จีนเตรียมยกสถานะ ‘สี จิ้นผิง’ เทียบเท่า ‘เหมา เจ๋อตุง’ อย่างเป็นทางการ
BRIEF: พรรคคอมมิวนิสต์จีนเตรียมยกสถานะ ‘สี จิ้นผิง’ เทียบเท่า ‘เหมา เจ๋อตุง’ อย่างเป็นทางการ
.
ในรอบปีที่ผ่านมา รัฐบาลจีนภายใต้การนำของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ทำการกำกับและควบคุมทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยีของจีนมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับบารมีของสีเอง ที่เพิ่มทวีคูณมากขึ้นตามกันไป
.
ก่อนหน้านี้ พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้แก้รัฐธรรมนูญ เพื่อเอื้อให้สีสามารถเป็นประธานาธิบดีตลอดชีพได้ มีคำเปรียบเทียบมากมายว่า สีเองเป็นผู้นำของจีนที่ยิ่งใหญ่อีกคนหนึ่ง หลัง เหมา เจ๋อตุง และ เติ้ง เสี่ยวผิง และดูเหมือนว่า ที่ประชุมพรรคคอมมิวนิสต์ก็เห็นเช่นนั้นด้วย เพราะพวกเขาเตรียมประกาศยกให้สี มีสถานะเท่ากับเหมาและเติ้งแล้ว
.
ในที่ประชุมพรรคคอมมิวนิสต์จีนวันนี้ (8 ตุลาคม) เนื่องในโอกาสครบรอบการก่อตั้ง 100 ปี พรรคคอมมิวนิสต์จีน จะมีการประกาศยกสถานะของสี ให้เทียบเท่ากับเหมาและเติ้ง ผู้นำจีนคนสำคัญของแต่ละยุคสมัย เพราะในสายตาของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในยุคปัจจุบัน คงไม่มีใครยิ่งใหญ่เกินกว่าสีอีกแล้ว
.
แบบเรียน สื่อโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ และโลกออนไลน์ของจีน ภายใต้การกำกับของรัฐบาล มีการสอดแทรกเนื้อหา เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ของสี ในฐานะผู้นำที่ยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะการจัดการสถานการณ์ COVID-19 ของประเทศ และในทางตรงกันข้าม ทางการจีนทำการปราบปรามผู้วิจารณ์หรือต่อต้านสีอย่างหนัก โดยเฉพาะนักธุรกิจ และคนดัง ที่มีท่าทีทำผิดไปจากศีลธรรมของพรรคคอมมิวนิสต์จีน
.
“ไม่ต้องสงสัยเลยว่า สี จิ้นผิง คือต้นแบบหลักของกระแสคลื่นแห่งประวัติศาสตร์” สำนักข่าวซินหัวของรัฐบาลจีน กล่าวยกย่องสี ก่อนการเลือกผู้นำพรรคในวาระที่ 4 ที่กำลังจะมาถึง
.
การยกสถานะของสี ให้เทียบเท่าเหมาและเติ้งอาจจะช่วยยืนยันว่า สีจะชนะการดำรงตำแหน่งผู้นำพรรคในสมัยหน้าอีก 5 ปี ปูทางให้เขาดำรงประธานาธิบดีจีนต่อไป ในวัย 68 ปีของเขา ท่ามกลางนโยบายของสี ที่พยายามชูประเด็นการปราบปรามการทุจริต ภาวะยากจนของประชาชน ตลอดจนการเสริมบทบาทและความแข็งแกร่งของจีนในเวทีโลก เพื่อปะทะกับโลกตะวันตกที่มีอุดมการณ์ประชาธิปไตย
.
ในสายตาของชาวจีนจำนวนไม่น้อย เหมาเป็นทั้งผู้นำการปฏิวัติคอมมิวนิสต์จีน และผู้นำการต่อต้านการรุกรานจากศัตรู ในขณะที่เติ้งเอง เป็นผู้นำการปฏิรูประบบเศรษฐกิจ จนนำความมั่งคั่งมาสู่ประเทศของพวกเขา และในทุกวันนี้ จีนเองกำลังมีสี ผู้ที่พวกเขาเชื่อว่า กำลังนำพาจีนไปสู่อีกบทบาท ในโลกยุคสมัยใหม่ โดยเฉพาะ “ความมั่งคั่งร่วมกัน” อันเป็นปรัชญาหลักในการพัฒนาประเทศของสี ที่เขานำเสนอมาโดยตลอด
.
จีนพยายามเขียนประวัติศาสตร์ของพวกเขา โดยยกประเด็นการปฏิวัติกลับมาพูดถึงใหม่อีกครั้ง หลังรัฐบาลมองว่า ประชาชนหลายคนเริ่มออกห่างจากอุดมการณ์การปฏิวัติของพรรคคอมมิวนิสต์ และการยกสถานะสี ให้เทียบเท่าเหมาและเติ้ง จึงอาจทำให้จีนเข้าสู่หน้าประวัติศาสตร์ใหม่ ที่โลกไม่เคยพบเห็นมาก่อนก็เป็นได้
.
.
แปลไทยโดย
The MATTER
อย่างชอบเลย การที่อำนาจเอาไปผูกไว้กับคนมากกว่าระบบเนี่ย ตอนนี้ก็ดีอยู่หรอกแต่เดี๋ยวรอดูทายาทฮ่องเต้สีเลยจะรุ่งหรือร่วง