ผมโดนภรรยาเก่าที่เลิกกันไปแล้วฟ้องให้ขายบ้านแล้วแบ่งเป็นสินสมรส

แต่ก่อนหน้าจะหย่ากันก็มีการสลักหลักใบหย่าแล้วลงข้อความต่อหน้าเจ้าหน้าที่แล้วว่า

"ให้ฝ่ายหญิงถ่ายโอนหนี้บ้านที่เหลือมาเป็นชื่อผมทั้งหมด" ถึงจะยอมรับการหย่านี้

ผมจึงเซ็นใบหย่าไป ตามข้อตกลงนั้น

ภายหลังก็มีหมายศาลส่งมาบอกให้ศาลยกเลิกการสลักหลังใบหย่านั้น

เพราะฝ่ายหญิงอยู่ในภาวะซึมเศร้าและเซ็นหย่าโดยสติสัมปชัญญะไม่สมบูรณ์

และขอให้ศาลสั่งให้ผมขายบ้านเพื่อมาแบ่งภายหลัง

______________________________________________

ผมถาม 2 ข้อสั้นๆครับ

1.ผมไม่ตั้งทนายมาโต้ประเด็นนี้ได้มั๊ย ก็แค่ยืนยันใบหย่าตัวจริงว่าทำถูกต้องตามกฎหมายแล้ว

2.ผมไม่ทราบขั้นตอนการยื่นเอกสารหลังจากโดนศาลสั่งฟ้องเลยครับ ว่าต้องทำยังไงบ้าง

พอดีอยากจะทำเอกสารเหล่านี้ แล้วยื่นศาลเอง เพราะคิดว่าไม่ได้ซับซ้อนอะไร

คงต้องยอมตั้งทนายแล้วครับ หาสำนักงานทนาย ที่น่าเชื้อถือได้เป็นที่ปรึกษา

คดีนี้มองยังไงก็ชนะครับ แต่ ควรรอบครอบ

โรคซซึมเศร้า ไม่น่าจะเอามาใช้ เพื่อยุติได้ครับ เพราะ คนเป็นซึมเศร้าจะยังสามารถใช้ชีวิตปกติได้อยู่
ไม่ใช่เอามาใช้อ้างมั่วๆได้ ตอนขึ้นศาล เค้าต้องพาหมอ มาเป็นพยานด้วยนะครับ แล้วต้องพิสูดให้ได้ว่ามีผลต่อการตัดสินใจจริง

ยิ่งเป็นเรื่องที่ผ่านมานานแล้ว ยิ่งเอามาอ้างไม่ได้ เพราะมันพิสุดอะไรตอนนั้นไม่ได้ ว่ามาจากการเป็นโรค
ไม่งั้นใครก็อ้างแบบนี้ได้หมด

ถ้าท่านยอม ก็จบ

แต่ ถ้าท่านไม่ยอม ก็ตั้งทนายสู้ ครับ

1. การไม่ตั้งทนาย แล้วแต่ท่านครับ ถ้าคิดว่าสามารถโต้แย้งคดีตามข้อกฎหมายหักล้างฝ่ายโจทย์ได้เอง(ไม่ใช่คิดเอาเองว่าต้องอย่างนั้นต้องอย่างนี้นะ) หรือเตรียมพยานหลักฐานหักล้างได้เอง ก็ไม่ต้องตั้งก็ได้ครับ
แต่ถ้าไม่ไปศาล ไม่โต้แย้งคดี คือการยอมรับคำสั่งศาล ท่านไม่ไปแย้ง ศาลสามารถสั่งคดีได้ตามคำฟ้องฝ่ายเดียว แม้ว่ามันจะไม่สมเหตุสมผลยังไงก็ตาม หรือแปลง่ายๆคือ ถ้าไม่ไปแย้ง ท่านจำเป็นต้องขายบ้านนะ

2. อันนี้ตอบไม่ได้นะ แต่คาดว่าเป็นหมายศาลเรียกตัวท่านไปขึ้นศาล ว่าฝ่ายโจทย์ฟ้องมาแบบนี้ๆๆๆๆ ท่านว่ายังไง โต้แย้งมั๊ย หรือจะไกล่เกลี่ยต่อหน้าศาลยังไง ซึ่งก็เกี่ยวเนื่องกับข้อข้างบนครับ

Edit เพิ่มเติม : เอายกตัวอย่างง่ายๆ
- ที่ท่านบอกว่า แค่จะไปบอกว่าทำตามกฎหมายแล้ว แต่ท่านไม่สู้/แย้งในประเด็นที่อีกฝ่ายอ้างว่า"ทำจริง แต่สติสัมปชัญญะ/ความคิดอ่านไม่สมบูรณ์"เลยนะ หรืออีกนัยนึงคือยอมรับกลายๆนั่นแหละ แปลว่าเขายกมาทำให้ธุรกรรมเป็นโมฆะได้...อะไรประมาณนี้ครับ

ทนายเถอะครับ ชีวิตจะง่ายขึ้นเยอะ
ถ้าได้รับคำฟ้อง ปกติก็ทำคำให้การโต้แย้งคำฟ้องครับ
แต่มันจะมีกรอบเวลาอยู่ แนะนำว่ารีบเอาไปปรึกษาทนายก่อนเถอะครับ เดาว่าอีกฝ่ายก็คงมีทนายเหมือนกัน
ถ้าไม่มี มันไม่ใช่แค่แย้งกันในข้อเท็จจริงครับ บางทีมันมีขั้นตอนทางศาล วิธีดำเนินการ ระยะเวลาดำเนินการ ด้วย

"มาตรา 60 คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือผู้แทนโดยชอบธรรมใน กรณีที่คู่ความเป็นผู้ไร้ความสามารถ หรือผู้แทนในกรณีที่คู่ความเป็น นิติบุคคลจะว่าด้วยตนเองและดำเนินกระบวนพิจารณาทั้งปวงตาม ที่เห็นสมควรเพื่อประโยชน์ของตน หรือจะตั้งแต่งทนายความ คนเดียวหรือหลายคนให้ว่าความ และดำเนินกระบวนพิจารณา แทนตนก็ได้"

บทบัญญัติมาตรา 60 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เปิดโอกาสให้ "คู่ความ" (ได้แก่ โจทก์ จำเลย) "ผู้แทนโดยชอบธรรม" และ "ผู้แทนของนิติบุคคล" มีสิทธิว่าความด้วยตนเองและดำเนินกระบวนพิจารณาต่างในศาลได้เอง

ลุยเลยครับลวกเพ่

หนี้ที่ผ่อนกันไปก่อนเลิกเยอะมั้ยครับ
ส่วนที่อยากได้หลักๆก็คือส่วนที่ผ่อนไปแล้วก่อนฟ้อง
โดยหลักมันก็เป็นสินสมรสคนละครึ่ง
ทีนี้ตอนหย่าตกลงรับหนี้มาต่อก็จริง
แต่มันก็เท่ากับว่าเงินที่ผ่อนไปแล้วจากที่ควรจะเป็นครึ่งๆ เท่ากับว่าเป็นส่วนนึงของบ้านที่เป็นของคุณไปเลย
แต่มันเป้นเรื่องตกลงได้ มันก็มีทรัพย์สินหลายอย่าง เค้าก็อาจมีได้ไปส่นอื่น บ้านราคาขึ้นได้ก็ลงได้เหมือนกันราคาปัจจุบันหักค่านายหน้าค่าภาษีถ้าขายจริงอาจจะขาดทุนก็ได้

ทีนี้ส่วนที่เค้าฟ้องก็คือยอมรับนั่นแหละว่าตกลตามนั้น เลยต้องมาฟ้องในประเด็นที่ว่าการเซ็นตกลงไม่มีผลสมบูรณ์
ผมว่ามีทนายก็ดี ในการนำเสนอข้อเท็จจริงเค้าจะมีวิจารณญานมากกว่าว่าต้องนำเสนอหลักฐานในแง่มุมไหน เถียงในด้านไหน เช่น อีกฝั่งมีประวัติการหาหมอช่วงนั้นมั้ย ไปตามเช็คโซเชียล ถ่ายรูปเข้าสังคม ทำธุรกรรมอย่างอื่นช่วงนั้น อะไรประมาณนี้ ถ้าแค่ซึมเศร้าใครก็อ้างได้ เศร้าเสียใจ อกหักรักคุดอ้างกันได้ง่ายๆ โลกวุ่นวายตาย ขนาดไม่มีสติจนจะมาเพิกถอนนี่มันต้องเป็นหนักมากแล้ว

1.จำเลยมีสิทธิต่อสู้คดีเองได้อยู่แล้วไม่จำเป็นต้องเป็นทนาย ทนายเวลาแต่งตั้งก็เพื่อให้มาต่อสู้คดีแทนลูกความ

2.ปกติจะต้องมีการยื่นคำให้การ ยื่นบัญชีพยานที่เราจะอ้างประมาณนี้ ผมก็ไม่ค่อยเชี่ยวชาญคดี คิดว่าถ้าไม่มีทนายก็อาจจะไปโต้แย้งในวันพิจารณาได้เลย + ขอส่งพยานเอกสารหลักฐานวันพิจารณา
อย่างที่ต้องอ้างแน่ๆน่าจะเจ้าหน้าที่เขตวันที่ไปจดทะเบียนหย่า ให้เค้ามาเบิกความว่าวันนั้นคุยกันดีรู้เรื่องมีสติสัมปัญชัญยะ ต้องยื่นบัญชีพยานแล้วให้ศาลออกหมายเรียกให้น่าจะประมาณนี้

แต่ผมว่าตั้งไปดีกว่านะ จะได้นำเสนอข้อมูล พยานได้ครบถ้วน

1. "ให้ฝ่ายหญิงถ่ายโอนหนี้บ้านที่เหลือมาเป็นชื่อผมทั้งหมด" ตรงนี้ใครกำหนดข้อตกลงนี้ครับ บ้านนี้ก็ยังถือว่าเป็นสินสมรสนะครับ จริงๆแค่การสลักหลังใบหย่าก็ยังไม่จบในทางกฎหมาย ต้องฟ้องหย่าแล้วมีระบุในผลการพิจารณาถึงจะจบจริงๆ

2. ตอนหย่ามีการฟ้องหย่ามั้ย หรือตกลงใจกันจะหย่าแบบมีข้อตกลง ถ้าไม่มีการฟ้องเป็นการตกลงกัน ก็จะเหมือนข้อ 1

3. ก่อนหย่ามีมีทรัพย์สิน หนี้สิน หรือธุรกิจร่วมกันมั้ย ถ้ามีอาจจะข้อใดข้อหนึง ซึ่งก็คือบ้าน แล้วตอนกู้เป็นการกู้ร่วมหรือไม่ แล้วหลังหย่าได้ตัดให้เหลือผู้กู้เพียงชื่อเดียวหรือไม่ ธนาคารยอมมั้ย ถ้าธนาคารยอม ให้ผู้ชายเป็นผู้กู้รายเดียว ก็แทบจะจบแล้ว

4. มีบุตรด้วยกันมั้ย ถ้ามีใครเลี้ยง ใครส่งเสีย ถ้าไม่มีก็จบไป

ถ้าศาลออกหมายศาล ก็แสดงว่าศาลรับฟ้อง มีมูลเหตุให้รับฟ้อง อาการป่วยเกิดขึ้นก่อน หรือหลังการหย่า ถ้าก่อนก็อาจฟังขึ้นตามฟ้อง ถ้าเกิดหลังปกติศาลจะไม่ฟัง
เราก็ต้องแสดงให้ศาลดูว่าเรารับหนี้บ้านมาจริงๆ มีการชำระหนี้ตลอด แสดงหลักฐานการเปลี่ยนแปลงผู้กู้
จริงๆก็เหมือนเป็นการหย่าอีกรอบนึงนะ แต่รอบนี้คือให้จบกันจริงๆ ไม่ใช่แค่เซ็นใบหย่า
ปกติถ้าชาย หญิงจะหย่า แล้วมีข้อผูกมัดเยอะๆ เค้าก็จะขึ้นศาลกันนะ ตกลงกันในชั้นศาลให้จบ

ผมว่ามีทนายก็ดีนะครับ มันคือความอุ่นใจ อย่างน้อยๆเกิดไรขึ้นเราจะได้ไม่ต้องมานั่งปะทะเอง เจอฝั่งนู้นเขี้ยวๆหน่อยจะหัวหมุนเอา

1. ตัวความ สามารถดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องผ่านทนายความครับ
2.1 ถ้าไม่แคร์ผลแพ้ชนะคดีอยากลองทำเอง พร้อมจะศึกษาหาข้อมูล ก็ลุยเองเลยครับ
2.2 ถ้าหวังชนะคดี แนะนำให้จ้างทนายความครับ เพราะ แค่กระบวนการยื่นคำให้การ/คำคัดค้าน ท่านยังไม่ทราบเลย แล้วไหนจะเรื่องข้อกฎหมายที่ต้องใช้ในการต่อสู้คดีอีก อย่าตระหนี่จนเสียน้อย(จ้างทนาย)เสียยาก เสียมาก(เสียบ้าน)เสียง่าย

ปล. ทนายความไม่ใช่ผู้วิเศษที่จะเนรมิตคำให้การ/คำคัดค้านให้แก่คุณได้ในพริบตา ทนายความก็ต้องใช้เวลาในการสอบข้อเท็จจริง ตรวจค้นข้อกฎหมายและแนวคำพิพากษา จัดเตรียมพยานหลักฐาน จัดทำคำให้การ/คำคัดค้าน ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาดำเนินการหลายวัน หากคุณไปติดต่อกระทันหัน ทนายความก็ทำได้แค่เผางานให้เสร็จๆ ภายในกำหนดระยะเวลา เพราะฉะนั้น รีบๆตัดสินใจว่าจะไปทางไหน แล้วรีบดำเนินการซะ