็นภูมิบุตร

ในอเมริกา คงจะด้วยประชากรมีหลากหลาย บางคนเป็นคนต่างชาติพอมีลูกเกิดในอเมริกาก็ได้สัญชาติอเมริกัน ด้วยแหละมั้งผมว่า รวมทั้งทุนผูกขาดก็มีอยู่ แล้วส่วนใหญ่เป็นเชื้อสายยิว

ถ้าเอาแบบฐานะอย่างเดียว ต้องอินเดียละ คนที่รวยในอินเดียนี้ รวยกว่า เศรษฐีในไทยรวมกันหลายคนเสียอีก รวยกว่า เศรษฐีของญี่ปุ่น กับ เกาหลีใต้ ที่เป็นนายทุนอุตสาหกรรมใหญ่ของประเทศด้วย คือรวยเห้ๆ แต่จนคือจนฉิบหาย

บ้านเราผมว่า เลื่อมล้ำสูงแน่ๆ

ไม่นะ 95เปอเซนต์ ฐานะเท่ากันหมด

มีอยู่5เปอเซนต์เองมั้งที่รวยล้นฟ้า เพราะงั้นถือว่าไม่เหลื่อม

เหลื่อมล้ำ มันต้องสโคปเล็กลงไปหน่อยครับ

ลองไปดูชาวบ้าน ตามหมู่บ้าน อำเภอเล็กๆดูครับ

คือเขาก็ไม่ได้ขวนขวายทำการทำงานขนาดนั้น

ทำงานได้เงินมา300-400ก็อยู่ได้หลายวันจนกว่าเงินจะหมด

เอากลุ่มนี้มารวมก็จะเหลื่อมล้ำสุดๆ

กลุ่มนี้มันถึงชอบพรรค ที่จ่ายเงินหมื่นกันไงครับ

ตอบจขกท. กลุ่มคนทำงานจริงๆถือว่าเหลื่อมล้ำครับ ทำงานเด็กเสิร์ฟ ล้างจานที่เมกา สามารถซื้อรถยนต์ขับได้ ดูเมืองไทยจะเป็นอีดเรื่องนึง

ประเด็น คือการผลิตต่างๆ เรากาก
การส่งออกก็ได้แต่ของไม่มีราคา ข้าวงี้เอาเป็นตันๆยังไม่ได้เท่าไรเทียบกับสินค้าอื่นๆ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์งี้ก็ได้แค่ส่งกำไรไม่เท่าใด

ทุนไทยก็ผูกขาด ดักดานดูดอยู่ในไทยทำให้ไม่มีทุนใหม่ๆ เติบโต
ทางออกคือ ต้องเกิด กิจการประเภทด้านการวิจัย เทคโนโลยี นวัตกรรมบ้าง หรือเป็นเจ้าของแบรนด์เองไม่ได้ทำเป็นชิ้นส่วนให้กิจการอื่นไปได้กำไร ต้องมีองค์ความรู้ เทคโนโลยี สิทธิบัตรเป็นของตนเองซึ่งก็ยาก (แถมส่วนหนึ่งมาจากเรื่องทางส่วนตัว ทัศนคติ ที่หล่อหลอมมาในระบบสังคมแบบนี้) ที่จะสามารถทำรายได้ และส่งออกทุนให้ไปแข่งขันให้ระดับโลก หรือมีเช่นแบรนด์รถไฟฟ้า แบรนด์โทรศัพท์เป็นของตัวเอง มีการคิดนวัตกรรมใหม่ๆ บ้างที่มีอิมแพ็คต่อโลก

มาก

จริงๆเวลาพูดเรื่องความเหลื่อมล้ำต้องดูเส้นความยากจนด้วย อย่างจีนความเหลื่อมล้ำสูงขึ้นเรื่อยๆตั้งแต่ยุคปรับเป็นทุนนิยมสมัยเติ้งเสี่ยวผิง แต่เส้นผู้มีรายได้น้อยหนีเส้นความยากจนไปเรื่อยๆแค่ความชันน้อยกว่าผู้มีรายได้สูง แบบนี้ก็อยู่ได้ไม่น่ากลัว

พูดเรื่องนี้ก็ต้องวกเข้าไปทุนนิยม vs สังคมนิยมอีก

เหลื่อมล้ำแน่นอน อนาคตก็จะห่างไปเรื่อยๆ

คนรวยที่รู้จัก ลงทุน กว้านชื้อสินทรัพย์ มีมรดกส่งต่อให้ลูก ส่งเรียนที่ดีๆอาชีพดีๆ ลูกก็มีไม่กี่คน ได้เต็มๆ

คนจนที่เจอทุกวันในรพ ส่วนใหญ่มีลูกเยอะ แต่ไม่มีทรัพย์สิน การศึกษาตามมีตามเกิด เต็มที่ รายได้ก็ชนชั้นกลางทั่วไปถ้าไม่ทำธุรกิจเทาๆแถมยังต้องดูแลพ่อแม่พี่น้อง จะลงทุนอะไร ทำเล จังหวะ คอนเนคชั่น ก็ไม่สู้พวกข้างบนที่พร้อมกว่า สุดท้ายก็พึ่งหวยไปวันๆ

ตัววัดความเหลื่อมล้ำมันมีหลายตัวมาก GINI coef เป็นแค่ตัวนึง
เหมือนเรื่องเศรษฐกิจที่ไม่ได้มีแค่ GDP ตัวเดียว

จริงๆไม่แน่ใจว่า GINI มันมี Rule of thumb มั้ยว่าเลขไม่เกินเท่าไหร่ถึงจะดี
เพราะต่อให้อันดับไม่สูงจากการจัดอันดับ แต่ถ้าแนวโน้มของโลกมันมีความเหลื่อมล้ำมากขึ้น การวัดจากการจัดอันดับอาจจะทำให้ละเลยว่ามีความเหลื่อมล้ำเกิดขึ้น
ซึ่งอาจจะมีกรณีที่มีความเหลื่อมล้ำสูงแต่น้อยกว่าประเทศอื่นหลายประเทศ
แต่ส่วนตัวไม่ชอบ GINI coef ในแง่ที่มันเอามาอธิบายยาก
มีแค่ตัวเลขโดดๆถ้าเทียบกับตัววัดอื่นๆ เช่น สัดส่วนการถือครองทรัพย์สินของผู้มีทรัพย์สินสูงสุด 10%
เว็บนี้มีหลายตัววัดให้เล่นอยู่ - https://wid.world/



ส่วนคนไทยจนๆ เกิดย่านไม่ดี เรียนได้อย่างมากก็ ม.3 ไม่ต้องไปคิดถึงระดับมหาลัยเลย

เคสนี้ต้องเรียกว่าความยุติธรรมหรือเหลื่อมล้ำครับ??

คนรวยรู้จักลงทุน กว้านซื้อ ที่ท่านพูด การลงมือทำจริงมันไม่ได้ง่าย

อาศัย สติปัญญา ความรู้ความอดทน เงินทอง การบริหารจัดการ

ส่วนคนจน ท่านบอกลูกเยอะ แปลว่า ขาดการบริหารจัดการ ดูแลชีวิตตัวเองไม่ดี วันๆปี้ แล้วจะให้ใครมารับผิดชอบ นายกหรอ คงไม่ใช่

**ที่โควทคอมเม้นท่าน เพราะรู้สึกว่าเป็น scenario ที่ดีสำหรับการจำกัดความคำว่าเหลื่อมล้ำ**

นิยาม ความเหลื่อมล้ำ ผมก็รู้คร่าวๆตามสื่อนั่นแหละครับ แต่ผมเทียบกับตัวผมเอง พ่อแม่ข้าราชการ+มีธุรกิจ เงินเดือนรวมกันหกหลักกลางๆ มีเงินส่งเรียน มีธุรกิจเก็บค่าเช่ารายเดือน ผมทำหน้าที่แค่เรียนชิวๆ เล่นเกม จีบสาว จบมาทำงานปกติ ไม่ต้องวิ่งรับงาน
เทียบกับเพื่อนผม พ่อแม่ทำนา เรียนหมอด้วยโควตาชนบท ต้องดิ้นรนต่อสู้ตลอด เพราะ ถ้าสอบตก เรียนจบช้าแค่ปีเดียว หมายถึงบ้านมีปัญหาแน่นอน จบมาก็ต้องส่งเงินให้พ่อแม่ น้องๆเรียนต่อกส่าจะสร้างตัวได้ ขนาดอาชีพหมอเงินเดือนต้นๆของชนชั้นกลาง อาชีพอื่นน่าจะเหนื่อยกว่านี้เยอะ ผมก็ไม่รู้ว่า เหลื่อมล้ำมั้ย แต่ที่แน่ๆคือ ไม่เท่ากันแน่นอน

มากครับ แต่ก็ไม่ได้มากขนาดประเทศรอบตัวเรา หรือประเทศโลกที่ 3

ถ้าได้ไปเปิดโลกประเทศรอบตัวเรา (ไม่นับมาเลเซีย กับ สิงคโปร์) ผมว่าประเทศไทยดีกว่ามากเลยครับ

ผมไม่พูดถึงประเทศด้อยพัฒนาแถบแอฟริกาละกัน ประเทศโลกที่ 2 ผมว่าไทยอยู่ในปริมานที่ไม่แย่จนเกินไป แต่ก็น่าเป็นห่วงเอามากๆอยู่

เกี่ยวไหมว่าบ้านเรา เงินถูกดูดออกไปนอกระบบ เยอะมากๆๆ