ผมมองว่า บอร์ดลิเวอร์พูล ค่อนข้างมองการณ์ไกล ระดับหนึ่ง ใช้แนวทางเดียวกับ Boston Redsox ทำทีมให้ยั่งยืนและอยู่แนวหน้าได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาเงินเยอะ ใช้เงินเท่าที่จำเป็น
.
อย่างสนามซ้อมก็เป็นความคิดของคล็อปและบอร์ดบริหาร เห็นตรงกันวว่า ควรรวมการซ้อมของดาวรุ่งและชุดใหญ่ให้ซ้อมด้วยกัน จาก U-23 ซ้อม Krikby | ชุดใหญ่ Melwood มารวมกันที่ Krikby เพื่อหาดาวรุ่งท้องถิ่น พวกสเกาเซอร์แบบ อาร์โนลด์ หรือ โจนส์ มันสร้างอิมแพ็คให้คนเมืองลิเวอร์พูลมากกว่า หรือ ดาวรุ่งคนอื่นๆ มาเป็นตัวแทนในอนาคต แบบ เอเลียต หรือ เนโกล วิลเลี่ยม เพราะซ้อมด้วยกัน คล็อปป์ก็จะได้เห็นด้วย
.
ซึ่งการเฟ้นหาดาวรุ่งท้องถิ่น หรือปั่นดาวรุ่ง มาเป็นเกรด A หรือ WC มันใช้เงินน้อยกว่าซื้อบิ๊กสตาร์อยู่แล้ว ตัวไหนเกรดไม่ถึงก็ขายไป
.
ส่วนสนามแข่งสนามระดับลิเวอร์พูล สนามจุแค่ 4 หมื่นกว่าๆ(ก่อนขยายครั้งแรก) ผมว่ามันไม่เหมาะอ่ะ จนวางแผนจะขยายได้ 6 หมื่นกว่า รายได้เพิ่มอีก ร้อยกว่าล้านปอนด์ ต่อปี ซึ่งแน่นอนมันจะเป็นรายได้ระยะยาว และจริงๆแล้วปรับปรุงสนามเพื่อให้รองรับ งานคอนเสิร์ตด้วย คือจะหารายได้จากอีเว้นซ์เสริมด้วย

พูดง่ายๆ ว่า เจ้าของไม่รวย แต่ ฉลาด ก็หาทางเพิ่มรายได้และใช้วิธี Money Ball เพื่อประหยัดเงินสโมสรอย่างยั่งยืน

อย่างล่าสุดก็ไปจาก ทีม Mentel Heath มาดูแลสภาพจิตใจนักเตะ และเสริมความมั่นใจ และออกแบบการซ้อมเพื่อสร้างความมั่นใจในการเล่น

บอร์ดแมนยูไม่รู้เรื่องฟุตบอลครับ
แถมบางทีพยายามจะจิ้มเลือกซื้อ ให้โค้ชอีก ตำแหน่งที่ขาด เลยไม่ได้แก้

พวกตำนานนักเตะเก่าอยากให้เพิ่มผู้บริหารที่รู้เรื่องฟุตบอล
แต่บอร์ดไม่พยายามทำ เพราะกลัวคนนอกเข้ามาทะเลาะกับพวกของตัวเอง เสียอำนาจ

เงินเยอะแต่ซื้อๆหยุดๆ ไม่ได้ซื้อเพื่อแชมป์

สรุปใช้เงินไม่เป็น

เคารพความเห็นในฐานะแฟนบอลทีมใครทีมมันครับ
แค่อยากบอกว่าผลงาน/ลุ้นแชมป์เนี่ย มันเป็นเรื่องจังหวะ-โอกาส
ง่ายๆก็คือดวงด้วยแหละครับ ป๋ากะโอเล่ ถ้าผมเข้าใจไม่ผิดบอร์ด/เจ้าของเดียวกันรึเปล่าครับ

ส่วนหงส์บังเอิญโชคดีได้คลอปป์ ถ้าไม่ใช่ตาแว่นนี่มีแค่FSG ก็ไม่น่าจะได้ขนาดนี้

ไม่ใช่ครับ
ยุคเฟอกี้ David Gill เป็น ceo ทำงานมาตั้งแต่ยุคก่อนเทคโอเวอร์

ยุคโซชา ceo คือ Woodward