no-fly zone กลยุทธรับมือสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่อาจไม่ได้ผล + แนวคิดแบบยิว
พอดีผมไปตาม Dan Senor ผู้เขียน Israel: Start Up Nation มา แกพูดึงสงครามแล้วบอกว่าสนับสนุน No-Fly Zone ผมก็เลยลองไปค้นดู
เจอของ VOX สรุปง่ายๆ
1. เครื่องบินรัสเซียมีจำนวนมากกว่ายูเครน 10 เท่า แต่เอามาใช้จริงน้อยประมาณ 1 ใน 10 เท่านั้น
2. ในการทำสงครามโลกครั้งที่ 2 การรุกรานทุกครั้งจะใช้แผน Air Superior คือกุมความได้เปรียบทางน่านฟ้า โดย
- ยิงมิสไซล์ใส่เครื่องยิงต่อต้านอากาศยาน
- เอาเครื่องบินรบเข้าพื้นที่ ที่ปราศจากการป้องกัน ทำให้ไฟท์กับเครื่องบินรบอีกฝั่งได้สะดวก
- เอาเครื่องบินรบไปบอมบ์รถถัง และกองกำลังคน
- เคลื่อนรถถังและพลทหารเข้ายึดพื้นที่
* เพิ่มเติม เป็นแผนของฮิตเลอร์ที่ใช้ในการบุกแบบสายฟ้าแล่บ ซึ่งสมัยก่อนพวกยุโรปมักตั้งรับแต่บนพื้นดิน รวมถึงเป็๋นแผนที่ญี่ปุ่นใช้โจมตีเพริลฮาร์เบอร์ด้วย
3. รัสเซียพยายามทำแบบนั้น โดยทำลายเครื่องยิงต่อต้านอากาศยานของยูเครนได้เกือบหมด แต่ไม่สามารถเคลื่อนรถถังเข้ายึดพื้นที่ได้เนื่องจากประชาชนยูเครนเข้ามายืนขวางทางไว้ รวมถึงการระเบิดสะพาน
* แถมให้นิดว่ารัสเซียมีน้ำมันสำรองเยอะกว่ามาก การใช้เครื่องบิน = การเผาน้ำมัน เพราะฉะนั้นในระยะยาวยังไงรัสเซียก็ได้เปรียบ
แล้ว no-fly zone มันคืออะไร
มันคือแนวคิดของทางฝั่ง NATO ที่ต่อยอดมาจากการต่อต้านสงครามขององค์กรต่างๆที่เกิดขึ้นหลังสงครามจบแล้ว ว่า เออ ถ้ามันเจรจากันไม่ได้จริงๆ ถ้าไม่อยากให้มันมีการสูญเสียเยอะก็ควรจะตั้งเขตห้ามบินนะ เพราะสมัยก่อนอาวุธหนักที่สุดของโลกก็คือเครื่องบิน ระเบิดนิวเคลียร์ก็ถูกทิ้งจากเครื่องบิน
เพราะฉะนั้นถ้าทำสงครามแล้วอยากจะเบ่งใส่กันหรือหวังผลอะไรแล้วไม่อยากให้ดินแดนหลังสงครามันทำอะไรต่อไม่ได้เลย ก็ควรทำกันแบบห้ามบินในเขตสงคราม
ซึ่งสื่อของอเมริกาก็สนับสนุนแนวคิดนี้ คนฝั่งตะวันตกรวมถึงชาวยูเครนก็ออกมาเรียกร้องกันเยอะ
แต่ VOX บอกว่าก็ต้องคิดหน้าคิดหลังดีๆ เพราะถ้าทำเขตห้ามบินในสงครามแล้วก็จะทำให้รัสเซียเกิดความรำคาญกับการไม่สามารถรุกเข้าพื้นที่ได้ NATO ส่งเครื่องบินเข้าพื้นที่ยูเครนอีก ถึงจะห้ามบินแต่รัสเซียอาจจะระแวง รัสเซียที่มีอาวุธนิวเคลียร์ก็อาจจะทำอะไรที่มันรุนแรงขึ้นมาได้
.
.
.
.
ทีนี้มาฟัง Dan Senor ต่อ สรุปประเด็นคือ
- อิสราเอลก็ต้อง Balance ความสัมพันธ์ระหว่างเพนตาก้อนกับเครมลิน เพราะพวกอาหรับที่รบกับอิสราเอลอยู่ก็มี conflict กับรัสเซียบ่อยๆ มันซับซ้อน
- อิสราเอลเป็นประเทศที่ลงทุนในบรรษัทข้ามชาติ และบรรษัทข้ามชาติก็มาลงทุนด้านนวัตกรรมในอิสราเอลเป็นมูลค่ามากที่สุดในโลก ด้วยข้อจำกัดด้านทรัพยากรและต้องทำสงครามตลอดเวลา ทำให้คนต้องพัฒนา
* อันนี้ไม่รู้แกขิงหรือเปล่านะ แต่เท่าที่ดูการมีนวัตกรรมใหม่ๆมันก็เริ่มจากฝั่งตะวันตกจริง
- อิสราเอลเริ่มมีผู้นำอายุน้อยลงเรื่อยๆ แต่มีพรสวรรค์ มีความรับผิดชอบ และมีไฟ
- อิสราเอลคัดผู้อพยพที่ฉลาด(คงหมายถึงพวกอาหรับ) ทำให้เกิด start up มากมาย และถ้านับเฉพาะ GDP ที่เกิดจาก Tech อิสราเอลมี % มากที่สุดในโลก และแทรกซึมในทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเกษตร น้ำ สุขภาพ การผลิตต่างๆ เช่น
mobileye ที่ทำ"ตา"ให้รถยนต์
บ.ที่ทำ cyber security ซึ่งคิดเป็น 20% ของการป้องกันทั่วโลกถูกคิดค้นโดยอิสราเอล
อิสราเอลลงทุนในพลังงานสะอาดและยั่งยืน เป็นนโยบายระดับประเทศ
- ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอลกับพวกประเทศรอบอ่าว Gulf ก็กลายเป็นถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน โดยแกบอกว่าพวกอิหร่าน อาหรับมันคงจะคิดแนวนี้ตอนตื่นขึ้นมาเมื่อ 2-3 ปีก่อน
"เห้ยเดี๋ยวนะ เรามีซิลิคอนวัลเลย์ มีเทคด้านอาหาร น้ำสะอาด พลังงานสะอาด ความปลอดภัยด้าน cyber อยู่ใกล้บ้านนิดเดียว แล้วจะไปตีกับมันทำไมวะ"
โดยอิสราเอลก็ต้อง Balance ความสัมพันธ์ให้ถูกระหว่างอิหร่านกับอเมริกา
- อิสราเอลจะเป็นผู้นำด้าน Start up Nation ท่ามกลางแหล่งเงินทุนที่อยู่รอบๆประเทศเยอะแยะ ทำให้มีความได้เปรียบ เช่น UAE ก็ร่วมกันตั้งบริษัทกับอิสราเอล โดยมีหลักดังนี้
1. เป็นศูนย์กลางของโลกด้านงานวิจัย ปัจจุบันมี 9 สถาบันแล้วที่เป็นระดับโลก
2. สุขภาพและสังคมที่ดี(คงหมายถึงคุณภาพชีวิต)ของชาวอิสราเอลคือความสำเร็จ เพราะจะกระตุ้นให้แต่ละคนคิดไอเดียใหม่ๆ สร้างอะไรใหม่ๆได้
และแกก็บอกว่ากำลังจะเขียนหนังสือเล่มใหม่ด้วย
เอาเป็นว่าใครสนใจก็ลองไปตามหนังสือแกดู แต่โคตรขี้โม้เลยนะ
แล้วแนวคิดนี่โคตรสวนทางกับลุงตูบ
อีกคลิปที่น่าดู ภาวะเศรษษกิจหลังโควิด